ชัยวัฒน์ ลั่นแรง! สนทนาธรรม ผืนป่า จะเพิ่มได้ต้องเอาคนชั่วออกจากองค์กร

ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร สนทนาธรรม หัวข้อ สิ่งแวดล้อมกับพระพุทธศาสนา ลั่นแรง มนุษย์นั้นโลภ การทุจริตคอร์รัปชันจึงมีในระบบข้าราชการ ผืนป่า จะเพิ่มได้ต้องเอาคนชั่วออกจากองค์กร

ผืนป่า จะเพิ่มได้ต้องเอาคนชั่วออกจากองค์กร!

เมื่อวันที่ (31 พ.ค. 66) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ได้รับเชิญ สนทนาธรรม หัวข้อ สิ่งแวดล้อมกับพระพุทธศาสนา ร่วมกับ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา นำโดย อ.สุจินต์บริหารวนเขตต์ ประธานมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ศาสตราจารย์ (พิเศษ) จรัญ ภักดีธนากุลตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ นายทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล ประธานชมรมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการสนทนาธรรมครั้งนี้ ที่ หอประชุมใหญ่ คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ในโลกปัจจุบัน การแข่งขันพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีมานาน อาจไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ภัยพิบัติธรรมชาติที่มีความถี่มากขึ้นและรุนแรงมากขึ้น มลภาวะในดิน น้ำ อากาศ ภัยแล้งและน้ำท่วมในไทย ล้วนเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า โดยเฉพาะ ป่าต้นน้ำและป่าอนุรักษ์​ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเกษตร ธุรกิจบริการ ธุรกิจพาณิชยกรรม

นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงเรื่องของ สิ่งแวดล้อมกับพระพุทธศาสนา ในมุมมองของตนว่า ตนนั้นอาจไม่ได้แตกฉานในเรื่องของ ธรรมะ อย่างลึกซึ้งอย่างอาจารย์ท่านอื่นๆ แต่ตนเชื่อในเรื่องของ กฏแห่งกรรม และตนมีแบบอย่างที่ยึดมั่น เดินตามด้วยความแน่วแน่ อย่าง ในหลวงรัชกาลที่9 ท่านสอนให้เป็นคนดี เป็นข้าราชการที่ดี ทำสิ่งที่ดีและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ท่านบอกให้อดทน ตอนนั้นตนไม่รู้ความหมาย

กระทั่งครั้งหนึ่งที่ตนเคยโดนให้ออกจากราชการ วันเวลาผ่านไป 

จนวันหนึ่ง 400 กว่าคดีที่ตนทำมา มันปรากฏผลขึ้นเรื่อยๆ กรรมดีที่ทำมาคงส่งผลให้ตนได้กลับมาพิทักษ์ป่าอีกครั้ง ปัจจุบันนี้ ตนเข้าใจในความหมายคำว่า อดทน อย่างถ่องแท้

หลังกลับเข้ารับราชการ ในฐานะผู้พิทักษ์ป่า เดินสำรวจป่าแต่ละครั้งเห็นป่าไม้ถูกทำลาย น้ำแล้ง มันแทบขาดใจ นั่งมองรอบๆ เห็นน้ำหยดจากโพรงดิน ก้อนหินต่างๆ ทีละหยดจึงเข้าใจ หยดน้ำน้อยๆ จากผืนป่า มันค่อยๆ สะสมเหมือนเส้นเลือดฝอยไหลรวมกันเป็นคลองเล็กๆ จากคลองเล็กๆ รวมกันเป็นลำห้วย หลายๆ ลำห้วยมารวมกันเป็นแม่น้ำ ให้เราได้กินได้ใช้

เพราะฉะนั้น ต้นไม้ 1 ต้น มันมีพลังมหาศาลต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม สำคัญคือ เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า

ตนจึงโกรธและเจ็บทุกครั้งที่เห็น…มนุษย์ทำลายป่า

มนุษย์ทำลายป่าเพราะกำหนดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ทั้งที่ความเป็นจริง ทุกสิ่งอย่างเหมือนกัน เท่ากัน หากเราเห็นเช่นนี้ก็จะตระหนักรู้ว่า แท้จริงแล้วไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ต่างรังแกกันไม่ได้ ต้องอยู่อย่างสมดุลด้วยกัน

แต่มนุษย์ก็ยังกำหนดตัวเองเป็นศูนย์กลาง มองที่เหลือเป็นสิ่งแวดล้อม จึงกลายเป็นว่า มนุษย์จะทำอะไรก็ได้กับสิ่งแวดล้อม ทุกวันนี้เห็นได้ชัดว่าสิ่งแวดล้อมถูกกระทำด้วยฝีมือมนุษย์ อีกทั้งมนุษย์มีความโลภ การทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ จึงปรากฏในระบบราชการ ทุกวันนี้จึงแทบไม่มีโอกาสให้เพิ่มพื้นที่ป่า

ผืนป่า เหลือน้อยลงมาก บางครั้งตนก็ถอดใจไม่รู้จะสู้ยังไง ลำพังแค่ตนคงสู้ไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก่อนคือ ต้องเอาคนชั่วออกจากองค์กรให้หมด โอกาสที่จะเพิ่มพื้นที่ป่า ปกป้องป่าถึงจะมีมากขึ้น

นายชัยวัฒน์ นำประสบการณ์ตรงที่เจอมาถ่ายทอดให้ทุกคนในหอประชุมฟัง ถึงกฎแห่งกรรมที่ตนเชื่อว่ามีจริง ใครทำกรรมใดย่อมต้องรับกรรมนั้นเสมอ ใครที่รุกป่า ใครที่ฆ่าสัตว์ ตนเห็นและจับดำเนินคดีมามากมาย แม้บางรายศาลตัดสินไม่มีความผิด ปล่อยตัว ตนก็ต่อสู้ดคี หาหลักฐานเพิ่ม ในบางคดีอาจใช้เวลาหลายปี แต่ท้ายที่สุด กลุ่มคนเหล่านี้ก็หนีกรรมไม่พ้น

ก่อนจบการสนทนาธรรม นายชัยวัฒน์ยังได้บอกว่า “ตน ในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์ป่า ก็มีหน้าที่ดูแลสัตว์ป่า สิ่งที่ตนภูมิใจที่สุด คือ ตนไม่เคยทุจริตในหน้าที่ ไม่เคยรับสินบนจากใครแม้แต่บาทเดียว แม้เคยโดนให้ออกราชการ ชีวิตลำบากแต่มีความสุข รู้จักศีลธรรม เชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมรับผลแห่งกรรมชั่วนั้น”

คลิปอีจันแนะนำ
เปลือยใจ…ผู้ชายที่ชื่อ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร”