ปางช้างแม่แตง โต้เอ็นจีโอปมช้างนำเที่ยวทำสันหลังผิดรูป

ปางช้างแม่แตง โต้ข่าวช้างนำเที่ยวทำสันหลังผิดรูป ชี้การท่องเที่ยวช้างไทยถูกใส่ร้ายทุกปี สัตวแพทย์ยันไม่เคยเจอช้างป่วยลักษณะนี้

จากกรณี เว็บไซต์มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า (Wildlife Friends Foundation Thailand หรือ WFFT) เผยภาพเปรียบเทียบของช้างไทยที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ระบุว่า ช้างโดนใช้งานให้นักท่องเที่ยวขี่หลังจนทำให้กระดูกสันหลังผิดรูป ทำให้กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มคนรักช้าง

มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า เผยภาพอดีตช้างนำเที่ยวกระดูกสันหลังผิดรูป

ล่าสุด วันนี้(13 มี.ค. 66) ซึ่งเป็นวันช้างไทย ที่ ปางช้างแม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นายบุญทา ชัยเลิศ ประธานบริหารปางช้างแม่แตง พร้อมด้วย สพ.ญ.พนิดา เมืองหงษ์ สัตวแพทย์ประจำคลินิกช้างปางช้างแม่แตง ร่วมกันแถลงข่าวในประเด็นที่มีการอ้างว่ามีช้างเจ็บป่วยจากการทำงานหนักในธุรกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ต้องใส่แหย่งที่นั่งบนหลังช้าง บริการให้นักท่องเที่ยวขี่ ครั้งละถึง 6 คนมาเป็นเวลานานหลายสิบปี จนทำให้กระดูกสันหลังหักดูผิดรูปไปอย่างน่าสงสาร

โดย นายบุญทา บอกว่า รู้สึกตกใจเมื่อได้รับทราบข่าวนี้ แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจมากนัก เพราะมักมีมูลนิธิที่ชอบกล่าวอ้างอนุรักษ์ออกมาโจมตีการท่องเที่ยวช้างไทยอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงเวลาใกล้ๆ วันช้างไทย ในวันที่ 13 มีนาคมของทุกปี เพื่อทำลายวงการท่องเที่ยวช้างไทย บิดเบือนและใส่ร้ายการเลี้ยงช้างไทยมาโดยตลอดว่าทารุณกรรมทรมานสัตว์ ทั้งๆ ที่วัฒนธรรมการเลี้ยงช้างไทยของคนไทยเรานั้น เป็นมรดกภูมิปัญญาที่สืบต่อกันมาส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นนับร้อยๆ ปีแล้ว จากช้างป่ากลายมาเป็นช้างบ้านผูกพันกันมา ร่วมสร้างชาติกันมากับบรรพบุรุษไทยของเรา 

จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นนั้น นายบุญทา กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่ามูลนิธินั้นที่ออกมาโจมตี ทำไมมีแต่คนต่างชาติที่บ้านเมืองเขาไม่เคยมีช้างเลย แต่มาทำธุรกิจแฝงในนามนักอนุรักษ์สัตว์และสิ่งแวดล้อม เข้าไปดูในเว็บไซต์ก็เห็นแต่การเปิดรับบริจาค คล้ายๆ กับมูลนิธิบางแห่งที่สามารถสร้างรายได้จำนวนมหาศาล ด้วยการหาเงินจากความสงสารของผู้คนที่จิตใจอ่อนไหว จนลืมความเป็นจริงหรือข้อเท็จจริงไป จึงอยากจะให้ทุกคนช่วยรับข่าวสารด้วยใจที่เป็นธรรมและมีสติ ไม่หลงเชื่อในข่าวสารที่บิดเบือนไม่เป็นความจริง ซึ่งในสมัยนี้ที่การสื่อสารรวดเร็วมากๆ ข้อมูลที่ได้รับมาต้องมีการกลั่นกรองให้ดี

“เรื่องนี้เชื่อว่ามีขบวนการจ้องทำลายชื่อเสียงของการท่องเที่ยวช้างไทยและการท่องเที่ยวไทย เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ซบเซาไปนานเพราะการระบาดของโควิด19 กำลังจะฟื้นตัวกลับมาดี กลับจะต้องมาสะดุดเพราะการโจมตีอย่างไร้สาระแบบนี้ ขอให้ทุกคนอย่าได้ไปหลงเชื่อ”

ซึ่ง นายบุญทา บอกทิ้งท้ายด้วยว่า อยากจะเรียกร้องให้มีการตรวจสอบช้างเชือกที่ถูกกล่าวอ้างว่าถูกใช้งานบรรทุกนักท่องเที่ยวจนหลังผิดรูป ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีตั๋วรูปพรรณและเลขไมโครชิปหรือไม่ และขอให้จัดทีมงานสัตวแพทย์จากหน่วยงานของภาครัฐ เช่น กรมปศุสัตว์หรือสถาบันคชบาลแห่งชาติ เข้าไปตรวจสุขภาพและลักษณะทางกายวิภาคของช้างว่าเป็นอะไรและสาเหตุมาจากโรคอะไร รวมทั้งตรวจสอบที่มาของมูลนิธิและยอดการรับบริจาคด้วย เพื่อพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏชัด ว่าการสร้างกระแสข่าวด้านลบของช้างในครั้งนี้หวังผลอะไรกันแน่

ด้าน สพ.ญ.พนิดา เมืองหงษ์ สัตวแพทย์ประจำคลินิกช้างปางช้างแม่แตง บอกเช่นกันว่า รู้สึกแปลกใจกับข่าวที่ออกมา เพราะจากประสบการณ์ที่ทำงานเป็นสัตวแพทย์ด้านช้างที่ปางช้างแม่แตงมาเกือบสิบปี ไม่เคยพบกรณีช้างเจ็บป่วยแบบนี้เลย อีกทั้งยังมีงานวิจัยออกมารองรับว่าช้างสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว และไม่ทำให้พบรูปแบบการเดินที่ผิดปกติ ซึ่งโดยปกติช้างโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักเฉลี่ย 3,000 กิโลกรัม ซึ่งนั่นหมายถึงว่าช้างสามารถแบกรับน้ำหนักได้ถึง 450 กิโลกรัมนั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วช้างที่ทำงานรับนักท่องเที่ยวก็จะรับครั้งละไม่เกิน 2 คน รวมน้ำหนักควาญช้างและแหย่งที่นั่งแล้วก็ไม่เกิน 300 กิโลกรัม

นอกจากนี้ยังมีการปูวัสดุรองหลัง เช่น เปลือกต้นปุย กระสอบ แผ่นฟองน้ำ วางบนหลังให้หนา ถึงจะวางแหย่งที่นั่งลงไป ก่อนจะใช้สายรัดแหย่งกับตัวช้าง และเรายังจำกัดเวลาทำงานของช้างด้วยว่าในหนึ่งวัน ไม่เกินเชือกละ 6-8 รอบต่อวันเท่านั้น ซึ่งโดยเฉลี่ยก็ไม่ถึง แต่ละรอบใช้เวลา 15-30 นาที ระยะทาง 500 เมตร ถึง 1 กิโลเมตร และช้างก็จะมีช่วงเวลาพักระหว่างรอบด้วย

สพ.ญ.พนิดา บอกอีกว่า ปางช้างแม่แตงให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดิภาพช้างเป็นอย่างมาก ภารกิจดูแลช้างให้อยู่ดีกินดีมีสุขภาพที่ดีคือภารกิจหลักของเรา โดยมีสัตวแพทย์และผู้ช่วยคอยติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด หากพบว่าช้างผิดปกติหรือมีอาการป่วย ก็จะถูกสั่งให้พักงานเพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและทำการรักษาจนกว่าจะหาย ฝากให้ทุกคนมองเรื่องของสวัสดิภาพที่ช้างได้รับด้วย ไม่ใช่มองเพียงว่าเป็นงานหนักหรืองานเบา ปางช้างที่มีการจัดการที่ดีและช้างได้รับการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ มีควาญช้างดูแลเรื่องอาหารการกิน ที่หลับนอน รวมไปถึงด้านจิตใจ ควรจะได้รับคำชื่นชม ซึ่ง 13 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันช้างไทย ในปีนี้คนไทยหันมาสนใจช้างมากขึ้นแล้วก็อยากจะให้ทำความเข้าใจและเรียนรู้อย่างถูกต้องจริงๆ ว่าการเลี้ยงช้างของบ้านเราตอนนี้เป็นยังไง ช้างได้รับการดูแลและมีสวัสดิภาพที่ดีขนาดไหน

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กแฟนเพจของ โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง ก็ได้ออกมาโพสต์รวบรวมผลงาน ข้อมูลด้านวิชาการชี้แจงอย่างเป็นทางการถึงลักษณะการทำงานของช้างไทยในการท่องเที่ยว เป็นการชี้แจงให้ความรู้อย่างชัดเจน เพื่อสร้างความเข้าใจในบริบทของการท่องเที่ยวช้างไทยด้วย

ขณะที่ในวันช้างไทยปีนี้ ปางช้างแม่แตง จัดทำบุญและเลี้ยงสะโตกช้างให้กับบรรดาช้างในปางที่มีกว่า 70 เชือกได้กินกันอย่างเต็มที่ด้วย

คลิปอีจันแนะนำ
หัวใจหล่อๆ ของคุณต่อถูกส่งต่อแล้วนะ