บันทึกก่อนตาย ของ “ฮอลลี่ บุตเชอร์” สาวป่วยมะเร็งวัย 27 ปี

เราอาจใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อค้นหาความสุข แต่แท้จริงแล้วความสุขหรือความทุกข์เราเลือกได้! บันทึกก่อนตาย ของ “ฮอลลี่ บุตเชอร์” สาวป่วยมะเร็งวัย 27 ปี ทำให้เราเข้าใจในเรื่องนี้

เราอาจมุ่งหวังที่จะค้นหาความสุขของชีวิต และขีดเส้นทางแห่งความฝัน ความหวังไปแสนไกล จากจุดที่เรากำลังยืนอยู่ จากนาทีที่เรากำลังใช้ชีวิต เพราะคิดว่าเรามีเวลาอีกยาวไกล จนทำให้เราลืมไปว่า ความสุขของชีวิต เราสร้างมันขึ้นมาได้ในทุก ๆ วินาทีที่เราหายใจ และเราเองก็ส่งต่อความสุขให้กับคนรอบข้างได้ในทุกวินาทีเช่นกัน โดยไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้ หรือรอเทศกาลใดๆ

จดหมายที่ “ฮอลลี่ บุตเชอร์” สาววัยเพียง 27 ปี เขียนไว้หลังตรวจพบว่า เธอเป็นโรคมะเร็ง Ewing sarcoma มะเร็งในกระดูกและเนื้อเยื่อ ระยะที่ 4 ซึ่งเธอมีเวลาเพียง 1 ปี 3 เดือนอยู่บนโลก ในวาระสุดท้ายของชีวิต เธอได้เขียนถึงสิ่งที่เธอได้ใช้เวลาที่เหลือของชีวิต เธอพบว่า หากมีสิ่งใดที่ทำให้เป็นทุกข์ เรามีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ทั้งในเรื่องงาน ความรัก หรืออะไรก็ตาม จงมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะเราไม่รู้ว่าเหลือเวลาบนโลกนี้อีกเท่าไหร่ ดังนั้นอย่าเสียเวลาไปกับความทุกข์

แม้ “ฮอลลี่ บุตเชอร์” จะจากโลกนี้ไป 5 ปีแล้ว แต่สิ่งที่เธอเขียนไว้ก็ยังมีประโยชน์กับคนที่ละเลยและหลงคิดว่าตัวเองยังมีเวลาเหลืออีกมากบนโลกใบนี้

นี่คือจดหมายอันทรงคุณค่าแก่มนุษย์ทุกคน เพราะทำให้เราตระหนักถึงการใช้เวลาทุกวินาทีได้อย่างมีความสุข

“มันแปลกที่ต้องเข้าใจและยอมรับความตายของตนในวัยเพียง 26 ปี

ความตายเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราต่างเพิกเฉย วันเวลาดำเนินผ่านไป เราต่างคาดหวังว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ฉันมักจินตนาการว่าในอนาคตฉันจะแก่ มีรอยเหี่ยวย่น และผมหงอกเป็นสีเทา ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ชีวิตกับครอบครัวที่สวยงาม(มีลูกเยอะ) ฉันวางแผนที่จะสร้างมันด้วยความรักในชีวิตของฉัน ฉันต้องการชีวิตแบบนั้นมาก

แต่ฉันคงไม่มีวันได้มีชีวิตแบบนั้น

มันรู้สึกทรมานจนเจ็บปวดไปหมด

นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าชีวิต มันเปราะบาง มีคุณค่า และคาดเดาไม่ได้ แต่ละวันที่มีชีวิตอยู่คือของขวัญ ไม่ใช่มีชีวิตอยู่เพราะเรามีสิทธิ์ที่จะมีชีวิต

ตอนนี้ฉันอายุ 27 ปี ฉันไม่อยากจากโลกนี้ไป ฉันรักชีวิตของฉัน ฉันมีความสุข ฉันเป็นหนี้สิ่งเหล่านี้ต่อคนที่ฉันรัก แต่ไม่มีใครควบคุมชะตาชีวิตของตนเองได้ทั้งนั้น

ฉันเขียน ‘บันทึกก่อนตาย’ นี้ไม่ใช่เพื่อให้เรากลัวความตาย แต่ฉันอยากจะบอกว่าความตายคือความจริงที่เราส่วนใหญ่ต่างหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงมัน ยกเว้นเมื่อฉันต้องการพูดถึงมันและกลับถูกปฏิบัติเหมือนเป็นหัวข้อ ‘ต้องห้าม’ ที่จะไม่เกิดขึ้นกับพวกเราคนใดคนหนึ่ง

ฉันแค่อยากให้พวกเราเลิกกังวลกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มีความหมายและสร้างความเครียดในชีวิต จำไว้ว่าเราทุกคนต้องเจอชะตากรรมเดียวกันหลังจากนั้น ดังนั้นทำในสิ่งที่คุณทำได้เพื่อให้เวลาที่เสียไปมีคุณค่ามากที่สุด ตัดเรื่องปัญญาอ่อนไร้สาระทั้งหมดไปซะ

ฉันทิ้งความคิดไว้มากมายในนี้ เพราะฉันมีเวลาไตร่ตรองชีวิตมากมายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และส่วนใหญ่มันก็ผุดขึ้นมาตอนช่วงเวลากลางดึก

ช่วงเวลาที่คุณกำลังบ่นเรื่องไร้สาระ (สิ่งที่ฉันสังเกตเห็นส่วนใหญ่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา) ให้ลองนึกถึงคนที่กำลังเผชิญปัญหาจริงๆ ที่หนักกว่าคุณ ดังนั้นจงขอบคุณปัญหาเล็กๆ น้อยๆ และมองข้ามมันไป ไม่เป็นไรเลยที่จะยอมรับว่ามีบางสิ่งที่ทำให้เรารำคาญ แต่พยายามปล่อยมันไป เพราะมันจะส่งผลเสียต่อคนรอบข้างด้วย

เมื่อคุณปล่อยมันไปแล้ว ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ดูสิว่าท้องฟ้านั้นสีฟ้าแค่ไหน และต้นไม้เขียวขจีเพียงใด มันสวยงามมากเลย คิดดูสิว่าคุณโชคดีแค่ไหนที่ยังคงทำสิ่งเหล่านี้ได้ -หายใจ

วันนี้คุณอาจกำลังรถติดหนักอยู่ หรือนอนไม่หลับเพราะลูกน้อยแสนสวยของคุณ ช่างตัดผมทำผมคุณสั้นเกินไป เล็บที่ไปต่อมามีรอยแตก หน้าอกของคุณเล็กเกินไป มีเซลลูไลท์ที่บั้นท้าย และท้องของคุณปลิ้นไปมา

ช่างมันเถอะ

ปล่อยเรื่องไร้สาระพวกนี้ไป ฉันสาบานว่าคุณจะไม่คิดถึงสิ่งเหล่านี้เลยเมื่อคุณกำลังจะตาย เมื่อคุณมองดูชีวิตทั้งหมด เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยยิ่งกว่าธุลี

ฉันนั่งเฝ้าดูร่างกายร่วงโรยไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ทำอะไรไม่ได้ และทั้งหมดที่ฉันปรารถนาในตอนนี้ คือขอเพียงแค่ให้มีวันเกิด หรือวันคริสต์มาสกับครอบครัวอีกครั้ง ขอเพิ่มเพียงแค่หนึ่งวันเพื่อได้อยู่กับคนที่รัก หรือได้อยู่กับสุนัขของฉัน

ขอเพียงอีกหนึ่งครั้งเท่านั้น

ฉันได้ยินคนบ่นว่าที่ทำงานเลวร้ายแค่ไหน หรือไปออกกำลังกายยากเพียงใด จงดีใจเถิดที่คุณยังคงมีเรี่ยวแรงมีพลังกาย การทำงานและการออกกำลังกายอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญ จนกระทั่งถึงวันที่ร่างกายของคุณไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไป

ฉันพยายามดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ อันที่จริงมันคือแพชชั่นหลักของฉันเลยล่ะ ดีใจเถิดที่ตนเองมีสุขภาพที่ดีและมีร่างกายที่ใช้งานได้ปกติ แม้ว่าขนาดรูปร่างของเราจะไม่ใช่อุดมคติก็ตาม แต่จงดูแลมันและดูสิว่ามันมหัศจรรย์แค่ไหน ออกกำลังกายและกินอาหารที่เป็นประโยชน์ แต่อย่าหมกมุ่นกับมันมากเกินไปล่ะ

จำไว้ว่าการมีสุขภาพที่ดีมีความหมายมากกว่าร่างกายที่แข็งแรง สิ่งสำคัญนอกจากการดูแลร่างกายคือการค้นหาความสุขทางจิตใจ ดูแลอารมณ์ และสุขภาพจิตของตน คุณจะตระหนักว่าสื่อสังคมออนไลน์ที่เต็มไปด้วยการอวดรูปร่างที่สังคมกำหนดว่าเพอร์เฟคนั้นไร้สาระและไม่สำคัญกับชีวิต ลบบัญชีและเพจที่ทำให้คุณรู้สึกแย่เกี่ยวกับตัวเองไปซะ เลิกคบกับเพื่อนหรือใครก็ตามที่ทำร้ายการอยู่ดีมีสุขของคุณ

ขอบคุณทุกวันที่คุณไม่มีอาการปวดใดๆ หรือแม้แต่วันที่คุณเป็นไข้หวัด เจ็บหลัง หรือข้อเท้าแพลง ขอบคุณที่มันเป็นเพียงอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต และจะหายไปเอง

บ่นให้น้อยลง และช่วยเหลือเกื้อกูลกันให้มากขึ้น

“การให้ การให้ และการให้” การทำสิ่งต่างๆ ให้ผู้อื่นมีความสุขมากกว่าทำเพื่อตนเอง ฉันหวังว่าฉันจะให้ได้มากกว่านี้ ตั้งแต่ฉันป่วย ฉันได้พบกับผู้คนที่ให้ฉันและใจดีกับฉันอย่างที่สุด ได้รับคำพูดที่ห่วงใยและรักใคร่ฉันที่สุด ฉันได้รับความรักจากครอบครัว จากเพื่อน และคนแปลกหน้า มันมากเกินกว่าที่ฉันจะตอบแทนได้ ฉันจะไม่ลืมสิ่งนี้และขอขอบคุณทุกคนตลอดไป

แปลกมากที่ฉันมีเงินใช้ตอนกำลังจะตาย นั่นเป็นเพราะฉันไม่ได้ออกไปซื้อสิ่งของตามปกติ เช่นเสื้อผ้าใหม่ๆ อีกต่อไป มันทำให้ฉันคิดได้ว่าเราเสียเงินไปมากมายเท่าไหร่ไปกับสิ่งของไร้สาระ เสื้อผ้า และสิ่งของสิ้นเปลืองมากมายในชีวิตของเรา

ซื้อของให้เพื่อนแทนที่จะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือเครื่องประดับสำหรับงานแต่งงานครั้งต่อไป 1.ไม่มีใครสนใจถ้าคุณใส่ซ้ำ 2.พาพวกเขาออกไปทานอาหาร กาแฟ หรือทำอาหารให้พวกเขากิน ซื้อต้นไม้ นวดให้ หรือมอบเทียน และบอกเขาว่าคุณรักพวกเขา

ให้ความสำคัญกับเวลาของผู้อื่น อย่าปล่อยให้พวกเขารอเพราะคุณเป็นคนไม่ตรงเวลา เตรียมตัวให้พร้อมแต่เนิ่นๆ ถ้ารู้ว่าเป็นคนแบบนั้น จงยินดีที่เพื่อนแบ่งปันเวลาที่พวกเขามีร่วมกับคุณ หากคุณเคารพพวกเขา คุณจะได้รับความเคารพจากพวกเขากลับเช่นกัน

ปีนี้ ครอบครัวของเราตกลงที่จะไม่มอบของขวัญ ต้นคริสต์มาสจึงดูเศร้าและว่างเปล่า (ฉันเกือบทำลายวันคริสต์มาสอีฟ!) แต่มันก็มีข้อดีเพราะทำให้พวกเขาไม่ต้องกดดันตนเองในการซื้อของขวัญ และทำให้พวกเขาทุ่มเทไปกับการเขียนการ์ดให้กันและกัน

ลองจินตนาการว่าครอบครัวของฉันพยายามที่จะซื้อของขวัญให้ฉัน โดยที่สุดท้ายแล้วเมื่อฉันตาย ของพวกนั้นก็จะกลับไปอยู่กับพวกเขา เพราะคนตายเอามันไปไม่ได้ แปลก!

อาจฟังดูเชย แต่การ์ดเหล่านี้มีความหมายกับฉันมากกว่าการซื้อของใดๆ มาให้ แต่อยากให้ทราบว่าการทำสิ่งเหล่านี้ในบ้านของเรานั้นง่ายเพราะครอบครัวเราไม่มีเด็กตัวเล็กๆ ที่รอขอขวัญ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การมีหรือไม่มีของขวัญไม่ได้ทำให้คริสต์มาสมีความหมายลดน้อยลง

ใช้เงินของคุณกับการซื้อประสบการณ์ หรืออย่างน้อยก็อย่าใช้เงินทั้งหมดไปกับสิ่งไร้สาระจนไม่สามารถมีประสบการณ์ใดๆ

ทุ่มเทให้กับการเดินทาง เช่นการไปชายหาดที่คุณอยากไปแต่ไม่ไปเสียที จุ่มเท้าลงในน้ำ ไถนิ้วเท้าไปกับหาดทราย ล้างหน้าของคุณด้วยน้ำทะเล อยู่ท่ามกลางธรรมชาติให้มากที่สุด

ใช้ช่วงเวลาดื่มด่ำเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แทนที่มองมันผ่านหน้าจอมือถือของคุณ ชีวิตไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตผ่านหน้าจอ ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับการได้ภาพถ่ายที่สมบูรณ์แบบ มีความสุขกับช่วงเวลาตรงหน้าเถิดทุกคน! เลิกถ่ายภาพเพื่อให้คนอื่นดูแทนที่ตนเองจะได้มีความสุขกับสิ่งตรงหน้าเสียที

สิ่งฉันไม่เคยเข้าใจเกี่ยวกับผู้หญิง ทำไมพวกเขาต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงไปกับการทำผมและแต่งหน้าเพียงเพื่อออกไปในแต่ละวัน หรือเพียงแค่ออกไปเที่ยวกลางคืน มันคุ้มหรือไม่?

ตื่นแต่เช้าบางวัน เพื่อฟังเสียงนกในขณะที่จ้องมองแสงสีอันสวยงามของดวงอาทิตย์เมื่อมันกำลังขึ้น

ฟังเพลง ฟังเพลงช่วยคุณได้จริง ดนตรีคือการบำบัด

โอบกอดสุนัขของคุณด้วยความรัก ฉันจะคิดถึงมันมากๆ เมื่อฉันจากไป

คุยกับเพื่อนของคุณ วางโทรศัพท์ของคุณลง และถามพวกเขาว่าชีวิตช่วงนี้โอเคไหม?

จงเดินทางหากมันเป็นความต้องการของคุณ แต่อย่าเดินทางหากมันไม่ใช่

ทำงานเพื่อมีชีวิตอยู่ ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อทำงาน

ทำในสิ่งที่ทำให้หัวใจคุณมีความสุข

กินเค้กซะ แบบไม่ต้องรู้สึกผิดใดๆ

จงปฏิเสธสิ่งที่คุณไม่ต้องการจริงๆ

อย่ารู้สึกกดดันที่จะต้องทำในสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นการเติมเต็มชีวิต คุณอาจต้องการชีวิตธรรมดา ซึ่งก็ไม่เป็นอะไรเลยจริงๆ

บอกคนที่คุณรักว่าคุณรักเขา ทุกครั้งที่มีโอกาส และจงรักเขาด้วยทุกสิ่งที่คุณมี

จำไว้ว่าหากมีสิ่งใดที่ทำให้คุณเป็นทุกข์ คุณมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ทั้งในเรื่องงาน ความรัก หรืออะไรก็ตาม จงมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง คุณไม่รู้ว่าคุณเหลือเวลาบนโลกนี้อีกเท่าไหร่ ดังนั้นอย่าเสียเวลาไปกับความทุกข์ ฉันรู้ว่ามีคำพูดแบบนี้บ่อย แต่มันคงไม่จริงไปกว่านี้อีกแล้ว

นี่เป็นเพียงคำแนะนำในการใช้ชีวิตของสาวคนหนึ่ง จะเอาหรือจะไม่เอา ฉันไม่ว่าเลย!

อ้อ และสุดท้าย ถ้าทำได้ ทำความดีเพื่อเพื่อนมนุษย์(และตัวเอง) การบริจาคโลหิตเป็นประจำจะทำให้คุณรู้สึกดีกับการช่วยชีวิตคนอื่น ฉันว่าการบริจาคเลือดเป็นเรื่องที่ใครหลายคนมองข้ามไป เพราะทุกๆ การบริจาคสามารถช่วยชีวิตคนได้ถึง 3 คน! นั่นเป็นเรื่องราวที่ทำได้ง่ายและสร้างผลประโยชน์ได้มากจริงๆ

ฉันได้รับเลือดจากการบริจาค (จำนวนถุงมากเกินกว่าที่ฉันจะนับได้) ซึ่งช่วยให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหนึ่งปี มันเป็นหนึ่งปีที่ฉันจะขอบคุณตลอดไป หนึ่งปีที่ฉันได้ใช้มันบนโลกนี้กับครอบครัว เพื่อน และสุนัขของฉัน มันคือหนึ่งปีฉันมีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

จนกว่าจะพบกันใหม่

ฮอล

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ทุกบรรทัดของจดหมายนี้ ทำให้เราตระหนักว่า เราคือผู้เลือกที่จะสร้างความสุขหรือจะใช้เวลาละเลงความทุกข์ให้กับชีวิต เรามีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงมัน เพราะเราไม่รู้ว่าเหลือเวลาบนโลกนี้อีกเท่าไหร่ ดังนั้นอย่าเสียเวลาไปกับความทุกข์

อ้างอิง

เฟซบุ๊ก I’m from Andromeda

ต้นฉบับจากโพสต์ของฮอลลี่ :

https://www.facebook.com/1617044230/posts/10213711745460694/?mibextid=cr9u03

คลิปอีจันแนะนำ
ชีวิตติดลบ สู่เจ้าของร้านในอาหารไทยในอเมริกา เชฟปลา Luv2eat Thai bistro