กรมอุทยานฯ-ซินโครตรอน เผยสาเหตุ ช้างป่าเขาใหญ่ชนกันงาหัก

กรมอุทยานฯ-ซินโครตรอน เผยผลวิเคราะห์งาช้าง กรณีศึกช้างชนช้างจนงาหัก ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา แล้วถ้าช้างไม่มีงาจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง?

รู้สาเหตุแล้วค่ะ ช้างป่าชนกันทำไมถึงงาหักง่ายจัง แล้วเมื่อไม่มีงา จะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง หลังจากวันที่ 10 พ.ย.65 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ศึกช้างป่าพลายทองคำ ปะทะกับพลายงาทอง ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จนงาช้างของพลายทองคำด้านขวาหักเป็นสองท่อน ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงได้นำตัวอย่างงาช้างพลายทองคำไปตรวจวิเคราะห์ที่สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เพื่อระวังผลกระทบด้านสุขภาพ และพฤติกรรมของช้างและสัตว์ป่าอื่นๆ  

ล่าสุดวานนี้ (12 พ.ย.66) ณ ห้องประชุมนนทรี ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา นำโดย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ทส.) รศ.ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์  ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมกันแถลงผลการวิเคราะห์งาช้างจากกรณีต่อสู้กันจนงาหัก รวมถึงวิเคราะห์ดินโป่งแหล่งอาหารเสริมของช้างป่า พบว่างาที่หักมีองค์ประกอบที่แสดงระดับสมดุลของแร่ธาตุระหว่างแคลเซียมกับฟอสฟอรัส สอดคล้องผลวิเคราะห์ดินโป่ง ซึ่งแร่ธาตุที่จำเป็นบางชนิดละลายได้ดีในน้ำ ถูกน้ำซะล้าง เจือจางและกลิ่นคนติดโป่ง ช้างป่าเข้ามาใช้น้อยลง ดังนี้ 

– ผลการวิเคราะห์ตัวอย่างงาช้างพลายทองคำ ด้วยเทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์ (XRF) พบอัตราส่วนโดยมวลของธาตุแคลเซียมไม่เกิน 1.76 ส่วนต่อธาตุฟอสฟอรัส 1 ส่วน ซึ่งน้อยกว่าค่าอ้างอิงในตัวอย่างช้างเอเชีย ที่มีอัตราส่วนธาตุแคลเซียม 2.16 ส่วน ต่อฟอสฟอรัส 1 ส่วน จึงดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกด้วยแสงซินโครตรอนเทคนิคการเลี้ยวเบนรังสีเอกซ์ (XRD) และเทคนิคการดูดกลืนรังสีเอกซ์ (XAS) ทำให้สามารถจำแนกสารประกอบของแคลเซียมในงาช้างเป็น 2 องค์ประกอบหลัก คือ สารประกอบไฮดรอกซีอะพาไทด์ที่มีแคลเซียมต่ำ และสารประกอบไดแคลเซียมฟอสเฟต ซึ่งโดยปกติแล้วสารประกอบไฮดรอกซีอะพาไทด์เป็นสารประกอบสำคัญที่มีผลต่อความแข็งแรงของกระดูกและฟัน 

– ผลการวิเคราะห์แร่ธาตุในดินโป่งแต่ละแหล่ง ด้วยเทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์ (XRF) จากแสงซินโครตรอนและเครื่องมือในห้องปฏิบัติการ พบแร่ธาตุที่หลากหลายซึ่งมีความจำเป็นสำหรับช้างและสัตว์ป่าทั้งแร่ธาตุหลักและแร่ธาตุรอง ได้แก่ โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม โซเดียม เหล็ก แมงกานีส และสังกะสี ทั้งนี้ มีข้อสังเกตที่สำคัญคือ พบว่าธาตุแคลเซียมมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับข้อมูลจากรายงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าแร่ธาตุที่จำเป็นบางชนิดละลายได้ดีในน้ำ จึงถูกน้ำซะล้าง เจือจาง และช่างป่ายังไม่กินดินโป่งเนื่องจากมีกลิ่นนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเหยียบย่ำโป่ง 

ด้านนายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า หากช้างป่าไม่มีงาแล้วจะทำให้ ไม่หล่อ ไม่เท่ห์ ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกผู้พบเห็น นอกจากนั้นยังทำให้เสียการทรงตัวจากการเหลืองาข้างเดียว เดินคอเอียง หงุดหงิด บางตัวพยายามงัดงาให้เหลือข้างเดียวเพื่อความสมดุล การกินพืชอาหารลำบาก ฉีก แกะเปลือกไม้ เถาวัลย์ หรือขุดกินโป่งลำบาก ส่งผลต่อสัตว์เล็กอื่นๆ เช่น เก้ง กวาง กระทิง ที่จะตามมากิน และยังเสี่ยงติดเชื้อ เมื่อเชื้อโรคเข้าไป อักเสบ ปวด ก็ฟาดงวงฟาดงา 

ทั้งนี้ การมีงาเดียวยังทำให้เสียเปรียบตัวอื่น เมื่อสู้ตัวมีงาไม่ได้ก็เลี่ยงการเผชิญหน้า ออกนอกพื้นที่ เกิดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า เช่น บุญช่วย บุญมี พวกนี้เคยมีงามาก่อนทั้งนั้น ส่วนตัวไหนที่งายังเหลือ ก็ถวิลหาแร่ธาตุ ตามกลิ่นเกลือ รื้อครัวชาวบ้าน ถ้าอยู่ในอุทยานฯ ก็เข้าลุยลานกางเต็นท์จากกลิ่นเค็ม หนักหน่อยก็รื้อขยะกิน ติดเชื้อโรค ขยะอุดตันในลำไส้ ปัญหาตามมาอีกเยอะ 

เมื่อไม่มีงาก็ปรับยุทธวิธีการต่อสู้มาสู้ระยะประชิด เอาโหนกหัวชนหรือกระแทกหน้าอกหรือท้อง ทำให้เลือดตกในช่องอกและตายจากการหายใจไม่ออก และช้างที่ต่อสู้กันจนเสียชีวิต เกิดจากการกระแทกด้วยกำลังมหาศาลที่ช่องอกมากกว่าการใช้งาแทงกัน บางครั้งเลี่ยงถูกงาแทงก็เข้าสู้จากข้างหลังแล้วกัดหางขาด ก็ทำให้ตัวถูกกัดหางติดเชื้อและตายได้ ซึ่งมีโอกาสจะเกิดเหตุเช่นนี้วนลูปต่อไป และอีกสาเหตุที่ทำให้ช้างได้รับแร่ธาตุไม่เพียงพอคือช้างไม่กินโป่งเนื่องจากมีกลิ่นนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเหยียบย่ำโป่ง 

ขณะเดียวกัน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กล่าวเสริมว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ให้ความสำคัญในการดูแลช้าง ไม่ต่างจากการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากช้าง ในส่วนของการทำโป่งหากโป่งที่ไหนส่งผลกระทบต่อช้างก็ต้องปรับปรุง หลังจากนี้กรมฯ และสถาบันฯ จะมีความร่วมมือกันเรื่อยๆ เรื่องใดที่จะส่งเสริมหรือต่อยอดก็ต้องทำต่อไป 

ด้าน รศ.ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน สรุปผลการศึกษาครั้งนี้ว่า ผลจากการใช้แสงซินโครตรอนวิเคราะห์โครงสร้างองค์ประกอบงาช้าง พบว่างาช้างที่หักมีองค์ประกอบที่แสดงแนวโน้มของการรับธาตุแคลเซียมไม่เพียงพอ สอดคล้องกับผลการวัดแร่ธาตุจากดินโป่ง ข้อมูลดังกล่าวอาจนำไปสู่การเผยแพร่แนวทางการทำโป่งใหม่และเสริมดินโป่งเดิมในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้มีความเหมาะสมอย่างแพร่หลาย และสามารถใช้ในการเฝ้าระวังและจัดการสุขภาพช้างป่า และสัตว์ป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน และในอนาคตสถาบันฯ จะมีความร่วมมือในการสนับสนุนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แก่กรมฯ ต่อไป 

คลิปอีจันแนะนำ
ชีวิตใหม่ ช้างกันยา กับแม่รับ-แม่นม ที่เชียงใหม่