รู้เท่าทัน กลโกงของโจร บัตรเครดิต พร้อมข้อควรระวังก่อนตกเป็นเหยื่อ

ข้อควรระวัง! ก่อนตกเป็นเหยื่อให้กับกลโกงของโจร บัตรเครดิต ลดเสี่ยงลดความเสียหายก่อนสายเกินไป

มิจฉาชีพทุกวันนี้มีกลอุบายใหม่ๆมาทำให้เราได้ต้องระวังตัวไม่เว้นวัน ฉะนั้นเราจึงควรเตรียมพร้อมรู้ให้เท่าทันโจร ข้อควรระวังกับกลโกงของโจรบัตรเครดิตเหล่านี้ ที่จะช่วยป้องกันคุณไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ

  • ปิดรหัสเลข 3 หลัก CVV ไว้ รหัส CVV คือเลข 3 หลักที่อยู่หลังบัตร ซึ่งเป็นรหัสเพื่อการยืนยันตัวตนในการชำระเงินออนไลน์ และหากมิจฉาชีพได้รหัสนี้ไป ก็มีโอกาสที่จะนำไปซื้อสินค้าได้ง่าย ๆ โดยเราสามารถป้องกันได้ ด้วยการจดจำตัวเลขหรือจดบันทึกรหัสไว้ในที่ปลอดภัย แล้วขูดรหัส CVV ด้านหลังบัตรทิ้ง หรืออาจจะใช้วิธีติดสติ๊กเกอร์ปิดรหัส CVV ไว้ ก็ได้เช่นกัน

  • ใช้กระเป๋าป้องกัน RFID ลองสังเกตบัตรเดบิต-บัตรเครดิตของตัวเองดูดี ๆ ว่าเป็นบัตรประเภท Visa Paywave ที่ใช้แตะจ่ายผ่านเครื่องได้หรือเปล่า เพราะหากเป็นแบบนั้นแล้ว ก็มีโอกาสที่เหล่ามิจฉาชีพจะนำเครื่องที่ชื่อว่า RFID Scanners แอบมาแตะบัตรของเราเพื่อขโมยข้อมูลไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันได้ด้วยการหาซื้อกระเป๋าป้องกัน RFID มาใช้งาน ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับกระเป๋าสตางค์ทั่ว ๆ ไปเลย

  • อย่าบอกข้อมูลบัตรกับคนอื่น เพราะเป็นเหมือนการเปิดช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเข้ามาขโมยบัตรของเราไปใช้ได้ง่าย ๆ เลย ซึ่งรวมถึงการกรอกข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บไซต์ด้วย

  • หากพบความผิดปกติติดต่อธนาคารทันที หากบัตรของเราสูญหาย หรือมียอดใช้จ่ายที่ผิดปกติ สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ การแจ้งธนาคารผู้ออกบัตรทันทีเพื่อทำการอายัดบัตร หลังจากนั้นควรรีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจด้วย เพื่อจะได้ติดตามและป้องกันความเสียหายได้ทันท่วงที

  • สมัคร Verified by Visa, MasterCard Secure Code หรือ JCB J/Secure เป็นบริการที่ผู้ออกบัตรร่วมกับ Visa, MasterCard และ JCB พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต โดยจะให้เราใช้งานบัตรด้วยรหัสผ่าน (Password) และข้อความยืนยันส่วนตัว (Personal Assurance Message: PAM) เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า แม้จะมีคนขโมยบัตร หรือจำเลขบัตรของเราไป ก็จะไม่สามารถนำไปใช้จ่ายออนไลน์ได้นั่นเอง

1) ปลอมบัตรเครดิต

เหยื่อถูกแฮกเอาข้อมูลของตัวบัตรไป จากนั้นโจรนำไปทำบัตรปลอมขึ้นมาใหม่ และนำไปรูดใช้งาน

2) หลอกเอาข้อมูลบัตรเครดิต

โจรจะใช้ E-mail phishing หรือ สร้างร้านค้าปลอมในอินเตอร์เน็ต เพื่อหลอกเอาข้อมูลบัตรเครดิตของเหยื่อไป

3. ‘มัลแวร์’ ไวรัสที่ฝังในมือถือ

โจรจะติดตั้งมัลแวร์ลงในมือถือ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการที่เหยื่อเข้าไปเล่นพวกเกมส์ชิงโชคในอินเตอร์เน็ต (Click bait website) หรือการเชื่อมต่อ ไวไฟฟรีทั้งหลาย public wifi (ที่ไม่มีสัญลักษณ์แม่กุญแจ) ไวไฟเหล่านี้ไม่ปลอดภัย ต้องระวังให้มาก

4) โทรศัพท์มาล่อลวงให้เหยื่อบอกข้อมูลบัตรเครดิต โดยเฉพาะเลข OTP

โจรโทรไปอ้างว่าจะคืนเงินค่าสินค้าให้ โดยหลอกว่าจะส่ง OTP ไปที่เบอร์มือถือของลูกค้า และให้ลูกค้าบอก OTP ไป หรือโจรอาจจะสวมรอยเป็นธนาคาร โทรมาแจ้งเหยื่อว่ามีการขอเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกกับบัตรเครดิต และหลอกขอข้อมูลบัตรเครดิตผ่านทางโทรศัพท์ แบบนี้อันตรายมาก ต้องมีสติตลอดเวลา

5) คนใกล้ตัวขโมยข้อมูลส่วนตัวไปเปิดบัตรเครดิต

บางคนส่งบัตรเครดิตไปที่บ้าน แล้วคนในบ้านที่รู้วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประชาชน ฯลฯ ก็เปิดใช้งานบัตรได้แล้ว หรือบางเคสเกิดจากการส่งบัตรเครดิตมาที่ส่วนกลาง เช่น บริษัท ที่ทำงาน และเกิดมีคนที่รู้ข้อมูลส่วนตัวเรา เขาก็เปิดบัตรใช้ได้ เรื่องนี้ต้องระวังมาก

ข้อมูล กองบังคับการปราบปราม

คลิปแนะนำอีจัน
คนเคยเลว Ep.1