“บิ๊กต่อ” ควง 2 รอง ผบ.ตร. ลุยจี้คดี “ป้าบัวผัน” พบมี 5 คดีค้างเก่า

อึ้ง! 5 วัยรุ่นทำร้าย “ป้าบัวผัน” มีคดีค้างเก่าไม่น้อยกว่า 5-6 คดี ทั้งคดีกระทำชำเรา รุมโทรมหญิง ทำร้ายร่างกาย

คดีสะเทือนใจ ที่ “ป้าบัวผัน” ถูกกลุ่มวัยรุ่น 5 คน ที่มีอายุเพียง 13-16 ปี ทำร้ายร่างกายและอุ้มฆ่าทิ้งน้ำ ที่ จ.สระแก้ว โดย 2 ใน 5 คนนี้ยังเป็นลูกของตำรวจ คดีนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ และสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ซ้ำผู้ก่อเหตุยังเป็นเพียงแค่เด็กเยาวชนเท่านั้น เป็นคดีที่เวลานี้สังคมยังจับตาว่าจะจบอย่างไร

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (19 ม.ค.67) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.,  พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. บินด่วนลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อเร่งรัดติดตามคดี 5 เยาวชนฆาตกรรมนางสาวบัวผัน ตันสุ อายุ 47 ปี หรือ ป้ากบ และคดีพนักงานสอบสวนคลุมถุงดำบังคับให้ลุงเปี๊ยก สามีป้ากบรับสารภาพเป็นแพะในคดี ด้านผบ.ตร.น้อมรับความผิดพลาดขอโทษประชาชน ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” ยันคลิปเสียงตำรวจเชื่อว่าเป็นคลิปจริง บ่นเหนื่อยใจ ทำประชาชนเอียนพฤติกรรมตำรวจปกปิดบังคับลุงเปี๊ยกรับสารภาพ เรียกร้องผู้บังคับชาระดับภาคทบทวนตัวเอง

พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ เปิดเผยก่อนการเดินทางว่า วันนี้จะลงพื้นที่ไปรับฟังข้อเท็จจริงกรณีเยาวชนกลุ่มนี้ ตลอดจนเยาวชนในแก๊งรายอื่น ที่ก่อความรุนแรงสะสมมานานหลายคดี ซึ่งจะต้องไล่ตรวจสอบย้อนหลังในทุกคดีทั้งหมดที่มีเบาะแส และเชิญผู้เสียหายแต่ละคดีมาสอบปากคำ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน แม้จะเป็นคดีเก่าที่เกิดนานแล้ว แต่เชื่อว่าพนักงานสอบสวนมีแนวทางในการรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุได้ นอกจากนี้จะต้องไปพิจารณาข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับผู้ปกครองเด็กที่ปล่อยปละละเลยบุตรหลานด้วย

ส่วนการดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนที่บังคับให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพนั้น จะต้องตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดก่อนที่จะมีการชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบ โดยเฉพาะประเด็นคลิปเสียงการสนทนาของชายที่คาดว่าเป็นตำรวจยศพันตำรวจตรี และพันตำรวจโท รวมถึงดาบตำรวจ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ทราบว่าเป็นคลิปจริงหรือไม่ หรือมีการตัดต่อบิดเบือนคลิปเสียง ซึ่งจะต้องเรียกบุคคลที่คาดว่าเป็นเจ้าของเสียงมาสอบปากคำว่าพูดจริงหรือไม่ และเมื่อทราบเรื่องแล้วเหตุใดจึงไม่ดำเนินการกับตำรวจที่กระทำความผิด พร้อมยืนยันว่าหากมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะต้องดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัย ส่วนจะมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกี่รายนั้นยังไม่สามารถตอบได้ ต้องขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน โดยมอบหมายให้พลตำรวจเอกไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการสอบวินัยตำรวจทั้งหมดและรายงานผลให้ทราบโดยเร็ว แต่ส่วนของคดีอาญาทั้งหมดก็ได้มอบหมายให้พลตำรวจเอกธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบการสอบสวน

อย่างไรก็ตามในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็น้อมรับความผิดพลาดและขอโทษประชาชน ที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องและทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน เพราะแม้แต่ตนเองก่อนหน้านี้ก็ยังตั้งข้อสงสัยถึงกระบวนการสอบสวนและคดีดังกล่าว และในฐานะที่ตนเองเป็นหัวหน้า ก็ไม่เหนื่อยและไม่ปวดใจ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นก็จะต้องแก้ไข และพยายามทำให้อยู่ในกรอบทั้งหมด ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าในองค์กรตำรวจที่มีคนจำนวนมาก มีตำรวจบางนายที่ประพฤติไม่ดี ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ให้ออกจำนวนกว่า 300 นายเมื่อปีที่ผ่านมา และในการประชุม ก.ตร. ครั้งที่จะถึงนี้ ก็มีคำสั่งให้ออกอีกกว่า 60 นาย ยืนยันว่าหนังเรื่องนี้ยังไม่จบ และใครผิดไม่เลี้ยงไว้ และในการลงพื้นที่วันนี้ก็จะต้องปรับปรุงเรื่องการสืบสวนสอบสวนด้วย เพราะปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปแล้ว ควรนำเทคโนโลยีและนิติวิทยาศาสตร์มาปรับใช้ในการสอบสวน ยกระดับให้ได้มาตรฐานและอยู่ในกรอบของกฎหมาย จะสอบสวนแบบเดิมๆ ไม่ได้

ด้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพฤติกรรมการก่อเหตุของกลุ่มเยาวชนที่ก่อเหตุ เบื้องพบว่ามีคดีค้างเก่าไม่น้อยกว่า 5-6 คดี ทั้งคดีกระทำชำเรา รุมโทรมหญิง ทำร้ายร่างกาย แต่ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ก่อเหตุเลย ซึ่งตอนนี้คณะทำงานพบผู้เสียหายแล้ว และจะต้องเชิญผู้เสียหายทั้งหมดมาให้ข้อมูล แม้คดีจะผ่านมานานแล้วก็ตาม รวมทั้งจะต้องเชิญผู้กำกับและหัวหน้าชุดทำคดีทั้งหมดมาสอบถามถึงปัญหาว่าคดีติดขัดเรื่องใด เหตุใดจึงไม่มีความคืบหน้า เพื่อจะเร่งรัดดำเนินคดีเพิ่มเติมกับเยาวชนทั้ง 5 คนนอกเหนือจากคดีฆาตกรรมป้ากบ ยืนยันคดีทั้งหมดผู้เสียหายต้องได้รับความเป็นธรรม

ส่วนคลิปเสียงที่หลุดออกมาเพิ่มเติมนั้น ตนเองได้ฟังแล้วเชื่อว่าเป็นคลิปเสียงจริง แต่หากมีการตัดต่อก็สามารถตรวจสอบได้ และการที่พนักงานสอบสวนร้องอุทานตกใจเมื่อทราบว่าจับผิดตัว และเอาลุงเปี๊ยกไปฝาก ก็เหมือนเอาคนไม่ผิดเข้าคุก ก็ต้องให้ความเป็นธรรม ไปดูว่าพนักงานสอบสวนรีบแก้ไข รีบทำหนังสือถึงศาล เพื่อให้ปล่อยตัวลุงเปี๊ยกออกมาโดยเร็วหรือไม่ โดยเรื่องนี้ต้องทำให้เร็ว ให้ได้ความชัดเจนว่าใครผิด และจะต้องเอาออกทันที ไม่ปล่อยเวลาเนิ่นนานไปถึง 5-6 วันโดยไม่มีความคืบหน้า รองผู้กำกับการที่ยอมรับว่ารู้เหตุการณ์คลุมหัวจริงก็ต้องดำเนินคดี ส่วนใครรับรู้อีกก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง

พร้อมยอมรับเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เกิดขึ้น ที่เมื่อกระทำผิดแล้วพยายามปกปิด รายงานข้อเท็จจริงไม่ครบหรือปิดบังเรื่องการสอบสวนที่ผิดพลาด เช่น มีการไปกระทืบลุง จับกุมผิดตัว กลัวผู้บังคับบัญชารู้ กลัวจะถูกเล่นงาน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือลูกตำรวจ ซึ่งทั้งหมดทำให้ตนเองต้องมารู้เรื่องราวจากสื่อมวลชน และลุงเปี๊ยกที่เป็นผู้เสียหาย ซึ่งลุงเปี๊ยกก็มีความเครียดแค้นว่าตำรวจนายนี้ทำร้ายตนเอง บังคับให้นำชี้ที่เกิดเหตุ โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ใช้คำว่า “ตนเองก็เหนื่อยใจ และประชาชนก็รู้สึกเอียนจนไม่รู้จะเอียนอย่างไรแล้ว” และในฐานะผู้บังคับบัญชาตนเองก็ต้องลงไปแก้ไข ดังนั้นวันนี้ผู้บัญชาการภาค ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้กำกับการพื้นที่และทุกคนจะต้องทำหน้าที่ของตนเอง ไม่ใช่ต้องให้ระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องลงพื้นที่ไปเอง ไม่กังวลว่าลูกน้องจะรังเกียจ ใครทำไม่ดีต้องถูกดำเนินการ

พลตำรวจเอกธนา เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีบุคคลบางกลุ่มได้รับคลิปวงจรปิด และสั่งให้เจ้าของกล้องวงจรปิดลบคลิปต้นฉบับเพื่อหวังผลประโยชน์ ว่า เป็นเรื่องที่จะต้องตรวจสอบ และพิจารณาในรายละเอียดก่อน แต่หากพบว่ามีใครเข้าข่ายกระทำความผิดก็จะต้องดำเนินการหลังจากนี้ โดยจะเน้นทำคดีหลักก่อน