สรุปเรื่องราว ครูยุ่น หลังถูกแจ้งข้อหา ทำร้าย และ ใช้แรงงานเด็ก

สังคมจับตา สรุปเรื่องราว ครูยุ่น มูลนิธิคุ้มครองเด็ก จากผู้ดูแล สู่การถูกกล่าวหาว่า ทำร้ายเด็ก

สังคมจับตาอีกครั้ง เมื่อคนที่ได้ชื่อว่า เป็น “ผู้คุ้มครองเด็ก” ถูกกล่าวหาว่า “ทำร้ายเด็ก” เสียเอง

หลายๆคนคงรู้จัก “มูลนิธิครูยุ่น” หรือ “มูลนิธิคุ้มครองเด็ก Child Protection Foundation – Thailand” ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ดำเนินงานโดย นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น ออกตัวเรื่องการดูแล คุ้มครองเด็ก มานานหลายปี จนมาวันหนึ่ง ที่ทุกอย่างพลิกกลับ ครูยุ่น ถูกกล่าวหาว่า ทำร้ายเด็กในมูลนิธิตัวเอง!

โดยนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เปิดเผย ว่า

เรื่องดังกล่าวเริ่มขึ้น เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พ.ม.) ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่ทางมูลนิธิจัดขึ้นตามปกติ และได้พูดคุยกับเด็ก จนได้รับข้อมูลว่า เด็กถูกครูยุ่นทำร้าย และใช้แรงงาน โดยส่งไปทำงานที่รีสอร์ทของเพื่อน จึงประสานหน่วยงาน เข้าตรวจสอบอีกครั้ง ในวันรุ่งขึ้น (28 ต.ค. 65) จึงได้มีการวางแผนเพื่อเข้าตรวจสอบข้อมูล

หลังจากนั้นในวันที่ 29 ต.ค. 65 พม.จ.สมุทรสงคราม ก็ได้ลงพื้นที่หาข้อมูลเพิ่ม จึงได้ทราบว่า ครูยุ่นทำโทษเด็ก เมื่อใช้งานเด็กแล้วไม่ได้ดั่งใจ แต่จากการตรวจสอบไม่มีบาดแผลทำร้ายที่ชัดเจน ส่วนการใช้แรงงานเด็กนั้น เป็นการให้เด็กในมูลนิธิ ไปทำงานในรีสอร์ทของเพื่อน ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กหรือไม่นั้น ต้องสอบสวนอีกครั้ง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าตรวจสอบในทางคดี และได้แจ้งข้อกล่าวหากับครูยุ่น ในวันที่ 31 ต.ค. 65


ต่อมาในวันที่ 2 พ.ย. 65 พม.จ.สมุทรสงคราม ก็ได้เข้ารับเด็กในสถานสงเคราะห์ ไปยังสถานแรกรับของทางราชการ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546

ซึ่งจากการที่ทางจังหวัดมอบหมายให้พม.จ.สมุทรสงครามและทีมสหวิชาชีพ เข้าพูดคุยและสอบถามเด็ก จำนวน 55 คนในมูลนิธิแล้วนั้น เด็ก 8 คนที่ร้องเรียนว่าถูกทำร้ายร่างกาย มีความต้องการย้ายออกจากมูลนิธิ และเด็กอีก 23 คน มีความต้องการออกจากมูลนิธิเช่นเดียวกัน โดย เด็กทั้ง 23 คน ทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรสงครามจะรับดูแลต่อไป ส่วนเด็กที่เหลืออีก 24 คน เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ทั้ง 24 คน สมัครใจอยู่ในมูลนิธิต่อไป โดย ทั้ง 24 คน แบ่งเป็น เด็กเล็ก 14 คน และเด็กโต 10 คน อายุน้อยสุด 2 ขวบ อายุมากสุด 16 ปี

ซึ่ง นายแก้วสรร อติโพธิ์ ประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ได้แจ้งกับ เจ้าหน้าที่ พม.จ.สมุทรสงคราม ว่า เด็กพวกนี้ไม่มีบ้าน ถูกรังแก ถูกทำร้าย มูลนิธิก็รับมาดูแล มีอำนาจการปกครองถูกต้อง สามารถทำโทษเด็กเหมือนพ่อทำโทษลูก ไม่ได้รุนแรงเกินเหตุ การที่มีเด็กร้องเรียนไม่กี่คน โดยเฉพาะจากกลุ่มนี้ ที่บางคนอายุ 17 ปี และติดยาเสพติด รวมทั้งนำมาให้น้องๆ เสพด้วย ถ้าเป็นที่อื่นก็จับส่งตำรวจหมดอนาคตไปแล้ว 

แต่ที่แห่งนี้พยายามอบรมสั่งสอน ให้กลับตัวเป็นคนดี จะมาหาว่าทำรุนแรงเกินไปได้อย่างไร เด็กทั้งหมดเราดูแลอย่างดี การจะมารับเด็กทั้ง 55 คนไป อาศัยอำนาจอะไร ถามเด็กทั้งหมดหรือยัง 

สิ่งที่ถูก ก็ควรจะต้องฟังหูไว้หู รวมทั้งควรมาตรวจสอบแบบเงียบๆ เพื่อคุ้มครองเด็กๆ ไม่ใช่นำสื่อแห่กันมาแบบนี้ ดังนั้นหากเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ ตนก็ไม่ยอมเหมือนกัน

หลังจากนั้นในวันที่ 3 พ.ย. 65 ครูยุ่นและนายแก้วสรร พร้อมกับทนายความ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหาทำร้ายเด็ก ที่ สภ.อ.อัมพวา ตามหมายเรียก ทางครูยุ่น และ ทีมมูลนิธิคุ้มครองเด็ก มั่นใจว่า ดูแล สั่งสอนเด็กเป็นอย่างดี

คดีนี้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดูแลด้วยตัวเอง

หลังแจ้งข้อกล่าวหา ครูยุ่น ช่วงกลางดึก “บิ๊กโจ๊ก” เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จาก กองบินตำรวจ (ท่าแร้ง) เดินทางไปที่ สภ.อัมพวา เรียกทีมประชุม และวางแผน การปฏิบัติงาน เพื่อสืบสวนสอบสวนคดีให้กระจ่าง

ซึ่ง บิ๊กโจ๊ก ทิ้งท้ายไว้ว่า จะสืบให้ลึกขึ้นเพื่อตรวจสอบว่า คดีนี้ ไปถึงการค้ามนุษย์ หรือไม่

เรื่องนี้ ยังต้องติดตามกันต่อไป ว่า ครูยุ่น มีความผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ และความจริงในเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร อีจันจะเกาะติดกันต่อไปครับ