แดดหน้าหนาวร้ายกว่าที่คิด รู้และพร้อมรับมืออย่างถูกต้อง

หนาวนี้ได้หนาวแน่ถ้าไม่รู้จักป้องกัน แสงแดดหน้าหนาวภัยร้ายทำลายผิวและดวงตา อันตรายกว่าที่คิด รู้และพร้อมรับมืออย่างถูกวิธี

หน้าหนาวทีไร ฟินใจกันทุกทีแล้วช่วงนี้หลายพื้นที่เริ่มอากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว หลายคนชอบตากแดดเพื่อคลายหนาวเพราะข้อดีของแสงแดดนั้นก็มีไม่น้อยช่วยบำรุงสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง เนื่องจากมีวิตามินดีเป็นสารอาหารสำคัญ ในการช่วยป้องกันภาวะโรคกระดูกเสื่อมได้ดีหากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม โดยวิตามินดี จะไปจับกับแมกนีเซียม และฟอสฟอรัส เพื่อดึงแคลเซียมไปใช้ในการซ่อมแซมและบำรุงกระดูกให้แข็งแรง แต่อย่าคิดนะว่าหน้าหนาวแบบนี้ ตากแดดให้พออุ่นๆแล้วจะไม่เป็นอะไร คิดผิดอย่างมะหันต์ อย่าชะล่าใจเกินไป

ถ้าจะสังเกตให้ดีแดดหน้าหนาวค่อนข้างรุนแรงและมันช่างจ้าซะเหลือเกิน นั้นก็มาจากฤดูหนาวมีความชื้นน้อยทำให้น้ำค่อนข้างระเหยเร็วกว่าฤดูร้อนและฤดูฝน ส่วนที่เรารู้สึกว่าแดดฤดูหนาวร้อนกว่านั้น เพราะฤดูหนาวเมฆจะไม่ค่อยมีแดดจึงส่องลงมาเต็มที่ อีกทั้งอากาศมีความแห้งความชื้นในอากาศน้อย ทำให้ร่างกายระบายความร้อนได้ไม่ค่อยดี

อีกทั้งหน้าหนาวจะมีอากาศแห้งมากกว่าฤดูอื่นๆ ทำให้ผิวมีความอ่อนแอ ไวต่อแสงแดด รวมถึงรังสีจากแสงแดดอาจก่อให้เกิดผลร้ายกับผิวหนังและร่างกาย โดยเฉพาะรังสีแสงยูวีเอ(UVA)และยูวีบี(UVB) ที่อาจทำให้ตาเป็นต้อกระจก ผิวหนังเสียหาย กดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และอาจ

ทำลายสารพันธุกรรม (DNA) ภายในเซลล์จนทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังหากสัมผัสแดดนานเกินไป หรือสัมผัสแดดร้อนจ้า และเกิดผลเสียได้ง่ายมากกว่า 

ซึ่งเมื่ออุณหภูมิลดลง ความชื้นลดลง ย่อมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังมนุษย์ตามไปด้วย สภาวะอากาศเช่นนี้ส่งผลให้เกิดผิวแห้งแตก เหี่ยวย่น หยาบกร้าน ดำคล้ำ ได้ง่าย การดูแลผิวหน้าในหน้าหนาวนี้ ควรดูแลผิวให้ชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ชนิดเข้มข้น และปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด ประเภทที่สามารถปกป้องไม่ให้รังสียูวี(UV)ได้ดี

โรคภัยที่มาพร้อมแสงแดดในฤดูหนาว

โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบ 

แสงแดดสามารถทำอันตรายในส่วนต่างๆ ของดวงตาทำให้มีการเสื่อมของเยื่อบุตาบริเวณที่ชิดกับขอบตาดำเรียกว่า ต้อลม ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองจากลม ฝุ่น รังสียูวี อาจรบกวนการมองเห็น หรือหากมีการอักเสบ จะทำให้มีอาการปวดและระคายเคืองได้ การได้รับรังสียูวีในปริมาณมาก ทำให้เกิดการอักเสบเฉียบพลันของกระจกตา ทำให้มีอาการปวดตามาก น้ำตาไหล มักจะเกิดอาการประมาณ 2-3 ชั่วโมงหลังจากได้รับรังสียูวีโรคนี้ไม่ได้มีเพียงแต่เผชิญแสงแดดจ้าในหน้าหนาวเท่านั้น อีกสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส การสัมผัสกับเชื้อมักเกิดจากมือที่สกปรก ไปหยิบจับ หรือสัมผัสกับขี้ตา น้ำตาของผู้ที่เป็นโรคนี้อยู่แล้ว ส่วนการป้องกัน คือ ให้หมั่นล้างมือให้สะอาด ไม่เอามือขยี้ตา และไม่คลุกคลีกับคนเป็นโรค

วิธีดูแลดวงตาเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดด

สวมแว่นกันแดดที่สามารถป้องกันทั้งรังสียูวีเอและบี ส่วนประสิทธิภาพการป้องกันรังสียูวีไม่ได้ขึ้นอยู่กับสีหรือระดับความเข้มของเลนส์ เลนส์ควรมีขนาดใหญ่และกว้าง สามารถปิดบังดวงตาจากแสงแดดได้ทุกองศา หากมีอาการแสบตา ไม่สบายตา อาจหยอดน้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับตา หลีกเหลี่ยงการออกแดดในช่วง 11.00-15.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงที่แดงแรงที่สุด ปรึกษาจักษุแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับดวงตา และควรตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

โรคผิวหนังแห้งอักเสบ 

เมื่อผิวของเรากระทบกับอากาศเย็น ทำให้ผิวแห้ง และสูญเสียน้ำออกจากผิวหนัง ผิวหยาบ เป็นขุย และเมื่อผิวแห้งมากซ้ำโดนแสงแดดอันร้อนฉ่าเราก็จะยิ่งรู้สึกคัน หากดูแลไม่ดีอาจเกิดแผลอักเสบจากการเกาจนเลือดออก และเกิดการติดเชื้ออักเสบขึ้นได้ การป้องกันคือการรักษาความชุ่มชื้นจากภายในและภายนอกร่วมกัน โดยการดื่มน้ำให้มากขึ้น ไม่ควรอาบน้ำร้อนเกิน 34 องศาเซลเซียส ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์หลังอาบน้ำ เพียงเท่านี้อาการผิวแห้งก็จะดีขึ้น

โรคผิวหนัง 

โรคนี้อย่างที่เรารู้กันดี เช่น เชื้อรา กลาก เกลื้อน การแพ้ทางผิวหนัง เป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงนัก แต่สร้างความรำคาญได้จากอาการคันที่เกิดขึ้น ดังนั้นวิธีการรักษาจึงต้องอาศัยการทำความสะอาดให้ถูกวิธี เพราะนอกจากเชื้อราแล้ว แสงแดดที่รุนแรงยังกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวหนังหรือโรคตับอักเสบและไวรัสบางชนิด อาจส่งผลร้ายต่อผิวหนัง

ดังนั้นหน้าหนาวนี้ก็อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดช่วงที่มีความรุนแรงเป็นเวลานานพร้อมหาวิธีป้องหลีกเลี่ยงจากแสงแดด ควรหาครีมทากันแดดทาไม่แพ้กันกับหน้าร้อน เป็นไปได้ทาซ้ำระหว่างวัน เพราะหน้าหนาวส่งผลให้ครีมระเหยออกจากผิวได้เร็ว รู้ถึงประโยชน์และโทษกันแล้ว อย่าลืมดูแลตัวเองจากแสงแดดกันให้ดีๆ เพื่อสุขภาพผิวและสายตานะคะ

คลิปอีจันแนะนำ
ครูเล่านาทีระทึก ทาสยา บุกทำร้ายคาห้องเรียน