“สามีหนิม” เล่าทั้งน้ำตา เข้าใจว่าภรรยาตายเพราะสุขภาพมาตลอด

รายการโหนกระแสเชิญ ด.ต.นิติพันธ์ สามีของหนิม หนึ่งในเหยื่อแอมไซยาไนด์ เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง หนิม-แอม ก่อนเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว

วันนี้ (28 เม.ย. 66) รายการโหนกระแสได้เชิญ ด.ต.นิติพันธ์ สามีของหนิม หนึ่งในเหยื่อ “แอม ไซยาไนด์” เปิดเผยเรื่องราวของภรรยาที่ตกเป็นเหยื่อทั้งน้ำตา

โดย ด.ต.นิติพันธ์ เล่าว่า หนิม แอม จอย เป็นสมาชิกวงแชร์ออนไลน์ด้วยกัน แล้วโดนท้าวแชร์โกงเงิน จึงเกิดการรวมตัวระหว่าง 3 คนนี้ เพื่อนัดเจอกันตามทวงหนี้วงแชร์ที่ถูกท้าวโกงไป เมื่อปี 59-60

พอทั้ง 3 คนรู้จักกัน หนิมก็ได้ชวนตนไปทำความรู้จักกับแอม บอกว่า
“อยากพาไปรู้จักพี่แอม นิสัยดีมาก เป็นภรรยาของนายตำรวจที่จังหวัดนครปฐม”

คนเป็นสามีก็ไม่ปฏิเสธภรรยา ได้นัดพบกันที่ร้านอาหาร มีการพูดคุยบเป็นลักษณะแนะนำตัวซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นมีการกู้ยืมเงินกัน ระหว่าง แอม กับ หนิม
หลังจากกันก็ห่างหายกันไปเพราะตนมาทำงานกับหนิมที่กรุงเทพฯ

แต่ต่อมาพ่อของหนิมป่วยโรคหัวใจหนิมจึงลาออกเพื่อมาดูแลพ่อที่มุกดาหาร
และพ่อก็เสียชีวิตตอนปี 61 หนิมจึงบอกกับตนว่า
“ป๊า…ม้าคงไม่กลับมาทำงานที่กรุงเทพแล้วนะ ป๊าหาทางย้ายมาที่มุกดาหารแล้วกัน ม้าจะอยู่รอและหางานทำที่นี่”


จนมาวันหนึ่ง หนิม คุยกับ ตนว่า “ป๊าอยากได้ลูกสาวใช่ไหม เดียวม้าจะมีให้นะ” และหนิมก็ตั้งครรภ์เมื่อปี 63 จึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อดูแลลูกในท้อง

ด้วยความห่วงภรรยา ตนตัดสินใจกู้ยืมสหกรณ์ตำรวจและถอนเงินฝากที่สหกรณ์ตำรวจ รวมกันได้ประมาณ 140,000 บาท เพื่อโอนให้หนิมใช้จ่ายระหว่างตั้งครรภ์

กระทั่ง 19 ต.ค. 63 หนิม คลอดลูกและลูกก็เป็นผู้หญิงตามที่ตั้งใจไว้ ทุกอย่างดีและลงตัว จนเดือนพฤศจิกายน ลูกสาวอายุได้ 1 เดือน “แอม” ก็เข้ามามีบทบาทกับชีวิตคู่อีกครั้ง

หนิม เล่าให้ตนฟังว่า “ได้คุยกับพี่แอม ว่าหลังคลอดลูกรู้สึกตัวอ้วนจังเลย อยากจะลดน้ำหนัก พี่แอม เขาก็เลยจะส่งยาลดน้ำหนักมาให้ หนิมไม่ได้ต้องไปหาซื้อที่ไหนเลย ยาตัวนี้ดีมาก” และแอมก็ส่งยามาให้หนิมเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 63 แต่ปรากฎว่ายาที่แอม ส่งมาให้นั้น ไม่สามารถกินได้เพราะมันเยิ้ม แอม จึงส่งยามาให้ใหม่ในวันที่ 25 พ.ย. 63

ต่อมา ตนก็โทรคุยกับหนิมเป็นปกติ ช่วง 5 โมงเย็น แต่หนิมบอกว่า
“ป๊าว่างสายก่อนนะ ม้าจะอาบน้ำ วันนี้รู้สึกเหนื่อย เพลีย ว่าจะอาบน้ำเร็ว นอนเร็ว และตนก็ว่างสายไป”

เวลาผ่านไปไม่นานประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง ตนก็โทรไปหาหนิมอีกครั้ง คราวนี้หนิมไม่รับสาย จึงโทรหาลูกชายคนโตน้องนีโอ วัย 5 ขวบ ลูกชายรับสายตนจึงถามว่า
“ด.ต.นิติพันธ์ : นีโอ อยู่กับใคร มาม้าอยู่ไหน?
นีโอ : มาม้าร้องไห้
ด.ต.นิติพันธ์ : ร้องไห้ทำไม?
นีโอ : มาม้า คิดถึงปาป๊า
ด.ต.นิติพันธ์ : ขอป๊าดูมาม้าหน่อย”

“ภาพที่เห็นก็คือหนิมนอนตะแคงคว่ำหน้าอยู่ที่ปลายเตียง ตนก็เข้าใจว่าหนิมคงจะเพลียแล้วผลอยหลับไป ตนจึงวางสายไป”


แต่จริงๆแล้ว มันไม่ใช่แบบที่คิด

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ตนโทรหาลูกชายอีกครั้ง และเห็นว่าหนิมยังนอนอยู่ในท่าเดิม จึงทำให้รู้ว่ามีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน ตนจึงรีบโทรหาเพื่อนบ้านขอความช่วยเหลือ

“ทุกวันนี้ ผมยังคิดว่า ผมช่วยเหลือเขาช้าไปหรือเปล่า ภรรยาผมน่าจะเป็นลมหมดสติ ช่วยไปดูหน่อย เขารีบมาดูเคาะประตูบ้านที่ล็อคอยู่ นีโอ เดินมาเปิดประตูให้ เพื่อนบ้านเข้าไปเห็นว่าหนิมนอนอยู่ท่าเดิมไม่กระดิก จับหงายขึ้นมาเห็นว่าปากเขียว นิ้วมือเขียว จึงเรียกรถพยาบาลมุกดาหารมารับตัวไป”

“ผมก็รีบนั่งรถโดยสารจากกรุงเทพฯ – หมอชิต มาที่มุกดาหารระหว่างทางก็พยายามคุยกับพยาบาลมาโดยตลอด ภรรยาตนเองเป็นไงบ้าง หมอขออธิบายแบบนี้นะคะ หมอได้รับตัวผู้ป่วยมา และได้ทำการช่วยเหลือยื้อชีวิตสุดความสามรถแล้ว”
ด.ต.นิติพันธ์ หยุดพูดและสะอื้นร้องไห้

สุดท้าย ด.ต.นิติพันธ์ พูดว่า “ตั้งแต่วันนั้น จนถึงเมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมเข้าใจว่าแฟนผมจากด้วยสุขภาพ หัวใจล้มเหลว เหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูก บวกกับภาวะคลอดลูกตอนอายุ 40 ปี ผมเข้าใจอย่างนั้นมาตลอด จนเมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมเห็นข่าวว่าแอมตกเป็นผู้ต้องสงสัยวางยา ท้าวแชร์คุณก้อยและคนอื่นๆ อีก มันเลยทำให้ผมสงสัยว่า ความเชื่อที่ผมมีมามันชักจะไม่ใช่ความจริงแล้ว”

อีจัน ขอแสดงความเสียใจกับทุกครอบครัวที่เสียชีวิตด้วยนะครับ
เรื่องราวของคดีนี้จะเป็นอย่างไร อีจัน จะอัปเดตให้ทันทีครับ