ประกาศขายบ้านเอื้ออาทรใช้หนี้ ขายไม่ออก ลุ้นรัฐให้คนรายได้น้อยเช่าถูก

บ้านเอื้ออาทร เป็นโครงการของรัฐบาลที่จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย รวมถึงข้าราชการชั้นผู้น้อย และพนักงานหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้ได้เช่าซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาย่อมเยา ซึ่งอยู่ในความดูแลของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) สังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2561-2563 ได้พัฒนาที่อยู่อาศัยไปแล้วจำนวน 737,151 ยูนิต และรับมอบแผนยุทธศาสตร์ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย 20 ปี (2560-2579) เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย จำนวน 2.7 ล้านครัวเรือน เฉลี่ยปีละ 135,000 ยูนิต

แต่ล่าสุด นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เผยว่า วันที่ 8 มี.ค.นี้ กคช. เตรียมเสนอโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ยังคงเหลือ 18,000-19,000 ยูนิต ให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กคช. พิจารณาอนุมัติขายยกล็อต ให้กับเอกชนและหน่วยงานรัฐที่สนใจในราคายูนิตละ 400,000 แสนบาท รวมเป็นเงินประมาณ 7,600 ล้านบาท เพื่อปิดฉากบ้านเอื้ออาทร หลัง กคช.ต้องแบกรับภาระหนี้เงินกู้มากว่า 15 ปี ทั้งนี้ หากบอร์ด กคช.เห็นชอบ จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.อนุมัติวันที่ 14 มีนาคมนี้

สิ่งที่ต้องลุ้น คือ…

หากไม่มีเอกชนหรือส่วนราชการใดสนใจ กคช. จะให้บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูก ใช้สิทธิเข้าซื้อยกล็อต เพื่อนำมาปรับปรุงให้ผู้มีรายได้น้อยเช่าในราคา 1,500 บาทต่อเดือน และซื้อในราคาถูกประมาณ 400,000-450,000 บาทต่อยูนิต

หมายความว่า ..

รายได้น้อย 18,000-19,000 ราย จะสามารถเช่าบ้านเอื้ออาทรได้ในราคา 1,500 บาทต่อเดือน และซื้อในราคาถูกประมาณ 400,000-450,000 บาทต่อยูนิต นั้นด้วย

แต่หากเสนอโครงการเข้า ครม.ไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ จะเสนอรัฐบาลชุดใหม่เพื่ออนุมัติต่อไป แต่ระหว่างนี้ กคช.ต้องหาเงินมาชำระหนี้ ที่มีอยู่ประมาณ 19,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดในเดือน พ.ค.นี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท และเดือน ส.ค. อีก 2,000 ล้านบาท

ซึ่งต้องจับตาว่า เรื่องนี้จะมีความคืบหน้าอย่างไร แล้วกลับมานำเสนอให้ทราบ