ทำได้ไง? ร้านขายยาไม่มีเภสัช ลักลอบขายยาปลอม ยาแก้ไอ ให้เยาวชน

ตำรวจสอบสวนกลางร่วม อย. จับ 3 เครือข่าย ร้านขายยา ลักลอบขายยาแก้ไอให้เยาวชน คนขายไม่ใช่เภสัช

วันที่ 28 ตุลาคม 2565 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสภาเภสัชกรรม ร่วมกันกวาดล้างเครือข่ายร้านขายยาลักลอบขายยาแก้ไอให้เยาวชน 

ล่าสุดจับกุมผู้ต้องหา 20 ราย  พร้อมยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกว่า 35 รายการ มูลค่าของกลางกว่า 2,400,000 บาท

สืบเนื่องจากตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับการประสานงานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ให้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนร้าน    ขายยา ที่มีพฤติการณ์ใช้พนักงานขายยาที่ไม่ใช่เภสัชกร ขายยาแก้แพ้ ยาแก้ไอ ยาแคปซูลเขียวเหลืองให้กลุ่มเยาวชนเพื่อเป็นส่วนผสมยาเสพติดชนิด 4×100  

อีกทั้งสภาเภสัชกรรมได้ประชุมหารือกับ กก.4 บก.ปคบ. และแถลงจุดยืนเน้นย้ำให้ร้านขายยาทุกร้านจะต้องมีเภสัชกรประจำโดยจะดำเนินการกับเภสัชกรแขวนป้าย

กก.4 บก.ปคบ. จึงร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เข้าตรวจสอบเครือข่ายร้านขายยาที่ทำผิดกฎหมายรายใหญ่ 3 เครือข่าย

1. เครือข่ายร้านขายยา นายธนกฤต

ตำรวจเข้าตรวจค้น พบร้านขายยาและสถานที่จัดเก็บยาซึ่งดัดแปลงจากร้านขายยาเก่าที่ถูกระงับใบอนุญาต ในพื้นที่ แขวงสายไหม จำนวน 2 จุด พบของกลางเป็นยายี่ห้อแพคมาดอล PACMADOL®  ซึ่งมีสถานะยกเลิกทะเบียนตำรับยา(ยาปลอม) จำนวน 4,000 เม็ด

ยาเขียวเหลือง(ทรามาดอล) จำนวน 166,550 แคปซูล, ยาแก้แพ้ แก้ไอชนิดน้ำเชื่อม จำนวน 20,047 ขวด 

รวมของกลางซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำนวน 7 รายการ มูลค่าของกลางกว่า 2,000,000 บาท 

จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ขายยาโดยไม่ใช่เภสัช

ขยายผล เจออีก 14 ร้าน ที่ มีเจ้าของเดียวกัน ตำรวจ และ ทีม อย. จึงบุกตรวจค้นจับกุมคนขายยาที่ไม่ใช่เภสัชกร 8 ราย 

ยึดของกลางเป็นยาแก้แพ้แก้ไอ 12 ขวด, และยาที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำนวน  9 รายการ

2. เครือข่ายร้านขายยานายธนเทพ 

มีร้านขายยาในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 4 จุด จับกุมผู้ขายยาที่ไม่ใช่เภสัชกร 4 ราย 

และร้านขายยาทั้ง 4 ร้าน มีกลุ่มเครือข่ายร้านขายยาของนายธนเทพ เป็นเจ้าของ 

ตรวจยึดของกลาง มียาแก้แพ้ แก้ไอชนิดน้ำเชื่อม 5,500 ขวด, ยาเขียวเหลือง(ทรามาดอล) 26,500 แคปซูล 

ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำนวน 7 รายการ มูลค่าของกลางกว่า 400,000 บาท

3. เครือข่ายร้านขายยา นายคมพิศิษฐ์ 

มีร้านขายยาในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 5 จุด พบคนขายยาไม่ใช่เภสัช 5 ราย

ตรวจยึดของที่กลางเป็นยาแก้แพ้แก้ไอชนิดน้ำเชื่อม 18,590 ขวด, ยาเขียวเหลือง(ทรามาดอล) 2,020 แคปซูล และยาซิเดกร้า 60 เม็ด ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำนวน 13 รายการ

รวมตรวจค้น 19 จุด จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 20 ราย

ซึ่งพนักงานที่รับจ้างขายยาโดยไม่ใช่เภสัช ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหา “ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมฯ โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต” 

ส่วนเจ้าของร้าน ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันขายยาปลอม และร่วมกันย้ายสถานที่เก็บยาโดยไม่ได้รับอนุญาต”

โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมข้อหาขายยาโดยไม่ใช่เภสัชกร และไม่มีความรู้ด้านเภสัชกรรมแต่อย่างใด ซึ่งจบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 3 ราย, มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 ราย, มัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 4 ราย, ปวส. จำนวน 3 ราย, ปริญญาตรี จำนวน 5 ราย

กรณีผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินกิจการร้านขายยา(เจ้าของร้านขายยา) ที่ขออนุญาตเปิดร้านขายยา โดยมีพฤติการณ์ขายยาแก้แพ้แก้ไอและยาเขียวเหลืองให้กับเยาวชน เบื้องต้นมีความผิดฐาน “ไม่จัดทำบัญชียาที่ซื้อและขายตามที่กำหนดฯ, และขายยาอันตรายในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่” 

ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะได้เสนอคณะกรรมการยา พักใช้ใบอนุญาตเจ้าของร้าน 

เปิดบทลงโทษ การเปิดร้านขายยา โดยไม่มีเภสัช เป็นผู้จำหน่าย และ ขายยาที่นำไปเป็นส่วนผสมของยาเสพติดให้เยาวชน และ ขายยาปลอม

1. ความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ทั้งหมด 4 มาตรา


-มาตรา 26(6) ฐาน “ไม่จัดทำบัญชียาที่ซื้อและขายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง” ระวางโทษปรับ 2,000-10,000 บาท

-มาตรา 32 ฐาน “ขายยาอันตรายในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่” ระวางโทษปรับ 1,000-5,000 บาท

-มาตรา 30 ฐาน “ย้ายสถานที่เก็บยาโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษปรับ 1,000-3,000 บาท

-มาตรา 72(1) ฐาน “ขายยาปลอม” ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท

2. พ.ร.บ.วิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2537 มาตรา 28 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมฯโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต” 

ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อยากเตือนทุกคนนะคะ เวลาเข้าร้านขายยา โปรดเช็กทุกครั้ง ผู้ที่จำหน่ายยาให้ เป็นเภสัช หรือไม่ 

อย่าปล่อยให้ตัวเอง เสี่ยงชีวิต ไปกับความเห็นแก่ตัวของ คนเห็นแก่ตัวนะคะ