ย้อนคดี ทนายสมชาย นีละไพจิตร 19 ปีที่ถูกอุ้มหาย

อีจันเดอะซีรีส์ ตอน ทนายโจร…เสียงเพรียกหาความยุติธรรม ทนายสมชาย นีละไพจิตร 19 ปีที่ถูกอุ้มหาย

ย้อนรอยคดีดังประวัติศาสตร์ อุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร ผ่านไป 19 ปี ยังไร้คำตอบ เขาหายไปไหน และใครสั่งอุ้มเขา…

ค่ำคืนวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2547 เวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ บนถนนรามคำแหงใกล้ปากซอย 65 ในขณะที่ มีผู้คนและรถยนต์พลุกพล่าน แต่กลับเป็นสถานที่ที่ทำให้คนๆ หนึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจนถึงวันนี้ คือ 19 ปี ที่เมียและลูกยังเฝ้ารอ คำตอบจากกระบวนการยุติธรรมอยู่

คุณอังคณา นีละไพจิตร บอกกับอีจันว่า เธอยังจดจำรายละเอียดค่ำคืนนั้นได้ดี แม้เรื่องราวจะผ่านมานานหลายปี แต่สำหรับเธอและลูก เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง เพราะตั้งแต่ค่ำคืนนั้น ทนายสมชาย ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว ไม่เคยกลับมาบ้านอีกเลย

คุณอังคณา เล่าย้อนไปถึงอุดมการณ์ และการทำงานของสามี ว่า สามีมีอุดมการณ์ แนวคิด ในการช่วยเหลือคน ทำให้ตัวของทนายสมชาย มักถูกใครหลายคนเรียกว่า “ทนายโจร”

จากความเป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จนกระทั่งเกิดเหตุปล้นปืนที่กองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ครั้งนั้นมีการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย และทนายสมชายตัดสินใจเข้าไปช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีนี้ เนื่องจากเห็นว่าคนเหล่านี้ไม่น่าจะทำเรื่องปล้นปืนได้…จนทนายสมชายถูกเรียกว่า ทนายโจร

คำถามเกิด

เมื่อทนายสมชาย ถูกเรียกว่าทนายโจร แต่ทนายโจรคนนี้ มีความสำคัญอย่างไร ทำไมการมีอยู่ของเขา จึงทำให้คนที่มีอำนาจไม่พอใจ และเลือกกำหนดชีวิต ว่าต้องให้เขาหายไปจากโลกใบนี้ หรือว่าอุดมการณ์ของ

ทนายสมชาย เป็นภัยกับความมั่นคงของผู้มีอำนาจในขณะนั้น?

จากคดีนี้ ทำให้หลังจากนั้น ชีวิตของทนายสมชายไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ไทม์ไลน์เหตุการณ์การหายตัวไปของทนายสมชาย เริ่มต้นตั้งแต่ วันที่ 10 มีนาคม 2547 ทนายสมชายบอกลูกกับเมียว่าจะต้องเดินทางไปทำคดีที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของครอบครัว

วันที่ 11 มีนาคม 2547 ทนายสมชาย เดินทางจากบ้านพักในซอยอิสรภาพ 9 เขตธนบุรี ไปทำงานตามปกติ ด้วยรถยนต์ส่วนตัว

ค่ำวันที่ 12 มีนาคม 2547 ทนายสมชาย นัดพบกับเพื่อนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยมหาดไทย รามคำแหง 65 แต่เพื่อนไม่มาตามนัด จึงเดินทางกลับในเวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง ทนายสมชายขับรถออกมาจากซอยรามคำแหง 65 เลี้ยวซ้ายวิ่งไปตามถนนรามคำแหง ก่อนถึง สน.หัวหมาก เพียงเล็กน้อยรถยนต์ของทนายสมชายถูกรถเก๋งชนท้าย จึงได้หยุดพูดคุย จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อยู่ในเก๋งก็ทำร้ายและผลักตัวทนายสมชาย เข้าไปในรถยนต์และรีบขับออกไป ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้คนที่สัญจรและใช้รถถนนขณะนั้นเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก

จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนั้น พบพิกัดการใช้โทรศัพท์ต้องสงสัยที่เคลื่อนที่ติดตามทนายสมชายตั้งแต่สำนักงานทนายความบริเวณถนนรัชดา ติดตามไปถึงพื้นที่เขตบางรัก และ

สุดท้ายติดตามไปจนถึงถนนรามคำแหง บริเวณที่ทนายสมชายหายตัวไป โดยพบสัญญาณการใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยจำนวน 5 ราย ที่มีการติดต่อกันมากถึง 75 ครั้ง ทั้งที่ผู้ต้องสงสัยในขณะนั้น อ้างว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ที่สำคัญ ผู้ต้องสงสัยทั้งหมด เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่ง 1 ในนั้นคือ พ.ต.ต.เงิน ทองสุก อดีตสารวัตรกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน.

และหลักฐานการใช้งานโทรศัพท์นี้เอง ได้นำไปสู่การจับกุมตำรวจทั้ง 5 นาย

จนกระทั่งวันที่ 26 มีนาคม 2547 สภาทนายความได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานติดตามกรณีการหายตัวไปของทนายสมชาย เพื่อดำเนินการตรวจสอบและรวบรวม ข้อเท็จจริงทั้งหมด และต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขอหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นายต่อศาลอาญา ซึ่งพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ มีความเห็นสั่งฟ้องคดีผู้ต้องหาทั้ง 5 คน แต่ทั้งหมดได้ให้การปฏิเสธ

หลังการหายตัวของทนายสมชาย มีข่าวลือว่าพบตัวทนายสมชายในที่ต่างๆ หลายครั้ง แต่ทั้งหมดเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไม่เคยเกิดขึ้นจริง

ซึ่งในการสืบสวนคลี่คลายคดีทนายสมชายนี้ แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ในขณะนั้น ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพิสูจน์หาความจริงเรื่องนี้ด้วย

ท้ายที่สุดคดีอุ้มทนายสมชาย ผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 5 นาย ได้รับการยกฟ้องในชั้นศาลฎีกา เนื่องจากหลักฐานและพยานที่เก็บรวบรวมได้ในขณะนั้น ไม่มีน้ำหนักมากพอให้เชื่อได้ว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 5 นาย กระทำผิดจริง

จากวันนั้น จนถึงวันนี้ 19 ปี เหลือไว้เพียงคำถามที่ยังค้างคาใจใครหลายคน ว่า ทนายสมชาย หายไปไหน กับความบอบช้ำที่ครอบครัวนีละไพจิตรต้องก้มหน้ายอมรับ…