โรฮิงญา 89 คน ลอบเข้าเมือง อัดในตู้ทึบ ร้อน-หิวโซ หวิดตายหมู่

หวิดตายหมู่ ชาวโรฮิงญา 89 คน มีทั้ง เด็ก-ผู้หญิง ลักลอบหนีเข้าเมือง โดยซ่อนในกระบะตู้ทึบ 3 คัน อัดแน่น ขาดอากาศ แดดร้อน หิวโซ ตร.ทางหลวงพบพิรุธ เข้าช่วยเหลือได้ทัน

เมื่อเวลา 14.30 น. เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.66) ร.ต.อ.จิรภัทร บัวทอง รองสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวงชุมพร ร่วมกับ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จ.ชุมพร เจ้าพนักงาน กก.5 บก.ป. ตชด.414 กอ.รมน.จ.ชุมพร เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งตะโก ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา ประกอบด้วย นายวีระพงษ์ อายุ 32 ปี, นางสาวบุญโฮม อายุ 32 ปี, นายวรวิทย์ อายุ 30 ปี, นายเกียรติศักดิ์ อายุ 21 ปี ทั้งหมดสัญชาติไทย รวม 4 คน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ให้ที่พักอาศัยช่วยซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม พร้อมด้วยชาวโรฮิงญา ชายและหญิง เด็กชายเด็กหญิง รวมทั้งหมด 89 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีของกลางเป็นรถยนต์กระบะจำนวน 3 คัน ด้านหลังกระบะติดตั้งตู้ทึบแบบอลูมิเนียม

สืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง 2 คัน ได้ออกตรวจในเขตรับผิดชอบมาถึงบริเวณ กม.ที่ 41-41 ตำบลทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ได้สังเกตเห็นรถยนต์กระบะติดตั้งตู้ทึบมีลักษณะบรรทุกคล้ายของหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งสัญญาณให้จอดชิดขอบทางด้านซ้าย พบนายวีระพงษ์ เป็นคนขับจึงขอตรวจสอบพบ บุคคลต่างด้าวจำนวน 30 คนนั่งแออัดกัน นายวีระพงษ์รับว่า มีอีก 2 คันลักษณะเดียวกันขับตามกันมาพร้อมกัน จากนั้นได้วิทยุสั่งการให้ร่วมกันสกัดจับรถกระบะอีก 2 คัน ไล่ติดตามไปถึงในซอยเกษแก้ว หมู่ 2 ตำบลช่องไม้แก้ว ริมถนนสายเอเชีย 41 เห็นรถทั้ง 2 คันจอดอยู่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบชาวต่างด้าวอีกจำนวน 59 คน  สอบถามผู้ขับขี่รถกระบะทั้ง 2 คัน ให้การว่า ได้รับบุคคลต่างด้าวมาจากจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางไปพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยได้รับค่าจ้างคันละจำนวน 30,000 บาท จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมรถของกลางทั้งหมดไปยัง สภ.ทุ่งตะโก เพื่อลงบันทึกการจับกุมและสอบสวนขยายผล

นายฮุนเซน อายุ 28 ปี ล่ามชาวเมียนมา เล่าว่า หลังจากสอบถามบุคคลต่างด้าวดังกล่าว ทราบว่า ทั้งหมดเป็นชาวโรฮิงญา บางส่วนหนีมาจากศูนย์อพยพ บางคนมาจากรัฐยะไข่ เดินทางข้ามเรือ ข้ามภูเขาจากประเทศเมียนมา เข้ามาทางชายแดนอำเภอแม่สอด บางคนเดินทางใช้เวลาเดินเท้า 2 สัปดาห์ ถึง 2 เดือน มารวมตัวกันที่โกดังแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สอด หลังจากนั้นจะมีรถมารับและส่งรับกันเป็นช่วงๆ จนมาถูกจับ บางคนบอกว่าไม่ได้กินข้าวมา 2 วันแล้ว

ล่ามยังบอกอีกว่า ต่างด้าวชาวโรฮิงญาต้องเสียเงินให้กับนายหน้าชาวโรฮิงญาด้วยกันประมาณ 10 ล้านจัต แลกเป็นเงินไทยประมาณ 1 แสน 2 หมื่นบาท เมื่อถามว่าเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ โดยชาวต่างด้าวบางคนบอกว่า พ่อแม่บางคนออกให้ บางคนขายที่ดิน และบางคนญาติที่อยู่ต่างประเทศส่งให้ ส่วนเงินจำนวนนี้บางคนจ่ายให้นายหน้าชาวโรฮิงญาไปแล้ว บางคนจ่ายครึ่งหนึ่ง โดยนายหน้าจะเรียกเก็บเงินตอนอยู่ในโกดังที่แม่สอดกับญาติพี่น้องของแรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้ นายหน้าชาวโรฮิงญาจะแบ่งกันอยู่คนละพื้นที่คือ ในบังกลาเทศ ในมาเลเซีย และแม่สอด โดยจะติดต่อเชื่อมโยงกันหมด

ทั้งนี้ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุม เปิดเผยว่า โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับกลุ่มบุคคลต่างด้าวชาวโรฮิงญาทั้งหมดได้ก่อน เนื่องจากว่าขณะเข้าตรวจค้นและเปิดประตูตู้ทึบทำด้วยสแตนเลสมีความร้อนสูงและไม่มีอากาศถ่ายเท เมื่อเปิดออกเห็นภาพที่น่าสลด เมื่อเด็กและผู้หญิงบางคนเป็นลมตะเกียกตะกาย บางรายแทบหยุดหายใจ ถ้าไม่สกัดจับได้ก่อนอาจเกิดเหตุการณ์สลดมากกว่านี้ อีกทั้งสภาพของเสื้อผ้าที่คาดว่าไม่ได้เปลี่ยนหรืออาบน้ำมาหลายวัน ทำให้บริเวณที่รวมตัวของกลุ่มชาวโรฮิงญานั้น มีกลิ่นสาบเหม็นคละคลุ้ง ซึ่งสร้างความหดหู่ใจเป็นอย่างมาก

คลิปอีจันแนะนำ
สรุป จอดรถ ถนนส่วนกลาง แต่ขวางหน้าบ้านคนอื่น ผิดไหม ?