5 อาชีพ เตรียมพร้อมรับมือ ปัญญาประดิษฐ์ AI จ้องแย่งงาน

เตรียมพร้อมรับมือ ปัญญาประดิษฐ์ กับ 5 อาชีพเสี่ยงเด้งที่จะโดน AI เข้ามาแทนที่งานในอนาคต แล้วมีอาชีพอะไรที่ยากจะโดน AI แย่งงาน ?

เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุนมนุษย์เราก็ไม่คิดที่จะหยุดพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆที่เข้ามาทดแทนสิ่งเดิมๆ ที่คอยช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน การก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเคยคุ้นเคย ก็ถูกแทนที่ด้วยสิ่งใหม่ๆ ยิ่งเทคโนโลยีก้าวล้ำไปขนาดไหนบทบาทของมนุษย์ในหลายๆด้านกลับถูกลดทอนลงไปด้วยโดยที่ไม่รู้ตัว เป็นผลมาจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ได้เกือบทุกอย่างหรืออาจจะดีกว่าในหลายๆด้าน แล้วมนุษย์เราควรเตรียมตัวรับมือกับโลกอนาคตอย่างไร และมีอาชีพไหนที่เสี่ยงโดน AI ทดแทนจนอาจปลิวแบบไม่ทันตั้งตัวบ้าง ?

ปัญญาประดิษฐ์  AI (Artificial Intelligence) ?

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักคำว่า AI หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ คือเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบให้มีระบบทำงานเหมือนกับการทำงานของสมองมนุษย์ ที่สามารถสร้างบุคคลิกของตัวเองขึ้นมาได้เหมือนเด็กทารกที่ค่อย ๆ เติบโตและเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันซอฟต์แวร์หลายๆ ตัวที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI นั้น ต่างก็ต้องการให้ผู้ใช้ได้รู้สึกเหมือนตอบโต้กับมนุษย์ด้วยกันให้ได้มากที่สุด AI เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สามารถรับมือกับปัญหาที่ซับซ้อนเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถรับมือได้ เเละ AI ยังเป็นเครื่องมือที่สามารถทำงานที่ซ้ำซากน่าเบื่อแทนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เราสามารถมีเวลาโฟกัสงานที่สำคัญกว่าและสามารถสร้างมูลค่าได้มากขึ้น

ทั้งนี้จะเห็นถึงความสามารถถึงประสิทธิภาพประโยชน์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ความก้าวล้ำเกินกว่าที่คิด ถึงเวลาแล้วที่ต้องเตรียมรับผลกระทบอีกด้านหนึ่งของ AI ในด้านการทดแทนจ้างงานในโลกธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ด้วยสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันแปรซึ่งคาดการณ์ได้ว่าเทคโนโลยีAIอาจเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์จำนวนมากเพื่อลดต้นทุนเเละเพิ่มรายได้ที่มากกว่าอย่างมหาศาล คราวนี้มาดุกันว่าอาชีพใดบ้างที่เสี่ยงตกงานเป็นอันดับแรกมากที่สุด แล้วเราควรเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร

5 อาชีพเสี่ยงปลิวเมื่อ AI พร้อมเสียบ

1.อาชีพก่อสร้าง หรืองานใช้แรงงาน (Construction Workers or Other Manual Labor Jobs)

ปัจจุบันงานใช้แรงงานสำหรับหลายคนถ้าเลือกได้คงเลี่ยงที่จะทำ ไม่ว่าจะเป็นงานก่ออิฐในไซต์งานก่อสร้างแบกหาม ยกของในคลังสินค้า หรืองานเก็บพืช ผัก ผลไม้ในฟาร์ม งานที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากเหล่านี้ในอนาคตอาจถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ แต่ก็ไม่ใช้เรื่องใหม่เพียงแต่อนาคตศักยภาพของหุ่นยนต์อาจมีความสามารถที่เหนือขึ้นขนาดที่ไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์เป็นคนดูแลควบคุมอีกต่อไป

ซึ่งหุ่นยนต์สามารถทำงานได้แบบไม่หยุดพัก ไม่เหนื่อยล้า ซึ่งเป็นไปได้ยากถ้าหากจ้างมนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ใช้แรงทางร่างกายเป็นหลักเหล่านี้ หรือกระทั้งงานที่ต้องใช้ความแม่นยำในการคำนวณเพื่อลดความเสียหายก็จะสามารถลดต้นทุนจากความผิดพลาดของมนุษย์ไปได้เยอะ

2.อาชีพแคชเชียร์  (Cashier)

หลายห้างสรรพสินค้าและร้านค้าจำนวนมากต่างยอมรับ และเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการบริการซื้อขายสินค้าด้วยระบบจ่ายเงินอัตโนมัติ อีกทั้งแนวคิดที่พยายามมุ่งหน้าสู่สังคมไร้เงินสดผ่านการทำธุรกรรมบนโทรศัพท์มือถือมากขึ้นเรื่อยๆในแอปพลิเคชันประเภทต่าง ๆ หรือผ่านการสแกน QR Code แค่เพียงไม่กี่วินาที จึงส่งผลให้อาชีพแคชเชียร์ที่ต้องจ้างบุคลากรจำนวนมากมีความสำคัญน้อยลง ยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากพนักงานอีกแล้ว ด้วยระบบ shopping online  อีกทั้งยังจะมีตัวอย่างให้เห็นในประเทศสหรัฐอเมริกา ร้านสะดวกซื้อ Amazon Go ไม่มีแคชเชียร์คอยให้บริการคิดเงินลูกค้า แต่ระบบคอมพิวเตอร์จะตรวจสอบสินค้าที่ถูกหยิบใส่รถเข็นและตัดเงินเมื่อลูกค้าเข็นรถผ่านที่กั้นโดยอัตโนมัติทันที

3.อาชีพนักดนตรี ศิลปิน นักแต่งเพลง (Musicians and Other Artists)

ขึ้นชื่อว่าอาชีพนักร้องนักดนตรีโดยพื้นฐานค่อนข้างเกี่ยวโยงกับพรสวรรค์ ซึ่งแต่ละศิลปินต่างมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ฉะนั้นการสร้างตัวตนที่มีลักษณะเฉพาะอาจเป็นเรื่องที่ยากสำหรับ AI ใน ณ ปัจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าเราอาจจะเปรียบเทียบกับนักดนตรีชื่อดัง หรือจิตรกรที่ขายผลงานศิลปะได้หลายล้านในงานประมูลได้ แต่เรากำลังกล่าวถึงงานออกแบบสร้างสรรค์ทั่วๆไป อย่างการแต่งเพลงหรืองานออกแบบทั่วไปอย่างภาพวาดดิจิทัล งานส่วนนี้จึงอาจโดนเบียดจากศิลปิน AI หน้าใหม่ได้ไม่ยาก 

ซึ่งในปัจจุบันมีระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถแต่งเพลงหรือสร้างภาพตามคำอธิบายที่ถูกป้อนด้วยคำสั่งของมนุษย์ได้ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะพัฒนามากยิ่งขึ้นจากการเติบโตของเทคโนโลยีและฐานข้อมูลที่เพียงพอ แต่อีกนัยหนึ่งงานด้านความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ยังคงอยู่เหนือเครื่องจักร ถ้าคุณสามารถที่จะเรียนรู้ในการควบคุมได้ ก็อาจจะช่วยให้คุณสร้างสรรค์งานได้ดีกว่าเดิม ยิ่งสายอาชีพนี้ต้องขึ้นอยู่กับพรแสวงมากๆด้วยเช่นกัน ในอนาคตหากคุณยังชะล่าใจโดยไม่คิดที่จะพัฒนาตนเอง เชื่อได้ว่าในอนาคตอาจมี AI ที่มีคุณสมบัติที่สูงกว่านี้คนก็อาจตกงานได้แบบไม่รู้ตัวเช่นกัน

4. อาชีพนักเขียนหรือนักข่าว (Reporter & Writer)

AI Writer เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คนทำงานได้ดีขึ้น AI Writer ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้น บางบริษัทใช้เมื่อต้องการสร้างเนื้อหาสำหรับหัวข้อเฉพาะกลุ่ม ในขณะที่หน่วยงานดิจิทัลใช้เพื่อสร้างเนื้อหาได้อย่างหลาหลายประเภท อาจจะพูดได้ว่า AI Writer ไม่ได้มาแทนที่นักเขียนที่เป็นมนุษย์ เพียงแค่ให้ความช่วยเหลือผู้เขียนสร้างแนวคิดเกี่ยวกับเนื้อหาในวงกว้าง เมื่อเครื่องมือ AI มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็สามารถสร้างเนื้อหาในลักษณะที่มีประสิทธิภาพและเหมือนมนุษย์ได้ยิ่งขึ้น แต่ส่วนที่น่ากังวลถ้าคุณไม่ปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีคุณอาจจะล้าหลังและเมื่อนั้นคนอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพิจารณาตัวเอง

สำหรับอาชีพผู้ประกาศข่าว AI อาจไม่ได้เข้ามาแย่งงานมนุษย์อย่างที่หลายกำลังกลัว แต่นับเป็นการปฏิวัติวงการทำงานในรูปแบบใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระคนทำข่าวหรืออาชีพที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นักข่าวตัวจริงได้มีเวลาไปทำงานเชิงลึกที่ซับซ้อนขึ้น ส่วนงานทั้วไปง่าย ๆ อาจปล่อยให้เอไอทำแทนได้ แต่นั้นก็หมายถึงศักยภาพของบุคคลเหล่านั้นต้องสูงขึ้นตามเช่นกันหรือแม้แต่เรื่องของสภาพร่างกายที่เราไม่สามารถเทียบ AI ได้ การที่จะโดนเสียบแทนนั้นก็อาจเป็นเรื่องที่น่าคิด

5. พนักงานขาย และฝ่ายบริการลูกค้า (Telemarketers and Customer Service Assistants)

หลายคนคงค้นชินกันมากขึ้นแล้วกับการโต้ตอบแบบอัตโนมัติของ AI ในปัจจุบันเหมือนมีการพัฒนาให้ฉลาดมากขึ้น ที่สามารถโต้ตอบกับมนุษย์ได้จริงชัดเจนมากขึ้นรวมถึงเทคโนโลยีอย่าง Google Home ที่สามารถโต้ตอบคำสั่งเสียงของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำและชาญฉลาดกว่าเก่า ซึ่งการพัฒนาของ AI นี้ไม่ส่งผลดีต่อพนักงานผู้ค้าขายหรือให้บริการลูกค้าผ่านโทรศัพท์ ที่มักพูดตามแค่เพียงสคริปต์ ทำให้หลายครั้งพลาดโอกาสการขายไป การใช้งาน Chatbot จึงเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ในจุดนี้มากสำหรับเจ้าของธุรกิจและสะดวกสำหรับลูกค้า แต่กลับเป็นเรื่องไม่น่ายินดีสำหรับคนที่ทำงานในสายงานนี้ ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบต่อการจ้างงานเพราะเมื่อมีเครื่องมือที่ดีกว่าก็จำเป็นต้องลดบุคลากรลง แต่ก็ยังไม่ต้องกังวลไปอย่างไรก็ตาม คุณอาจจะเปลี่ยนแปลงหน้าที่ไป แทนที่จะเราจะต้องตอบคำถามจากลูกค้าโดยตรงเลย กลับกลายมาตอบคำถามให้กับ AI ที่ได้รับข้อมูลมาแทนก็ได้

5 สายงานที่ AI ยากจะเข้ามาแทนที่ 

งานที่ต้องอาศัยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และต้องมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือประเภทการเป็นผู้นำ, การบริหารจัดการอารมณ์ , การสื่อสารสร้างความสัมพันธ์กับผู้คน , การรับฟังและเข้าใจจิตใจผู้อื่น ฯลฯ รวมถึงงานที่เป็นแบบ Non-Routine  โดยสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้ อาทิ

1.ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO’s) 

ซึ่งมีบทบาทที่ไม่สามารถจำลองได้โดยหุ่นยนต์หรือเทคโนโลยี AI งานหลักๆของพวกเขาคือการจัดการองค์กร กระตุ้นพนักงาน เป็นที่ปรึกษา และเป็นตัวแทนของวัตถุประสงค์และพันธกิจของบริษัท ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทำให้เป็นอัตโนมัติได้ บทบาทของ CEO นั้นขึ้นอยู่กับทักษะส่วนตัวการมีความผู้นำเป็นหลัก ยากที่ AI จะมี Soft Skill ความละเอียดถึงขั้นสอนเครื่องจักรให้ทำงานในลักษณะนี้ได้

2. ผู้นำศาสนา (religious leader ) 

พระสงฆ์ บาทหลวง นักแสวงบุญ ที่ต้องพึ่งจิตวิญญาณที่แน่วแน่โดยบทบาทของผู้นำศาสนาต้องการคุณสมบัติทางอารมณ์ที่หลากหลาย อาทิ ความศรัทธา ความรัก และการเอาใจใส่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยให้พวกเขาเข้าถึงจิตใจผู้คนได้ และคงเป็นเรื่องยากและค่อนข้างรู้สึกแปลกๆถ้าจะมีหุ่นยนต์เป็นผู้นำทางศาสนาที่ไร้จิตวิญญาณ อีกทั้งการส่งเสริมให้ปฏิบัติตามความเชื่อและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ศรัทธามั่นใจในศาสนาเป็นการกระทำที่หุ่นยนต์เลี่ยนแบบได้ยาก

3. นักวิทยาศาสตร์ (scientist)

ถึงแม้ว่าในด้านของอุตสาหกรรมนี้มักทำงานกับหุ่นยนต์เป็นหลัก แต่บทบาทของนักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นและสร้างยังคงต้องพึ่งการสงสัยริเริ่มซึ่งส่วนทางกับระบบAIที่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลและถูกควบคุมโดยมนุษย์ วิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับการทำการทดลองในห้องปฏิบัติการและการวิจัยที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งเครื่องจักรยังไม่สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ AI สามารถและช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ขาดความคิดวิเคราะห์ แยกแยะ 

 4.จิตแพทย์ (psychiatrist)

เนื่องจากหุ่นยนต์ขาดความสามารถในการแสดงความรู้สึก เข้าใจอารมณ์ หรือแสดงความเห็นอกเห็นใจ จิตแพทย์จึงปลอดภัยจากการเข้าครอบงำของ AI จิตแพทย์จำเป็นต้องสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนและสังเกตพฤติกรรมของลูกค้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน เป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าใจและเข้าใจว่าสมองของมนุษย์ทำงานอย่างไร แม้แต่แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุดก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจิตแพทย์หุ่นยนต์จะไม่สามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้ดีพอ

5. ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์(Human Resources Manager)

ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ของบริษัท มักจะต้องการคนในการจัดการความขัดแย้งระหว่างบุคคล มนุษย์มีทักษะที่ไม่ใช่ความรู้ความเข้าใจและการใช้เหตุผล หุ่นยนต์ไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์ได้ ดังนั้นงานนี้จะไม่ถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ได้ง่ายในเร็วๆ นี้

สุดท้ายแล้วพื้นฐานของมนุษย์เราทุกคน คือการค้นหาจุดหมายในชีวิตถ้าทุกคนตั้งเป้าหมายได้อย่างชัดเจน มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง แนวแน่กับจุดหมายที่เชื่อได้เลยว่าไม่มีทางที่จะถูกแทนด้วย Ai อย่างง่ายๆได้แน่ แต่ถ้าคนเป็นบุคคลที่หมดไฟไม่มีการพัฒนาตัวเองอีกไม่นาน คุณเองจะต้องเป็นฝ่ายที่วิ่งตามเทคโนโลยี ซึ่งถ้าคุณเองถูกควบคุมด้วยเทคโนโลยีแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับจิตใจที่ว่างเปล่า จงลุกขึ้นและเติมไฟค้นหาจุดหมายของชีวิตตามที่ใจต้องการ

คลิปอีจันแนะนำ
อุทาหรณ์ แบตเตอรี่เก่าระเบิด