ช่วงนี้กระแส “กางเกงช้าง” หนึ่งในไอเท็มยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมาเยือนไทยต้องซื้อกลับไป แถมรัฐบาลยังหวังให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ สร้างงานสร้างรายได้ให้คนไทย กำลังเดือดปุดๆ เลยค่ะ หลังจากเพจลุยจีน ได้ออกมาบอกว่า “กางเกงช้าง” กลายเป็นสินค้าที่ถูกสั่งมาจากประเทศจีน ราคาตัวละ 30 บาท ซึ่งถูกกว่าของไทยเกือบครึ่ง
งานนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องของความรวดเร็วทางการค้า ที่ไหนมีโอกาสก็ต้องเร่งฉกฉวยโอกาส ไทยต้องเร่งดูเรื่องลิขสิทธิ์ และความรวดเร็วในการฉกฉวยโอกาสทำการค้า ถ้าเราไม่ทำก็จะมีคนเอาไปทำก่อน เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนอย่างหนึ่งเราจะต้องไปพูดคุย”
วันนี้ (5 ก.พ.67) นายณฐวัจน์ พุทธศิริวัฒน์ กรรมการสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และเจ้าของร้านจำหน่ายเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ ให้สัมภาษณ์กับรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า
“เห็นด้วยกับประเด็นที่หลายคนบอกว่า 70% ของ “กางเกงช้าง” ในตลาดไทยผลิตมาจากประเทศจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลักลอบนำเข้า และนำเข้าแบบเหมาตู้คอนเทนเนอร์คละกับสินค้าอื่น โดยจะเสียภาษีแบบเหมารวม และที่หนักกว่านั้นคือ ปัจจุบันภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอยู่ที่ 0% เพราะต้นทุนจีนค่อนข้างต่ำ ทั้งวัตถุดิบ ค่าฟ้าฟ้า และค่าแรงงาน ไทยเราค่อนข้างแพ้เขาในเรื่องนี้
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวไม่ได้มีแค่กางเกงช้าง แค่ในด้านแฟชั่นเสื้อผ้าก็หลายตัวอยู่เหมือนกัน บางอย่างคนจีนมาขายเองถึงในไทย อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ไทยสั่งจากจีนมาขาย พอสั่งเยอะจีนก็เข้ามาดูตลาดไทยว่าทำไมขายดี แล้วเข้ามาปักหลักขายที่ไทยเองซะเลย ซึ่งบางรายมาแบบไม่ถูกต้อง ต่างจากคนไทยที่ต้องอยู่ในระบบภาษี เราแพ้เขาทั้งระบบภาษีและกำลังเงิน การขยายตลาดเขาก็เหนือกว่าเรา บางตลาดเกินครึ่งคือสินค้าจีน
เรื่องลิขสิทธิ์สำคัญเพราะราคาเราสู้เขาไม่ได้ แต่ควรทำมากกว่าจดลิขสิทธิ์ ต้องสู้กันที่คุณภาพ การตัดเย็บ และสตอรี จะซื้อของแท้มีคุณภาพต้องของไทยเท่านั้น ระบบกระทรวงเองก็ต้องช่วยกันผลักดัน เป็นแบรนด์ช้างไทย นำสินค้าโอท็อปเข้าร่วม น่าจะเป็นประโยชน์กับไทยเรามากกว่า”
แข่งราคายังไงไทยก็แพ้จีน คงต้องหันมาสู้กันเรื่องคุณภาพ การตัดเย็บ และสตอรี แล้วล่ะค่ะ ลูกเพจคิดยังไงถ้าไทยเรามีแบรนด์ของไทย เป็นไอเท็มยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมาเยือนไทยแล้วต้องซื้อกลับไป