ไปรษณีย์หนุ่มสุดซวย หลังพัสดุลูกค้าหายไม่รู้ตัว ต้องเป็นหนี้ 2 แสน

ไปรษณีย์หนุ่มสุดซวย พัสดุหายไม่มีรู้สาเหตุ เผลอเซ็นชดใช้หนี้ลูกค้ากว่า 2 แสนบาท โอดจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ร้องสื่อขอความยุติธรรม

ไปรษณีย์หนุ่ม ทำพัสดุหาย ลูกค้าเรียกค่าชดใช้กว่า 2 แสน โอดจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ร้องขอสื่อช่วยหาความยุติธรรม

เมื่อวันที่ (5 มิ.ย.66) นายอุทัย หรือบี อายุ 30 ปี พนักงานไปรษณีย์ จ.บุรีรัมย์ มาร้องขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือ หลังถูกลูกค้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.นางรอง พร้อมบังคับให้เซ็นรับผิดชอบชดใช้ค่าพัสดุที่สูญหายกว่า 2 แสนบาท ทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าพัสดุดังกล่าวหายไปได้อย่างไร

แต่ยอมรับว่าได้เซ็นรับพัสดุที่ไปรษณีย์ก่อนจะออกไปนำจ่าย แต่ไม่ได้มีการตรวจเช็คว่าพัสดุที่เซ็นออกไปนำจ่ายครบหรือไม่ จึงไม่แน่ใจว่าพัสดุกล่องดังกล่าวหายในขั้นตอนไหน จึงอยากให้ทางต้นสังกัดช่วยตรวจสอบว่าพัสดุดังกล่าวหายไปไหน และวอนให้ผู้รู้กฎหมายให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือด้วย เพราะหลังจากที่ลูกค้าแจ้งความและกดดันให้เซ็นรับผิดชอบชดใช้ค่าพัสดุที่สูญหาย ก็ยอมเซ็นไปก่อนเพราะไม่รู้ขั้นตอนกฎหมาย ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหาเงินที่ไหนไปชดใช้ เพราะเพิ่งทำงานนำจ่ายพัสดุได้แค่ประมาณ 7 เดือนเท่านั้น

นาย อุทัย พนง.ส่งพัสดุ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา ตนได้ออกไปส่งพัสดุตามปกติเหมือนทุกวัน บริเวณเทศบาลนางรอง ก่อนเข้าไปส่งในหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งเป็นหมู่บ้านของผู้เสียหาย พอถึงหน้าบ้านของผู้เสียหาย

ตนกลับหาพัสดุไม่เจอ จึงแจ้งกับผู้เสียหายว่า ขอกลับไปเช็คที่ต้นทางอีกรอบ เผื่อพัสดุอาจจะตกหล่น

หลังจากกลับไปเช็คที่ไปรษณีย์ ก็ไม่พบพัสดุดังกล่าว จึงรีบกลับมาแจ้งกับลูกค้าว่า พัสดุหาย แต่ตอนนั้นความซวยคือ เหงื่อไหล ลงไปโดนมือถือที่ตนใช้เซ็นรับพัสดุ ทำให้เกิดอาการเครื่องรวนเซ็นรับของเอง ทั้งๆ ที่ลูกค้ายังไม่ได้รับและเซ็นเลย

ต่อมา วันที่ 3 เม.ย. 66 ตนได้ไปโรงพัก เพื่อพูดคุยเจรจากับลูกค้า เนื่องจากมีการแจ้งความเอาไว้จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น

จากนั้น วันที่ 4 เม.ย. 66 ตนได้ขอให้เพจต่างๆ โพสตามหาพัสดุกล่องดังกล่าว แต่ก็ไม่คืบหน้า และได้มีการเข้าไปพบตำรวจอยู่ 3-4 ครั้ง

จนล่าสุดคือ วันที่ 12 พ.ค. 66 ทางตำรวจบอกว่าให้ตนรับผิดชอบและชดใช้ตามมูลค่าสินค้าในนั้นที่หายไป ซึ่งในพัสดุนั้นเป็นพระเครื่อง และ เครื่องรางรวม 3 ชิ้น มูลค่ากว่า 200,000 บาท ตนจึงจำใจเซ็นไปก่อนเพราะ ไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย และไม่มีใครให้คำปรึกษาได้ ซึ่งในเอกสารระบุว่าให้จ่ายเป็นงวด งวดแรกจ่ายวันที่ 15 มิ.ย. 66 จำนวน 50,000 บาท ที่เหลือก็ทยอยจ่าย

ตนก็มืดแปดด้าน ไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาจ่าย วอนสื่อขอความเป็นธรรมให้เข้ามาช่วยเหลือด้วย

ด้านนาย พงศ์พสิน หรือเม่น อายุ 28 ปี เจ้าของพัสดุ เล่าว่า วันนั้นตนได้ให้คน เข้าไปรับพัสดุเองที่ไปรษณีย์ แต่คลาดกับคนส่งที่ออกไปส่งพัสดุแล้ว ส่วนสินค้าที่หายไปคือพระเครื่องที่ตนซื้อมาเพื่อจำหน่าย ราคา 228,000 บาท เป็นราคาที่ตนซื้อมา ยังไม่รวมกำไรที่ตนจะได้ตอนขายไป แต่ยังไม่ทันได้ขายของก็มาหายซะก่อน เหตุผลที่ตนเข้าไปแจ้งความเรียกค่าเสียค่าเสียหายจากพนักงานส่งพัสดุ เพราะเจ้าตัวเป็นคนเซ็นพัสดุออกไปนำจ่าย และในระบบก็ระบุว่ามีการเซ็นรับพัสดุด้วย ทั้งๆที่ตนเองยังไม่ได้รับพัสดุเลย และยืนยันว่าตนไม่ได้บังคับให้เซ็นชดใช้ค่าเสียหาย พนง.เป็นคนเซ็นเองตามความสมัครใจ

โดยให้ชดใช้แค่ 200,000 บาท ทั้งที่ราคาจริงๆ มัน 228,000 บาท ซึ่งพัสดุที่หายประกอบด้วย มีดหมอหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ,ปลัดขิกงาช้างแกะสลักหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม และงาช้างแกะสลัก หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เหลี่ยมทองเก่า หากเขาไม่ชำระตามที่ตกลงกัน ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย