ตำรวจ ลั่น หากอานนท์ขัดขืน จับตายเเน่!
(25 ส.ค.65) พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.4 และ โฆษก ภ.4 เผยถึงความคืบหน้า การติดตามจับกุม นายอานนท์ อ่อนสาคร อายุ 27 ปี ชาว ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ในข้อหา สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
โดยก่อเหตุยิงปืนใส่ตำรวจ ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน เหตุเกิดขึ้นวันที่ 23 ส.ค.65 ที่ผ่านมา ในโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ชุมชนกังสดาล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น และใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์จากประชาชน เพื่อใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี เพื่อให้พ้นการจับกุมของตำรวจ รวมถึงการสืบสวนหาตัวเพื่อนของนายอานนท์อีก 5 คนมาสอบสวน
พล.ต.ต.ไพศาล เผยอีกว่า การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจนั้น ทั้งการสืบสวนหาตัวเพื่อนของอานนท์ทั้งหมด 5 คน ซึ่งตำรวจทราบชื่อที่อยู่หมดแล้ว เชื่อว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับอานนท์นั้น บางคนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย แต่ในวันเกิดเหตุยังไม่มีความชัดเจนว่า ใคร ขับรถคันไหน และใครหนีไปกับรถคันไหน หรือ หนีออกจากโรงแรมอย่างไร
ส่วนนายอานท์นั้น จี้ชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน ใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี เชื่อว่าน่าจะมีเพื่อนมารับไปต่อ ซึ่งขณะนี้เพื่อนของนายอานนท์นั้น ยังคงหลบซ่อนในพื้นที่ของภาค 4
การสืบสวนจับกุมในครั้งนี้ ตำรวจสืบสวนทราบว่า นายอานนท์นั้น ผันตัวเองจากวัยรุ่นติดยาเสพติด มาเป็นเด็กเดินยา ต่อมาก็เป็นเอเย่นต์ขายยาเสพติด ส่งยาบ้าในพื้นที่ภาคอีสาน โดยมีวัยรุ่นที่ติดยาเสพติดเป็นลูกน้อง รับทวงค่ายาบ้าให้เอเย่นต์รายใหญ่ โดยจะใช้อาวุธปืนข่มขู่เครือข่ายที่ติดค้างค่ายาเสพติด ถือว่านายอานนท์เป็นบุคคลอันตราย ที่มีอาวุธปืนติดตัวตลอดเวลา
และจากพฤติกรรมการก่อเหตุล่าสุด ที่โรงแรมและจี้ชิงทรัพย์แล้วนั้น ทำให้รู้ว่า นายอานนท์ไม่น่าจะยอมจำนน หรือ ยอมถูกจับง่ายๆ ซึ่งในกรณีการเข้าจับกุมเมื่อเจอตัวนายอานนท์ และถูกนายอานนท์ยิงปืนใส่ตำรวจ ต่อสู้ ขัดขวางและพยายามหนี เอาตัวรอดนั้น ตำรวจก็ต้องปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดเช่นกัน อาจถึงขั้นจับตายก็เป็นได้
“การหลบหนีของนายอานนท์นั้น ก็มีเพื่อนและเครือข่ายยาเสพติดพาหนีไป ซึ่งภาค 4 ก็มีการกำชับ ตำรวจในพื้นที่ตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง เฝ้าติดตามจับกุมตัวนายอานนท์ และป้องกันไม่ให้ข้ามฝั่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านเช่นกัน ในส่วนของเพื่อนนายอานนท์นั้น อยากให้เข้าพบตำรวจ อย่าหลบหนีอีกเลย เพราะบางคนก็ไม่มีความผิดใด จึงไม่ควรจะหลบหนี ควรมาพบตำรวจ และต้องยอมรับว่า ยังไม่พบตัวนายอานนท์ ส่วนเบาะแสทางการสืบสวนนั้น คืบหน้าไปมาก แต่ไม่อาจจะเปิดเผยข้อมูลได้ เพราะจะกระทบกับคดีและคนร้ายอาจจะหลบหนีไปไกลกว่านี้”