ย้อนคดี น้องชมพู่ 3 ปีกว่า ก่อนศาลนัดชี้ชะตา 31 ต.ค. 66

อีจันพาย้อนไทม์ไลน์คดี น้องชมพู่ 3 ปีกว่า ก่อนศาลนัดฟังคำพิพากษา 31 ต.ค. 66

ยังจำเรื่องราวของเด็กหญิงตัวน้อยชื่อ “ชมพู่” ที่หายตัวจากบ้านพักในพื้นที่ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตบนเขาภูเหล็กไฟ ได้หรือไม่?

คดีนี้ นำมาซึ่งความโศกเศร้าของครอบครัว และแม้ว่าจะผ่านล่วงเลยมากว่า 3 ปี ก็ยังจับคนร้ายที่ทำให้น้องเสียชีวิตไม่ได้ และคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยกลับไม่ใช่ใครอื่น กลับเป็น ลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่

แน่นอนว่า คดีนี้ยังคงอยู่ในความสนใจของประชาชน

อีจัน พาไปย้อนไทม์ไลน์ 3 ปี คดีน้องชมพู่ ก่อนใกล้ถึงวันตัดสินในวันที่ 31 ต.ค. 66

11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ หายตัวปริศนาไปจากบ้านพัก ในพื้นที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยพี่สาวบอกว่าเผลอหลับ พอตื่นขึ้นมาน้องชมพู่ก็หายไปแล้ว จากนั้นพ่อแม่ ญาติ และชาวบ้าน ต่างระดมกันออกค้นหาน้องชมพู่ และแจ้งความไว้ที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร

กระทั่งช่วงค่ำของวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ชาวบ้านเข้าไปหาของป่าบนเทือกเขาภูพานน้อย เขตอุทยานแห่งชาติภูผายล ได้แจ้งเบาะแสพบรองเท้าเด็กสีเขียวกลางป่า เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบ กระทั่งพบร่างน้องชมพู่ ห่างจากจุดพบรองเท้า ประมาณ 5 เมตร โดยร่างของน้องอยู่ในสภาพเปลือยกาย

15 พฤษภาคม 2563 ตำรวจ สภ.กกตูม นำร่างน้องชมพู่ ไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ผลชันสูตรศพน้องชมพู่ครั้งแรก ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย ไม่พบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ และไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ เนื่องจากสภาพศพเริ่มเน่า

17 พฤษภาคม 2563 ครอบครัวน้องชมพู่ ส่งศพน้องชมพู่ ไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ โดยเป็นการชันสูตรครั้งที่ 2 ผลชันสูตรพบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย อวัยวะเพศมีบาดแผลฉีกขาด แต่ตรวจอสุจิในช่องคลอดไม่ได้ เนื่องจากศพเน่าเปื่อย

ผลชันสูตรครั้งล่าสุด เป็นจุดเปลี่ยน!

ตำรวจกระจายกำลังลงมายังบ้านกกกอก เพื่อสอบสวนพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง พร้อมเดินหน้าสืบสวนสอบสวนหาหลักฐาน จนพบเส้นผมปริศนา ซึ่งเป็นวัตถุพยานชิ้นสำคัญที่เป็นกุญแจนำไปสู่การเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ จากกลุ่มคนต้องสงสัยนับ 100 คน เพื่อนำมาเปรียบเทียบสาวหาตัวคนร้าย และหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ถูกพุ่งเป้า ก็คือ ลุงพล ลุงเขยของน้องชมพู่ ซึ่งลุงพล ได้ยืนยันตลอดเวลาว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของหลานสาว

4 มิถุนายน 2563 ตำรวจนำตัวลุงพล ไปสอบปากคำในฐานะพยาน และนำตัวไปชี้จุด เล่าลำดับเหตุการณ์เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง

7 กรกฎาคม 2563 ลุงพล ไปออกรายการโทรทัศน์ หลังถูกตกเป็นผู้ต้องสงสัย โดยยืนยันหนักแน่นว่า ไม่ได้เป็นคนฆ่าน้องชมพู่ล้านเปอร์เซ็นต์ ตนเองยังรักน้องชมพู่เหมือนลูกตัวเองด้วยซ้ำ

จากนั้นในวันที่ 2 ตุลาคม 2563 พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตำแหน่งในขณะนั้น) แถลงความคืบหน้าคดีน้องชมพู่ ยืนยันว่า น้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปได้เอง จากการสืบสวนพยาน 384 ปาก สอบปากคำเข้าสำนวน 124 ปาก สอบผู้เชี่ยวชาญ 13 ปาก หลักฐาน 113 ชิ้น และเก็บดีเอ็นเอถึง 154 พยาน

สำหรับ เหตุผลที่เชื่อว่า น้องชมพู่ ไม่ได้ขึ้นเขาไปเอง แต่มีคนพาขึ้นไปนั้น เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างลาดชัน และมีเนินหินชันเกิน 60 องศา ที่เด็กเล็กไม่สามารถทำได้ รวมถึงศพที่พบอยู่ในลักษณะเปลือย ซึ่งพ่อและแม่ยืนยันว่าลูกยังถอดเสื้อผ้าเองไม่ได้ นิสัยของน้องคือกลัวที่สูง ที่มืด และไม่เคยไปไกลจากบ้าน และหลักฐานสำคัญคือ เจอเส้นผมน้องที่ถูกเฉือน 36 เส้น ตกอยู่ข้างศพ ซึ่งน่าจะเป็นฝีมือบุคคลอื่น เพราะน้องตัดผมเองไม่ได้ และผู้ต้องสงสัย เชื่อว่าเป็นคนใกล้ชิด เพราะพ่อแม่และญาติ ยืนยันว่า ปกติน้องไม่ให้ใครอุ้ม ไม่ไปไหนกับคนแปลกหน้า และคนที่ก่อเหตุจะต้องรู้จักภูเหล็กไฟเป็นอย่างดี หรือต้องเคยเดินขึ้นไป เพราะตำแหน่งที่เดินนั้นไม่ค่อยมีใครไปเดิน

กระทั่ง ปี 2564 ช่วงเดือนมกราคม ตำรวจเชิญตัวพ่อแม่น้องชมพู่ พี่สาว น้าต่าย น้าเสริม น้าแต น้าฝน รวม 7 คน ทยอยเข้าเครื่องจับเท็จ10 มกราคม 2564 ลุงพล ถูกเชิญเข้าเครื่องจับเท็จ โดยเจ้าตัวยังยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด

1 มิถุนายน 2564 ศาลจังหวัดมุกดาหาร ออกหมายจับลุงพล คดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่  ในข้อหา พรากผู้เยาว์ ทอดทิ้งเด็กเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป การออกหมายจับลุงพล โดยตำรวจมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากเส้นผม

7 กันยายน 2564 อัยการจังหวัดมุกดาหาร ยื่นฟ้องลุงพล 3 ข้อหาประกอบด้วย 1.พรากผู้เยาว์ 2.ทำให้คนตายโดยเจตนา ปล่อยปละละเลยให้เด็กจนถึงแก่ความตาย 3.ดัดแปลงสภาพศพ ส่วนป้าแต๋น 1 ข้อหา คือดัดแปลงสภาพศพในคดีน้องชมพู่ โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร อนุญาตให้ประกันตัวลุงพล หลักทรัพย์เป็นวงเงิน 500,000 บาท ส่วนป้าแต๋นวางหลักทรัพย์เป็นเงิน 180,000 บาท

คดีนี้ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐาน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 และเริ่มสืบพยานฝ่ายโจทก์มาตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2565 โดยสืบพยานฝ่ายโจทก์ทั้งหมด 47 ปาก สืบพยานฝ่ายจำเลยไปแล้ว 16 ปาก ซึ่งวันนี้ (27 กรกฎาคม 66) จะมีการสืบพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปาก รวมเป็น 20 ปาก

และในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้นัดฟังคำพิพากษา คดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่”

ผ่านมาแล้วกว่า 3 ปี สุดท้ายก็ใกล้จะได้รู้แล้วว่า ใคร คือ ฆาตกร