เขื่อนลำปาว – กาฬสินธุ์ รับน้ำได้ทั้งปี มีน้ำใช้ถึงหน้าแล้ง

เขื่อนลำปาว – กาฬสินธุ์ รับน้ำได้ทั้งปี แถมมีใช้ไปถึงหน้าแล้ง ไม่ต้องกลัวท่วม!

วันนี้ (24 ส.ค. 65) นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โครงการ หรือ เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ได้เข้าติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณ อ่างเก็บน้ำลำปาว และตรวจสอบความแข็งแรงของตัวอาคารระบายน้ำหรือสปิลเวย์ หลังปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาคาบเกี่ยวถึงต้นสัปดาห์นี้ มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำจากเหนือเขื่อนไหลลงมาเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำลำปาวปริมาณมากกว่า 1,000 ล้าน ลบ.ม. พร้อมติดตามบริหารจัดการน้ำและจัดจราจรน้ำไม่ให้กระทบพื้นที่ท้ายน้ำ

นายสำรวยกล่าวว่า จากอิทธิพลของฝนที่ตกลงมานั้นส่งผลดี ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนลำปาวประมาณ 1,057 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 1,174 ล้าน ลบ.ม. หรือ 59% จากความจุอ่าง 1,980 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งสามารถรองรับปริมาณน้ำ และพร้อมรับน้ำตลอดฤดูฝนได้อีกว่า 800 ล้าน ลบ.ม.

อย่างไรก็ตามในช่วงเดียวกันนี้เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ผ่านมา มีปริมาณมากกว่า ถึง 500 ล้าน ลบ.ม. นายสำรวยยืนยันว่า มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการใช้น้ำทุกกิจกรรม ทั้งเพื่อการเกษตร ประปา อุปโภค บริโภคตลอดฤดูแล้งอย่างแน่นอน

ส่วนของการบริหารจัดการน้ำในช่วงนี้นั้น เป็นการส่งน้ำเสริมน้ำฝน โดยได้เริ่มเปิดน้ำเข้าคลองระบบชลประทานเพื่อการเกษตรและประมง มาตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2565 มีกำหนดปิดประมาณปลายเดือนตุลาคม 2565

ทั้งนี้ปัจจุบัน ได้ทำการส่งน้ำและระบายน้ำวันเฉลี่ยวันละ 6 ล้าน ลบ.ม. แยกเป็นการส่งน้ำ – เสริมฝนลงสู่ลำน้ำปาววันละ 2 ล้าน ลบ.ม. ส่งเสริมฝนเพื่อการเกษตรและประมงวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. รักษาระบบนิเวศน์และเผื่อระเหยวันละ 1 ล้าน ลบ.ม.

นอกจากนี้ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวยังได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะดำเนินการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการจัดจราจรน้ำในช่วงนี้จะต้องบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและติดตามสถานการณ์ทุกวัน เพื่อไม่ให้กระทบยังพื้นที่ท้ายน้ำ ซึ่งหากมีปริมาณฝนตกลงมามากก็จะลดปริมาณการระบายน้ำลงตามสถานการณ์ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการไหลลงไปสมทบพื้นที่ด้านล่างหรือ ลำน้ำชี เป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอุทกภัย รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่หมั่นออกตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของตัวอาคารระบายน้ำ หรือสปิลเวย์และตลอดแนวพนังให้มีสภาพพร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย