รถทัวร์ 6 ล้อ เสยท้าย รถพ่วง 22 ล้อ หวิดย่างสดยกคัน!

รถทัวร์ 6 ล้อ เสยท้าย รถพ่วง 22 ล้อ บริเวณจุดกลับรถ กม.ที่ 476 จ.ชุมพร ตัวรถฉีกขาด เผยให้เห็นถังก๊าซ NGV 12 ถัง หวิดย่างสดยกคัน!

เมื่อวานนี้ (03 ก.ค. 65) เวลาประมาณ 21.30 น. ร.ต.ท.วิมล แก้วชู รองสว.(ป) หัวหน้าป้อมตำรวจทางหลวงท่าแซะ ได้รับแจ้งเหตุรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ ชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ บนถนนสายเพชรเกษม บริเวณจุดกลับรถ กม.ที่ 476 ม.8 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงได้ประสาน ร.ต.อ.ธีรพร คงนวล รอง สว.สอบสวน สภ.ท่าแซะ และ กู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกัน

โดยที่เกิดเหตุห่างจากป้อมตำรวจทางหลวงท่าแซะเพียง 500 เมตร พบ รถทัวร์ 6 ล้อสีเหลือง จอดอยู่ในเลนขวาขาขึ้น กทม. สภาพรถด้านขวาตั้งแต่มุมกันชนหน้าคนขับยาวไปถึงล้อหลังตัวถังพังยับฉีกขาดเป็นทางยาว จนเห็นถังก๊าซ NGV จำนวน 4 ถัง ช่วงหน้าโผล่ เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันปิดวาล์ว

ต่อมาพบถังก๊าซ NGV อีก 8 ถัง อยู่ช่วงล้อหลัง บริเวณแป๊บข้อต่อวาล์วแตก มีก๊าซรั่วออกมาไม่สามารถเข้าไปปิดวาล์วแต่ละถังได้ เนื่องจากชิ้นส่วนที่ฉีกขาดไปปิดกั้นอยู่ ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้เร่งขนย้ายผู้โดยสารทั้งหมดลงมาจากรถ ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบผู้บาดเจ็บ

จากนั้นจึงประสานรถดับเพลิงจาก เทศบาลตำบลวังไผ่ มาฉีดน้ำเลี้ยงไว้ ใช้เวลากว่า 40 นาที

จึงสามารถปิดระบบวาล์วทุกถังได้อย่างปลอดภัย

ส่วนรถคู่กรณี เป็นรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ตัวหัวลาก ส่วนตัวหางเป็นแบบกระบะเปลือย จอดอยู่ไหล่ทาง ขาล่องใต้ สภาพมุมกระบะด้านซ้าย มีร่องรอยการชน ไฟท้ายและบังโคลน พังเสียหายเล็กน้อย

สอบถามนายบุญญาติ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกพ่วง เล่าว่า ตนกำลังจะกลับรถบริเวณจุดกลับรถ กม.ที่ 476 เพื่อไปส่งสินค้าที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ด้วยตัวรถมีความยาว จึงต้องตีวงให้กว้าง โดยใช้ช่องเลนที่สอง ขณะที่ส่วนหัวเลี้ยวผ่านอยู่ในช่องขวาขาล่องใต้แล้ว ได้มีรถวิ่งมาจึงต้องจอดรอ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่รถทัวร์ขับตามมา คาดจะหลบส่วนหางไม่ทันจึงพุ่งชนท้าย และเกิดเหตุดังกล่าว

ด้านนายศิริศักดิ์ อายุ 39 ปี คนขับรถทัวร์ เล่าว่า ตนขับรถออกมาจากดอนสัก โดยมีผู้โดยสารทั้งหมด จำนวน 27 คน พนักงานคนรถและตน รวม 3 คน มุ่งหน้าเพื่อจะไปส่งผู้โดยสารปลายทางที่ จ.ระยอง โดยใช้ความเร็วรถ 80 กม./ชม. ตามกฎหมายบังคับ ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ทางโค้งขวาได้มีรถบรรทุกพ่วงวิ่งช้าอยู่เลนซ้าย ตนจึงขับขวาออกมาเพื่อจะแซงรถพ่วง แต่พอหลุดโค้งมาก็เจอส่วนหางของรถบรรทุกพ่วงจอดโผล่กินเลนอยู่ช่องขวาซึ่งเป็นช่องสำหรับเดินรถทางตรง ตนไม่สามารถหยุดรถได้ทัน ทำได้เพียงพยายามหักหลบให้มากที่สุด เพราะมีรถพ่วงอยู่ด้านซ้ายอีก 1 คัน จึงพุ่งชนด้านข้างฉีกขาด แต่ยังโชคดีที่ไม่ชนจนถึงถังก๊าซ มิเช่นนั้นอาจเกิดโศกนาฏกรรมก๊าซระเบิดได้!

เบื้องต้นทางตำรวจได้ปล่อยให้รถบรรทุกพ่วงได้เดินไปส่งสินค้าก่อน ส่วนผู้โดยสาร 27 คน

ทางบริษัทได้จัดรถทัวร์คันใหม่มารับเพื่อเดินทางต่อไปยังปลายทาง แล้วจะเรียกตัวคนขับทั้งสองมาให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อสรุปคดีในครั้งนี้ต่อไป

โชคยังดีที่เจ้าหน้าที่ช่วยกันปิดวาล์วถังก๊าซได้ทุกถัง จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นได้รับความเสียหายต่อชีวิตในเหตุการณ์นี้