เรื่องราวของ “เกิ้ล” ตกเป็นทาสยาบ้า มั่วยา มั่วเซ็กซ์ จนติดเชื้อ HIV

เกิ้ล สาวสอง ตกเป็นทาสยาเสพติด เพราะความอยากลอง มั่วเซ็กซ์ มั่วยา จนติดเชื้อ HIV กลับใจหักดิบ เเลกความสูญเสียทั้งร่างกายเเละคนรอบข้าง

ทาสยากลับใจ มั่วเซ็กซ์ จนติด HIV

เกิ้ล หรือ นายประธาน ประทุมมาศ สาวประเภทสอง วัย 42 ปี

อีจันมีโอกาสได้คุยกับเธอ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของเธอผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ เรื่องราวชีวิตของ เกิ้ล เรียกได้ว่าเกือบครบทุกรส สนุก ผิดหวัง พลาด ล้ม สุดท้ายก็ลุกขึ้นอย่างมีความหวัง

เธอเคยตกเป็นทาสยาเสพติดมาก่อน จนทำให้ชีวิต เปลี่ยนไป

เกิ้ล เล่าเรื่องราวชีวิตของเธอให้เราฟังค่ะว่า ก่อนหน้านี้ เธอเป็นเพียงวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง อายุ 18 ปี จับพลัดจับผลูจนได้ทำงานกลางคืน ความจนบังคับให้ต้องมีเงิน เพื่อหาเลี้ยงตัวเองเเละครอบครัว จนวันหนึ่ง เธอตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการ sex worker หรือการขายบริการทางเพศ เพราะเห็นคนโน้นคนนี้ทำเเล้วได้เงินง่าย 

เธอทำอาชีพ Sex Worker มาเกือบ 2 ปี

จนอายุประมาณ 20 ปี ก็เริ่มอยากเปลี่ยนอาชีพตัวเอง จากการขายบริการ มาเป็นเเดนซ์เซอร์

เเต่อาชีพใหม่ ก็ยังหนีไม่พ้น อาชีพเก่า

เกิ้ลบอกว่า เงินดีกว่างานประจำมาก งานประจำได้เงินหลักพันต่อเดือน เเต่ขายบริการได้เงินหลักพันภายในคืนเดียว !

“มันยั่วยวนทำให้เราออกมายาก จนวันหนึ่งเราเกิดรักงานคาบาเร่ขึ้นมา เราก็เลยหยุดที่จะขายบริการ แล้วจริงจังกับงานคาบาเร่มากขึ้น จากแดนซ์เซอร์ก็เปลี่ยนตัวเองมาเป็นนางโชว์”

นางโชว์ เป็นตัวดึงเธอออกมาจากวงการ Sex Worker 

เธอได้ทำอะไรใหม่ๆ นั่งปักชุดเอง ทำอุปกรณ์ในการโชว์เอง เเกะเพลงเอง 

อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนที่เป็นรูมเมท เเนะนำให้รู้จักกับยาเสพติด !

เรื่องนี้ เริ่มจากการที่รูมเมท ยืมเงิน เกิ้ล 

ยืมเเต่ไม่คืน เเต่เพื่อนเเก้ปัญหาโดยการบอก เกิ้ล ว่า “ไม่มีเงิน เเต่มีของ” สุดท้าย เกิ้ล เลยเลือกที่จะลอง ยาเสพติด นั่น คือ ครั้งเเรกในชีวิต

“เราก็เลยลอง ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกในการลอง เเล้วเราก็เลยรู้สึกว่า พอลองแล้วขยันว่ะ ปักชุดเร็วมากเลย แกะเพลงเร็วมากเลย เราก็เริ่มมีความรู้สึกติดใจมันเเละเราก็ใช้มันมาเรื่อย ๆ ในการทำงานตรงนี้ ถามว่าติดไหม ? ตอนแรกเราเข้าใจว่าเราไม่ติด เราเข้าใจแค่ว่า เห้ย มันทำงาน เราไม่ได้เล่นทุกวัน เราไม่ติดหรอก เราบอกกับตัวเองแบบนั้น เเต่จริง ๆ เเล้ว ในสายตาคนอื่นมอง เราติดนะ”

10 ปี ตกเป็นทาสยา

จากวันละเล็กละน้อย พัฒนามาใช้ทุกวัน หาได้ทุกวัน

จากที่เคยใช้ เพราะ ทำงาน เเต่กลับใช้เพราะต้องการหาคู่นอน

เกิ้ล เล่าว่า ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป มีความต้องการทางเพศมากขึ้น จากการเสพปกติ  เริ่มใช้เป็นเข็มฉีดยา ฤทธิ์แรงขึ้น ทำให้รู้สึกมีความต้องการทางเพศมากขึ้น หาคู่นอนไม่เว้นวัน มากไปกว่านั้น คือ จากการเสพธรรมดา กลายเป็น ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับคู่นอนที่เปลี่ยนหน้าทุกวัน

ตั้งเเต่ เกิ้ล รู้จักกับยาเสพติด เธอค่อย ๆ สูญเสียคนรอบข้างไปทีละคน เริ่มสูญเสียตัวตน จากที่เคยมองหน้าคนอื่น ด้วยความสดใส ด้วยความสนุกสนาน กลับกลายเป็นว่า ต้องหลบสายตาคนอื่น  

เกิ้ลคนเดิมหายไปเเล้ว …

จนวันหนึ่ง เกิ้ล ตัดสินใจ ตั้งกล้องโทรศัพท์อัดคลิปตัวเองตอนที่เสพยา

ภาพที่เธอได้เห็นหลังจากนั้น เกิ้ล ใช้คำว่า “สมเพชตัวเองมาก”

มันแย่ สภาพดูไม่ได้เลย ขนาดตัวเองดู ยังรู้สึกว่าน่าเกลียด คนรอบข้างก็คงคิดแบบนั้น เวลาออกไปข้างนอก คงไม่ต้องเดา หรือ อธิบาย ว่าคนอื่นจะมองตัวเธออย่างไร ?

คลิปนั้น เป็นเหมือนจุดเเรกที่ทำให้เธอ ต้องก้าวผ่านสิ่งนั้น

เธอต้องเลิกเสพยา เธอต้องห่างมันให้ได้

ความตั้งใจของ เกิ้ล ในวันนั้น เธอทำมันได้

“ก็เลิกเลย หักดิบเลยค่ะ หลังจากนั้นไม่แตะเลย งงตัวเองเหมือนกัน จากคนที่ใช้ทุกๆ วัน วันละหลายๆ รอบ กลับกลายเป็นว่า พอเราตัดสินใจเลิกปุ๊บ ก็คือเลิกเลย ไม่เอาเลย สงสารตัวเอง สงสารคนรอบข้าง สงสารเพื่อนๆ เราสูญเสียคนรอบข้างไปเยอะมาก โอกาสดีๆ เราก็สูญเสีย มันทำให้เราเข็ดมากกว่า”

พลาดเเล้วก็ต้องลุก !

เเต่ในระหว่างที่เธอกำลังจะลุกขึ้นยืน ออกจากโลกที่มืดดำ อันโหดร้าย

ยังไม่ทันก้าว ก็มีอะไรดึงให้เธอต้องกลับไปสู่โลกอันมืดมนอีกครั้ง

ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา การมั่วยา มั่วเซ็กซ์ ทำให้เธอติดเชื้อ HIV

จนกระทั่งวันหนึ่ง เกิ้ล ทรุด มีอาการร้อนๆ หนาวๆ หนาวเข้ากระดูก จึงตัดสินใจไปโรงพยาบาล แล้วคุณหมอก็ตรวจ ตรวจเลือด ตรวจเอ็กซเรย์ปอด ตรวจทุกอย่าง หมอก็วินิจฉัยมาว่า มีอาการน้ำท่วมปอด จึงให้ เกิ้ล เเอดมิทที่โรงพยาบาล คุณหมอให้เริ่มกินยา วัณโรค ตอนนั้น เกิ้ล ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหมอถึงให้กินยาตัวนี้ ทั้งที่ไม่ได้เป็น 

จนวันที่ออกจากโรงพยาบาล ก่อนกลับ หมอเชิญให้ไปที่ห้องๆหนึ่ง 

ในใจตอนนั้น คือ เริ่มเอะใจเเล้วว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าน้ำท่วมปอดเเน่ 

หมอยิงคำถามเเรก “รู้จักโรค HIV ไหม ?”

จบประโยคคำถาม เหมือนโลกหยุดนิ่ง เกิ้ล ตอบคำถามหมอว่า “รู้จัก ถ้าป่วยก็เเค่รักษา ตอนนั้นเราตอบคุณหมอด้วยความที่เราไม่มีความรู้เรื่องโรคนี้เลย เราก็ตอบเหมือนแค่คนเก่งคนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ในใจมันแบบ มันร้าวมาก มันแย่มากอ่ะ ไม่คิดว่ามันจะแจ็คพอตเร็วขนาดนั้น”

การติดเชื้อ HIV น่าจะมาจากการที่เข็มฉีดยา ตนที่มั่วเซ็กซ์ ทุกครั้งเวลาที่ฤทธิ์ของยาเสพติดมันทำงาน เกิ้ล จะไม่มีสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย มันทำให้ไม่มีการป้องกันตัวเอง ตอนที่ร่วมเพศกับคนเเปลกหน้า

วินาทีที่รู้ว่าติดเชื้อ HIV

เกิ้ลบอกว่า อย่างเเรกที่คิดเลย คือ ฉันทำให้เเม่เสียใจ เพราะเเม่เป็นห่วง วันนั้นเเม่ร้องไห้เเทบขาดใจ

โกรธตัวเองไหม ที่พาตัวเองมาจนถึงจุดนี้ ?

“เคยโกรธตัวเองนะ แต่มันให้อภัยตัวเองไปแล้ว เราแก้ไขอะไรไม่ได้เลย มันถึงทำให้เกิ้ล มีวันที่คิดอยากที่จะมาเผยแพร่เรื่องราวของตัวเอง เพื่อให้คนอื่น คอยระมัดระวังตัว เป็นแล้วมันไม่ได้สนุกนะคะ เป็นแล้วมันต้องมานั่งกินยาทุกวัน แล้วก็ต้องคอยดูแลตัวเอง ให้มันมากกว่าคนปกติ เราก็เลยไม่อยากให้ใครที่กำลังที่หลงผิด แล้วก็พลาดแบบเรา”

“เอาจริง ๆ ทุกคนที่ทำความผิดไม่ว่าเรื่องอะไร ทุกคนอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไข แต่ซึ่งมันเป็นเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้ไง เราก็เลยไม่เคยคิดว่า เห้ย ถ้าย้อนกลับไป แล้วเราจะเเก้ไขไหม แม้แต่ตอนนี้เราก็ไม่มีคำตอบว่า ถ้าเราย้อนกลับไปเราจะแก้ไขไหม ไม่แน่นะ ถ้าวันหนึ่งมันย้อนขึ้นมาได้จริง ๆ เราอาจไม่แก้ไขก็ได้ เพราะฉะนั้น มันจะไม่มีอีกเกิ้ลวันนี้เลย”

เกิ้ลตอนนี้ มีความสุขมาก

เธอ เป็นนางโชว์ ทำงานหาเงินด้วยอาชีพสุจริต อยู่ร่วมกับสังคมที่เปิดกว้างได้ ไม่รังเกียจที่เธอ มีเชื้อ HIV ไม่รังเกียจที่เธอเคยตกเป็นทาสยาเสพติดมาก่อน ช่วงชีวิตที่ผ่านมา เธอบอกว่าเพราะความประมาทล้วนๆ หลงระเริงไปกับเรื่องพวกนั้น โทษตัวเอง โกรธตัวเอง แต่ก็ผ่านมาเเล้ว ยกโทษให้ตัวเองไปหมดแล้ว เพราะ ไม่มีคนที่ควรยกโทษให้มากที่สุด คือ ตัวของเธอเอง 

“อยากขอบคุณมาก อยากขอบคุณจริงๆ หลายคนที่ติดตามเรา เขาได้มุมมองอีกมุมมองหนึ่ง ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ในแวดวงยาเสพติด หรือคนที่ไม่เคยเข้าใจในผู้ป่วย HIV เลย คนพวกนี้คอยซัพพอร์ต ให้กำลังใจเรา ขอบคุณในเรื่องราวของเรา มันทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจมาก

อยากฝากถึงคนที่กำลังจะก้าวเข้าไปในเส้นทางที่ผิด

เลิกได้ก็เลิกเถอะ ถ้ามันดีจริง คนอย่างเกิ้ลก็คงยังไม่เลิกมันอ่ะ เนาะ มันมีแต่ข้อเสีย วันนี้ นอกจากฟันที่มันสูญเสียไป กระดูกทุกอย่างมันผุ มันกร่อน เกิ้ลใช้อันนี้ เป็นเครื่องเตือนใจเกิ้ลว่า อย่ากลับไปอีกนะ มันไม่ดี สมองมันพัง สมองมันแย่ ทุกอย่างเปลี่ยนไป เป็นคนไม่มีสมาธิ สมาธิสั้นไปเลย เอฟเฟคมันตามมาภายหลัง ทั้งเรื่องระบบร่างกาย การหายใจ ทุกอย่าง มันไม่มีอะไรดีเลย เพิ่งจะรู้ก็ตอนที่เราเลิกแล้วเหมือนกัน ถ้าใครเลิกได้ อยากที่จะเลิก เป็นกำลังใจให้นะคะ เพราะว่ามันดีกับตัวคุณเอง เรามานั่งพูดอย่างนี้ มันไม่ได้อะไรกับตัวเราหรอก มันได้กับตัวคุณเองทั้งนั้น ล้วน ๆ

จากการที่ ได้นั่งจับเข่าคุยกัน เปิดใจถึงเรื่องราวมรสุมที่ผ่านมา สัมผัสได้ว่า เกิ้ล เป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีมากเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ เกิ้ล นะ หวังว่าเรื่องราวของเกิ้ล จะเป็นประโยชน์ เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน ในการใช้ชีวิต

ทุกเส้นทางเราเลือกได้ อย่าคิดตกเป็นทาสยาเสพติด