กทม. เข้มงวด มาตรการเฝ้าระวังโควิด สถานประกอบการ ที่ได้รับการผ่อนปรน

รองผู้ว่าราชการ กทม. เข้มงวด มาตรการเฝ้าระวังโควิด สถานประกอบการ ที่ได้รับการผ่อนปรน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบต่อเนื่อง

พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) เป็นประธานการประชุม ศบค.กทม. ครั้งที่ 13/2564 โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนัก ผู้แทน บช.น. ผู้แทน กอ.รมน.กทม. ผู้แทนกลุ่มเขต และผู้แทนส่วนราชการในสังกัดกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)

สืบเนื่องจากกรณีความเห็นชอบ ของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ได้มีประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 17) โดยผ่อนปรนให้สามารถเปิดสถานประกอบการ 13 ประเภทได้ ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2564 เป็นต้นไป จึงขอให้คณะทำงานด้านการประสานงานการดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งมีสำนักเทศกิจเป็นเลขานุการคณะทำงาน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานเขตพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กอ.รมน. เป็นต้น เข้มงวดตรวจสอบสถานประกอบการ กิจการ กิจกรรม ที่ได้รับการผ่อนปรนให้สามารถเปิดกิจการได้ เพื่อแนะนำให้ปฏิบัติตามมาตรการมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แนบท้ายประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 17) ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้หากพบว่าสถานประกอบการใดยังปฏิบัติได้ไม่ครบถ้วน ขอให้แนะนำ ตักเตือน แต่หากยังคงฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามต่อไป จำเป็นต้องสั่งปิดกิจการเป็นการชั่วคราว 14 วัน เพื่อให้ปรับปรุงการปฏิบัติให้ครบถ้วนก่อน รวมทั้งขอให้สำนักงานเขตประสานสถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย แนะนำให้นำแรงงานต่างด้าวดังกล่าวไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และให้สถานประกอบการทำประกันสุขภาพให้แรงงานต่างด้าวทุกคน

ในส่วนสถานที่ให้บริการจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง รวมถึงสถานที่อื่นใดที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน ขอให้ผู้เกี่ยวข้องแนะนำผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการในสถานที่ดังกล่าว ศึกษาประกาศฯ และมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดฯ แนบท้ายประกาศฯ ฉบับที่ 15, 16 และ 17 ควบคู่กัน ซึ่งยังไม่มีประกาศฉบับใดยกเลิกมาตรการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการรับประทานอาหารในสถานที่ดังกล่าวตามกำหนดเวลาระหว่างเวลา 06.00-21.00 น. จึงยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมดังกล่าวต่อไป