ใครว่าโรคภูมิแพ้ขึ้นตาไม่ร้ายแรง แค่ทานยาหรือหยอดตา อาการก็หายไป แต่จริงๆ แล้ว ถ้าปล่อยไว้นานไม่รักษา อันตราย!!!
อาการคันๆ บวมๆ เคืองๆ ตา หลายคนบอกว่าไกลตัว แต่ถ้าเราลองสังเกตุอาการ อย่าปล่อยไว้นาน แล้วรีบรักษา อาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
วันนี้จันจะพาทุกคนมารู้จักโรคใกล้ตัวนี้กัน
โรคภูมิแพ้ขึ้นตา (Allergic Conjunctivitis) เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่แพ้ โดยมักเกิดการอักเสบที่บริเวณเยื่อบุตาขาว สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่
แพ้ตามฤดูกาล อาการผิดปกติมักเกิดขึ้นตามสภาพอากาศ มักเกิดซ้ำ ๆ ในช่วงเวลาเดิมของแต่ละเดือน แพ้สารต่าง ๆ เช่น ไรฝุ่น อาหาร เกสรดอกไม้ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ขนตุ๊กตา เครื่องสำอาง ขนสัตว์ เป็นต้น
อาการที่พบจะ คัน เคืองตา แสบตา น้ำตาไหล เยื่อบุตาแดง ไวต่อการรับแสง จากอาการและความผิดปกติของผู้ป่วย ของภูมิแพ้ขึ้นตาจะรุนแรงมากหรือน้อยขึ้นกับความรุนแรงของการอักเสบในแต่ละครั้ง และในบางรายมีการอักเสบลามเข้ามาที่ตาดำซึ่งถือว่ารุนแรงมาก เรียกว่ามีกระจกตาอักเสบร่วมด้วย ส่งผลให้ทำการรักษาได้ยาก และอาจตาบอดได้
แอดอ่านแล้ว รู้สึกคันตาขึ้นมาทันทีเลย ถ้าลูกเพจรู้สึก คันๆ เคืองๆ แนะนำไปพบแพทย์เลยนะ มันอันตรายมาก
ส่วนในเรื่องของการักษา โรคภูมิแพ้ขึ้นตา
การพบแพทย์เบื้องต้นสำคัญมากๆ เพราะ จักษุแพทย์ต้องทราบสาเหตุที่แน่ชัดเพื่อจะได้เลือกวิธีการรักษาที่ถูกต้อง ได้แก่
หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ ผู้ป่วยจะหลีกเลี่ยงได้ถ้ารู้ว่าตนเองแพ้อะไร แต่ถ้าไม่รู้จะยากในการเลี่ยง และสิ่งที่แพ้บางอย่างก็ยากจะเลี่ยง เช่น อากาศ ไรฝุ่น
การรักษาทางจักษุ เพื่อยับยั้งอาการและป้องกันโรคแทรกซ้อน หากมีอาการภูมิแพ้ขึ้นตา จักษุแพทย์จะให้ยาหยอดตาเพื่อลดอาการอักเสบ
การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ คือการป้องกันที่ดีที่สุด แต่ถ้าหากเป็นภูมิแพ้ขึ้นตา สิ่งที่ช่วยให้อาการไม่แย่ลงคือ การดูแลดวงตาไม่ให้ตกอยู่ในภาวะตาแห้ง เพราะเมื่อตาแห้งแล้วเกิดการแพ้ จะทำให้คันมากจนอาจเผลอไปขยี้ตา เพิ่มการอักเสบให้มากขึ้น
ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นภูมิแพ้ขึ้นตาบ่อยครั้ง อาจทำให้เยื่อบุตาอักเสบแบบเรื้อรัง เนื่องจากอาการคันตา เคืองตาบ่อย ๆ ทำให้ต้องรักษาโดยการหยอดตา เมื่อต้องหยอดตาโดยใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์เป็นประจำติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคต้อหินมากขึ้น
ดวงตาเป็นสิ่งสำคัญมากๆ อย่าปล่อยให้เคืองนาน มันอันตรายนะ
แอดเอง ก็มองจอคอมพิวเตอร์บ่อยๆ ไปอยู่ในที่ฝุ่นเยอะๆ ก็เคือง และคัน สงสัยต้องรีบไปหาหมอแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก : เว๊ปไซค์ โรงพยาบาลกรุงเทพฯ
พญ.รัติยา พรชัยสุรีย์ จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลกรุงเทพ