ความเชื่อ ปักตะไคร้ไล่ฝน ทำไมต้อง หญิงพรหมจรรย์ เท่านั้น!

ความเชื่อ คติโบราณ ปักตะไคร้ไล่ฝน ทำไมต้อง หญิงพรหมจรรย์ เท่านั้น! ห้ามฝนได้จริงหรือ ?

ช่วงนี้ฝนตกไม่หยุดไม่หย่อนจะทำอะไรก็ พะวังหน้าพะวังหลังได้แต่แหงนมองเมฆฝน ใครที่ต้องเดินทางหรือทำงานการแจ้งคงสุดทน และคนไทยหลายคนคงมีวิธีในใจเหมือนกันแน่ๆ คือการมองหาสาวโสดซิง มาช่วยปักตะไคร้ไล่ฝน แต่เอ๊ะ! ความเชื่อนี้นั้นมีมาแต่ใดไหนลองมาดูที่มาความเชื่อ ว่าเป็นมาอย่างไรกันอาจมีมาจากความเชื่อของไทยที่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องดินฟ้าอากาศ อาจเป็นเพราะว่าในสมัยก่อน คนไทยทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก เรื่องของฟ้าฝนจึงเกี่ยวกับการทำมาหากิน และนำมาสู่พิธีกรรมต่างๆ


อีกทั้งประเทศไทยก็ตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ภูมิอากาศมีลักษณะเป็นแบบร้อนชื้น ช่วงฤดูมรสุมจะมีฝนตกชุกส่งผลให้จะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ดังนั้นเมื่อสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยหากต้องจัดงานสำคัญกลางแจ้ง คนโบราณจึงได้คิดหาวิธีการไล่ฝนขึ้นมา

อาจมีมาจากความเชื่อของไทยที่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องดินฟ้าอากาศ อาจเป็นเพราะว่าในสมัยก่อน คนไทยทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก เรื่องของฟ้าฝนจึงเกี่ยวกับการทำมาหากิน และนำมาสู่พิธีกรรมต่างๆ


อีกทั้งประเทศไทยก็ตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ภูมิอากาศมีลักษณะเป็นแบบร้อนชื้น ช่วงฤดูมรสุมจะมีฝนตกชุกส่งผลให้จะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ดังนั้นเมื่อสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยหากต้องจัดงานสำคัญกลางแจ้ง คนโบราณจึงได้คิดหาวิธีการไล่ฝนขึ้นมา

หนึ่งวิธีการไล่ฝนยอดนิยมคู่คนไทย คงไม่พ้น “การปักตะไคร้” ซึ่งเป็นความเชื่อมาแต่โบราณ ยังไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่ามาจากไหน แต่พิธีกรรมโบราณหลายอย่างมักจะเป็นการกระทำที่ “ฝืนธรรมชาติ” เพราะมีความเชื่อว่าต้องการให้เทวดาเบื้องบนโกรธที่มนุษย์ทำผิดธรรมเนียม

โดยหากเห็นท่าไม่ดีเมฆฝนตั้งเค้า ขรึมมืดมาแต่ไกล ให้รีบไปขุดหาตะไคร้สักกำหนึ่ง แล้วปักลงกลางแจ้ง ทำคล้ายๆ จะเอาไปปลูก แต่ให้ปักยอดทิ่มลงดิน เอารากหรือโคนชี้ขึ้นฟ้า พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐาน ให้ฝนไม่ตก (ตามคาถาปักตะไคร้ที่แนบมาให้ด้านล่าง) และสิ่งสำคัญคนปักต้องเป็นหญิงสาวผู้เป็นพรหมจาริณี คือยังไม่มีสามี เป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ก็ยังคงมีบางความเชื่อต่างออกไปว่า แทนที่จะเป็นแค่หญิงพรหมจรรย์ แต่ต้องเป็นลูกชายคนโตต่างหาก เมื่อลองวิเคราะห์ดูอาจมีความเชื่อมโยงระหว่างคติทั้งสองแบบนี้ กับการ “ห้ามฝน”

ทั้งหญิงสาวพรหมจรรย์ ลูกชายคนโต (รวมถึงกอตะไคร้และฝน) ล้วนมีนัยความหมายในทางพิธีกรรมว่าด้วยการแตกหน่อ แพร่พันธุ์ สืบสกุล มีลูกมีหลาน ฯลฯ แต่เมื่อให้คนที่มีคุณสมบัติ “ถึงพร้อม” อย่างที่ว่า เอาตะไคร้ไปปลูกด้วยการกลับเอายอดลงดินรากชี้ฟ้า อันเป็นการปฏิเสธการแตกกอเจริญงอกงามต่อไป จึงเท่ากับว่าได้สร้างภาวะ “ผิดที่ผิดทาง” หรือก่อกำเนิดความ “ไม่ปกติ” ขึ้นมา อันจะมีผลให้กลไกต่างๆ ทั้งทางธรรมชาติและเหนือธรรมชาติ ติดขัด-ตัดขาด คือไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น

จึงทำให้ เทวดา ขัดใจ แล้วฝนที่ควรจะตกต้องตามฤดูกาลจึงไม่ตก เป็นเหมือนการถูกเทวดาลงโทษกลายๆการสร้างภาวะ “ผิดที่ผิดทาง” ในพิธีกรรมทำนองนี้ ว่าที่จริงก็พบเห็นได้ทั่วไป อย่างการแห่นางแมวขอฝนก็เช่นกัน คือจากปกติที่แมวทั่วไปไม่ชอบน้ำ แต่เมื่อจับมาเอาน้ำสาดไปซัด ก็เท่ากับการสร้างภาวะ “ผิดที่ผิดทาง” ขึ้น ซึ่งว่ากันว่า “เทวดาฟ้าดิน” หรืออำนาจเหนือธรรมชาติจะไม่พอใจ ทำให้บันดาลให้ฝนกระหน่ำลงมา เพื่อ “ชะล้าง” สิ่งผิดปกตินี้ออกไปไม่เฉพาะแต่ในพิธีกรรมชาวบ้าน แม้แต่พิธีของหลวง อย่างเช่นพิธีพิรุณศาสตร์ในชุด “พระราชพิธี 12 เดือน” อันเป็นการขอฝนเช่นเดียวกัน ก็ต้องมีการ “ปั้นเมฆ” คือปั้นดินเป็นตุ๊กตารูปหญิงชายเปลือยกายสมสู่กัน ไปตั้งไว้กลางแจ้ง ในความหมายว่าเอากิจกรรมอันพึงเกิดในที่มุงบังลับหูลับตา ไปวางโร่ไว้ให้เทวดาเห็นสิ่ง “บัดสีบัดเถลิง” แล้วจะได้ส่งฝนลงมาไล่ล้างให้ไปพ้นๆ

ไม่เฉพาะแต่ในพิธีกรรมชาวบ้าน แม้แต่พิธีของหลวง อย่างเช่นพิธีพิรุณศาสตร์ในชุด “พระราชพิธี 12 เดือน” อันเป็นการขอฝนเช่นเดียวกัน ก็ต้องมีการ “ปั้นเมฆ” คือปั้นดินเป็นตุ๊กตารูปหญิงชายเปลือยกายสมสู่กัน ไปตั้งไว้กลางแจ้ง ในความหมายว่าเอากิจกรรมอันพึงเกิดในที่มุงบังลับหูลับตา ไปวางโร่ไว้ให้เทวดาเห็นสิ่ง “บัดสีบัดเถลิง” แล้วจะได้ส่งฝนลงมาไล่ล้างให้ไปพ้นๆ

วิธีปักตะไคร้

ใช้ตะไคร้ 3 ต้น หรือ 7 ต้น โดยตัดยอดออก เพื่อใช้ส่วนใบที่แข็ง ปักลงดินเพื่อให้โคนต้นตะไคร้ชี้ฟ้า ให้สาวพรหมจารีเป็นคนทำพิธี

ลักษณะของสาวพรหมจารีต้องมีคุณสมบัติตามนี้

  • ไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์

  • ไม่อยู่ในช่วงมีรอบเดือน

  • เป็นหญิงสาวที่ไม่ใช่เด็ก (หญิงสาวที่เคยมีประจำเดือนแล้ว) อายุไม่เกินช่วงวัยเบญจเพส

  • เป็นหญิงสาวที่อยู่ในศีลในธรรม

  • เป็นหญิงหม้ายที่ถือพรหมจรรย์

คาถาปักตะไคร้

เมื่อเลือกสาวพรหมจารี และเตรียมต้นตะไคร้พร้อมแล้ว คณะผู้จัดงานก็จะพาหญิงสาวไปบริเวณที่เหมาะสมเพื่อปักตะไคร้ ด้วยการท่องคาถา ดังนี้

  1. ตั้ง นะโม 3 จบ

  2. กล่าวตั้งจิตอธิษฐาน “อากาเสจะ พุทธทีปังกะโร นะโมพุทธายะ”

  3. ข้าพเจ้า และคณะผู้จัดงาน (กล่าววัตถุประสงค์จัดงาน) ขอเทพยดาและพระภูมิเจ้าที่ ช่วยสนับสนุนค้ำจุน ให้ (วันที่) ไม่มีฝนตกใน (สถานที่) และขอให้สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการรองรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานด้วยเทอญ.

  4. หลังจากกล่าวเสร็จแล้ว ให้ยกต้นตะไคร้ขึ้น และกล่าว “ขอบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทวดาอารักษ์ ได้โปรดดลบันดาลให้ฝนไม่ตก ให้ท้องฟ้าเปิดสว่างไสว ให้ฝนไปตกที่อื่นตามคำขอด้วยเทอญ”

ทั้งนี้ความเชื่อดังกล่าวนั้น ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคลและความเชื่อล้วน ๆ เพราะว่าเรื่องของธรรมชาติฟ้าฝนนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ขึ้นอยู่ที่ปาฏิหาริย์และความบังเอิญ หากคุณอยากลองทำพิธีปักตะไคร้เพื่อความสบายใจก่อนเริ่มงานสำคัญ ก็ลองทำได้ แต่ไม่อยากให้คาดหวังว่า “ผู้หญิง” ที่ไปประกอบพิธีจะต้องทำให้ฝนหยุดตกได้ เพราะเธอคงไม่ชอบที่จะถูกเพื่อน ๆ หรือสังคมล้อเลียนอย่างแน่นอน จึงกลับกลายเป็นการเสียดสีที่ลดทอนคุณค่าของผู้หญิง

ขอบคุณขอมูล sarakadee , ruay55 , oer.learn

คลิปแนะนำอีจัน
เลิ่กลั่ก แท็กซี่เหมาจ่าย ไม่กดมิเตอร์