รู้กันหรือไม่ ปลาปิรันยา สัตว์น้ำ ต้องห้ามนำเข้าไทย

ทำความรู้จัก เพชฌฆาตแห่งลุ่มน้ำจืด ! ปลาปิรันยา สัตว์น้ำ ต้องห้ามมีไว้ครอบครองหรือนำเข้าไทย ผู้ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

จากกรณีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบร่วมกับกรมประมงบุกจับหนุ่มลักลอบค้าปลาปิรันยากลางกรุง ลักลอบเลี้ยงปลาปิรันยาเพื่อการค้า ซึ่งใช้บ้านพักเป็นจุดส่งมอบ โดยใช้วิธีการติดต่อประกาศซื้อขายกัน ทางแอปพลิเคชันไลน์และเพจเฟซบุ๊ก พฤติกรรมของผู้ที่กระทำความผิดอาจสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศทางน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ทางน้ำ

ตร. ปทส. ร่วม กรมประมง จับหนุ่ม ลักลอบค้า ปลาปิรันยา กลางกรุง

ทำความรู้จักปลาเพชฌฆาตสุดโหด จริงหรือ?

ปลาปิรันย่า (Piranha) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Serrasalmus spp เป็นปลาน้ำจืดกลุ่มหนึ่ง จัดอยู่ในสกุล เซอร์ราซัลมัส (Serrasaimas) สกุลรูสเวลทิเอลลา และสกุล ไพโกเซนทรัส ซึ่งปลาในกลุ่มนี้มีทั้งหมด 25 ชนิด แต่มีเพียง 4 ชนิดเท่านั้นที่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์ เนื่องจาก ปลาปิรันย่า กินเนื้อเป็นอาหาร โดยมักอาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำแถบอเมริกาใต้และแอฟริกา พบมากในแม่น้ำอเมซอน อันเป็นถิ่นกำเนิด

ลักษณะทั่วไปของ ปลาปิรันย่า ลำตัวจะแบนข้าง ท้องกว้าง คล้ายปลาโคกของไทย แต่ละชนิดจะมีจุดสีตามลำตัวแตกต่างกันออกไป เกล็ดบริเวณสันท้องจะเป็นหนามคล้ายฟันเลื่อยจำนวน 24-31 อัน มีอาวุธสำคัญ คือ “ฟัน” ที่มีแถวเดียวเป็นรูปสามเหลี่ยมและแหลมคมมาก สามารถกัดเนื้อให้ขาดได้อย่างง่ายดาย ริมฝีปากล่างยื่นออกมายาวมากกว่าริมฝีปากบน แต่เมื่อหุบปากจะปิดสนิทระหว่างกันพอดี

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น ปลาโหด แต่ ปลาปิรันย่า ก็เป็นปลาที่ขี้ตกใจ จึงต้องอยู่รวมเป็นฝูงใหญ่เพื่อที่จะโจมตีเหยื่อ และบ่อยครั้งที่มันตกเป็นเหยื่อของสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า อย่างเช่น ปลาช่อนยักษ์อเมซอน หรือปลาอะราไพม่า, นากยักษ์ (Pteronura brasiliensis) , โลมาแม่น้ำอเมซอน (Inia geoffrensis) และนกกินปลาอีกหลายชนิด รวมถึงคนพื้นเมืองที่นิยมกิน ปลาปิรันย่า เป็นอาหารด้วย

ซึ่งปลาปิรันย่า ชนิดที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายที่สุด คือ ปลาปิรันย่าแดง หรือปิรันย่าท้องแดง (Pygocentrus nattereri) เกล็ดมีขนาดเล็ก สีแดงอมชมพูแวววาวดูเหมือนกากเพชร ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 33 เซนติเมตร น้ำหนักราว 3.5 กิโลกรัม แถมยังสุดอึด สามารถมีชีวิตอยู่บนบกที่ไม่มีน้ำได้นานถึง 2 ชั่วโมง

อีกทั้งปลาปิรันย่ายังมีลักษณะคล้ายคลึงกับปลาเปคู (Pacu) หรือ ปลาคู้ ปลาชนิดนี้ไม่มีความดุร้ายเท่าและสามารถกินได้ทั้งพืชและสัตว์ ซึ่งในประเทศไทยถือเป็นปลาเศรษฐกิจและปลาสวยงาม

ด้วยความสวยงามของ ปลาปิรันย่า ทำให้บางประเทศอนุญาตให้เลี้ยงปลาชนิดนี้ เป็นปลาสวยงามได้ แต่สำหรับประเทศไทย ถือเป็นสัตว์น้ำที่ห้ามมิให้มีไว้ในครอบครอง หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักร หรือนำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำ ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดตาม พ.ร.บ.การประมง มาตรา 53 และมีโทษตามมาตรา 67 ทวิ คือต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 120,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายของปลาปิรันยา หากพบเห็นหรือมีข้อมูลเกี่ยวกับการลักลอบเพาะเลี้ยงแจ้งได้ที่กรมประมง

ทั้งนี้เหตุผลที่ปลาปิรันย่า เป็นปลาต้องห้ามเพราะว่าปลาชนิดนี้สามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วในพื้นที่เขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทย หากหลุดรอดลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติจะก่อให้เกิดอันตรายอย่างมาก ต่อสัตว์น้ำตามธรรมชาติ และยังเป็นภัยคุกคามความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ ได้อย่างมาก

ที่มา: องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย , กรมประมง

คลิปแนะนำอีจัน
ดร.พิมพ์ขวัญ นางงามมีผัวแล้ว 2022 Mrs.Thailand World