29 ม.ค. 66 ริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ชาวบ้าน ลูกศิษย์ ประชาชนทั้งไทย ลาว ต่างเนืองแน่นด้วยพลังศรัทธา ร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ แห่พระอุปคุต ซึ่งถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์สืบทอดมาแต่โบราณ
โดยพิธีนี้ มีขึ้นในช่วงเช้าก่อนการเปิดงานวันแรกของงาน นมัสการองค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง จ.นครพนม ถือเป็นบุญใหญ่ของชาวอีสานที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่ปี 2519 เชื่อกันว่าก่อนที่จะเริ่มงานนมัสการวันแรก จะต้องมีการประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ ตามประเพณีความเชื่อ คือ อัญเชิญองค์พระอุปคุตมาปกปักษ์รักษาให้งานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตลอด 9 วัน 9 คืน
ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 29 ม.ค. – 6 ก.พ. 66 งานนี้พลังศรัทธาจากประชาชน นักท่องเที่ยวมาร่วมพิธีนับแสนคน
สำหรับงานนมัสการองค์พระธาตุพนม จะจัดขึ้นในเดือนมกราคมของทุกปี หรือในช่วงวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงวัน วันแรม 1 ค่ำเดือน 3 ถือเป็นงานบุญประเพณีใหญ่ของชาวอีสาน ที่สืบสอดกันมายาวนาน
ตามตำนานความเชื่อพระอุรังคนิทาน ระบุไว้ว่า สมัยหนึ่งในปัจฉิมโพธิกาล พระพุทธเจ้า พร้อมพระอานนท์ ได้เสด็จมาทางอากาศ เพื่อไปบิณฑบาต ที่เมืองศรีโคตรบูร สปป.ลาว ภายหลังได้มาประทับแรมที่ภูกำพร้า คือ จุดที่ก่อสร้างองค์พระธาตุพนมในปัจจุบัน
จากนั้นพญาอินทร์ ได้เสด็จมาทูลถามซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ ในภัททกัลป์ที่นิพพานไปแล้ว บรรดาสาวกจะนำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่ภูกำพร้า เช่นกันกับพระพุทธองค์ เมื่อนิพพานแล้ว พระมหากัสสะปะ ผู้เป็นสาวก จะได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้เช่นกัน ภายหลัง พระพุทธเจ้าปรินิพาน พระมหากัสสะปะ ผู้เป็นสาวก ได้ร่วมกัน สร้างองค์พระธาตุพนมขึ้น เพี่ออัญเชิญพระอุรังคธาตุ มาประดิษฐาน ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 -14 หรือในราวปี พ.ศ.8 สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร กำลังเจริญรุ่งเรือง โดยการนำของพญาเจ้าเมืองทั้ง 5 และพระอรหันต์ 500 องค์
ซึ่งในยุคแรก ได้ก่อสร้างจากดินดิบเป็นเตาสี่เหลี่ยม ข้างในเป็นโพรงมีประตูทั้ง 4 ด้าน จากนั้นได้มีการบูรณะ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.500 และทำการบูรณะต่อเนื่องมา รวมถึง 6 ครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2518 พระธาตุพนมได้พังทลายลง เนื่องจากฐานเก่าแก่ทำให้เป็นที่ฮือฮาเพราะได้พบเห็นผอบแก้ว บรรจุพระอุรังคธาตุ 8 องค์ ไว้ภายใน
และมีการลงเข็มรากสร้างพระธาตุพนมองค์ใหม่ เมื่อปี 2519 เป็นเจดีย์ทรงฐาน 4 เหลี่ยม ความสูง จากพื้นถึงยอดฉัตร 57 เมตร ฐานกว้างด้านละ ประมาณ 12 เมตร ยอดฉัตรเป็นทองคำน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ภายในได้บรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอก ของพระพุทธเจ้า
นับจากนั้น จึงได้มีการจัดพิธีเฉลิมฉลอง บูชาองค์พระธาตุพนม จนสืบทอดมาถึงถึงปัจจุบันทุกปี
ที่สำคัญถือเป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ ส่งผลดีทั้งการท่องเที่ยว และสร้างเศรษฐกิจ เงินหมุนเวียนสะพัดปีละ หลาย 100 ล้านบาท ส่วนยอดทำบุญ มีพลังศรัทธาร่วมบริจาค ปีละไม่ต่ำกว่า 20 -30 ล้านบาท
ส่วนพระอุปคุต ตามตำนานความเชื่อ ในสมัยพระเจ้าอโศก ถือเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ บำเพ็ญเพียรใต้ท้องสมุทร ครั้นเมื่อ จะมีพิธีฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงได้มีการอัญเชิญ พระอุปคุต ขึ้นมาจากมหาสมุทร เพื่อปกป้องคุ้มภัย ไม่ให้พญามาร มาสร้างความวุ่นวายในงาน ทำให้พิธีสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี จึงกลายเป็นประเพณีความเชื่อสืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน
เช่นเดียวกันกับงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ทุกปี ได้มีการประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ โดยการจำลอง อัญเชิญพระอุปคุตขึ้นมาจาก แม่น้ำโขง เพื่อมาประดิษฐานภายในวัด เพื่อปกปักษ์รักษา ให้งานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทำให้ทุกปีการเปิดงานวันแรก จะมีพลังศรัทธานับแสนคน มาร่วมพิธีแห่พระอุปคุต เพื่อเป็นสิริมงคล