ตร.ไซเบอร์ บุกจับแก๊งซื้อ-ขาย ข้อมูลส่วนตัว โค้ดแฮกแอปธนาคาร

เสี่ยงกว่า 15 ล้านรายชื่อ ตร.ไซเบอร์ บุกทลายแก๊งซื้อ-ขาย ข้อมูลส่วนตัว และโค้ดแฮกแอปธนาคาร

ช่วงนี้มิจฉาชีพระบาดหนักมาค่ะทุกคน โดยหลักๆ ที่มักจะเห็นกันบ่อย คือ เพจปลอม หลอกขายของ เว็บพนันออนไลน์ ข้อความหลอกให้คลิกลิงก์ และการโทรเข้ามาหลอกให้โอนเงิน ซึ่งอีกหนึ่งประเด็นที่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังคงสงสัยคือ มิจฉาชีเหล่านี้ มีข้อมูลส่วนตัวเราได้ยังไง 

วานนี้ (6 พ.ย.66) พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พร้อมด้วย ผู้บังคับบัญชาระดับรองผู้บัญชาการ และ ผู้บังคับการในสังกัด บช.สอท. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการ “DATA GUARDIANS OPERATION ปฏิบัติการล่าทรชน คนค้าข้อมูล” จับแก๊งมิจฉาชีพรวม 3 คน ได้แก่  

1. นายยอดชาย อายุ 24 ปี แอดมินกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล กว่า 15 ล้านรายชื่อ โดยควบคุมตัวได้บริเวณบ้านพักในพื้นที่ จ.อุดรธานี ซึ่งนายยอดชาย เป็นผู้ขายข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้มาจากฐานข้อมูลเว็บพนันออนไลน์ผ่านกลุ่มเฟซบุ๊ก และเฟซบุ๊กแฟนเพจ นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่รับไลฟ์สดให้แก่เว็บไซต์พนันออนไลน์ 

ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ฯ แล้วนำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น, เข้าถึงโดยมิชอบชื่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ, จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมีได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานฯ พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 4 รายการ คือ โทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ค แฟลชไดร์ฟ และสมุดบัญชีธนาคาร 

2. จับกุมนายพศิน อายุ 41 ปีโบรกเกอร์ของบริษัทประกันภัยชื่อดัง ลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลนับล้านรายชื่อรวมถึงข้อมูลของลูกค้าประกันไปขายให้มิจฉาชีพ ซึ่งควบคุมตัวได้บริเวณบ้านพักในพื้นที่ จ.ปทุมธานี โดยนายพศิน เป็นผู้ขายข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ นายศุภากรณ์ ที่โดนจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ 

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ฯ นำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 5 รายการ คือ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค แฟลชไดร์ฟ และเอกสารรายชื่อลูกค้ากว่า 301 แผ่น 

3. นายณัฐพงษ์ อายุ 28 ปี โปรแกรมเมอร์หนุ่มผู้ขายโปรแกรม API Bypass Face Scan ในการปลดล็อกการสแกนใบหน้าในแอป Mobile Banking ซึ่งควบคุมตัวได้บริเวณบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะเข้าไปแก้ไขโค้ดของแอป Mobile Banking ให้ยกเลิกเงื่อนไขการสแกนใบหน้ากรณีที่มีการโอนเงินที่มีจำนวนเกินกว่า 50,000 บาท ซึ่งเป็นการสร้างความสะดวกให้กลุ่มมิจฉาชีพ กลุ่มเว็บพนันออนไลน์ หรือกลุ่มบัญชีม้า 

เจ้าหน้าที่จึงแจ้ง ข้อหา ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะ นำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผย โดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, กระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น มิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้, 

ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โดยเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานนเป็นประโยชน์สาธารณะ พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 6 รายการ คือ โทรศัพท์มือถือ ไอแพด เร้าเตอร์อินเทอร์เน็ต โน้ตบุ๊ค จอคอมพิวเตอร์ และสมุดบัญชีธนาคาร 

ซึ่งการจับกุมมิจฉาชีพทั้ง 3 ราย สืบเนื่องจากการจับกุมนายศุภากรณ์ หรือปลื้ม เมื่อช่วงเดือน ส.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางที่รับซื้อข้อมูลจากกลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อขายอาหารเสริมยี่ห้อดังแบรนด์หนึ่ง โดยอ้างว่าได้ซื้อข้อมูลมากว่า 15 ล้านรายชื่อ แล้วนำมาแบ่งขายเป็นแพ็คเกจให้แก่กลุ่มที่สนใจใน Dark Web ทำรายได้กว่า 4 แสนบาทต่อเดือน 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ เชื่อว่าอาจมีผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องอีก โดยจะทำการขยายผลจับกุมเพิ่มเติมต่อไปค่ะ 

คลิปอีจันแนะนำ
หมอกฤตไท เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ” โพสต์บอกลา หลังสู้มะเร็งมานาน 1 ปี