เรื่องราวของ “น้องอุ้ม” พยาบาลชายแดน พื้นที่ห่างไกล ที่ใครๆก็ไม่อยากมา

เรื่องราวของ “น้องอุ้ม” พยาบาลชายแดน ระยะทาง 164 กม. 1,219 โค้ง 3.5 ชม. ต้องดูแลคนไข้บนรถ

จากเรื่องราวพยาบาลสาว ประสบอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ต่อมาน้องอุ้มถูกส่งตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินด่วน เข้ารักษาต่อที่รพ.ราชวิถี

น้องอุ้ม พยาบาลสาวรถชน ขึ้นฮ.บินด่วน! รักษาต่อ รพ.ราชวิถี โรงพยาบาลราชวิถี พบ น้องอุ้ม อยู่ในภาวะสมองบวม ล่าสุด ยังไม่รู้สึกตัว!

ก่อนเกิดอุบัติเหตุเพื่อนสนิทได้โพสต์ภาพแชทสุดท้ายของน้องอุ้ม เธอพูดกับเพื่อนว่า “โรงพยาบาลไม่ได้มีเธอคนเดียวแต่มีคนไข้หลายคน” ความจริงใจที่สื่อออกมาผ่านข้อความนั้น ทำให้โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไปจำนวนมาก และมีชาวโซเชียลแห่ให้กำลังใจอย่างล้นหลาม

เรื่องราวของน้องอุ้ม ก่อนเกิดอุบัติเหตุ เธอเคยเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นที่รักของเพื่อนๆ เป็นดวงอาทิตย์ที่คอยส่งแสงสว่างให้กับคนไข้ ไม่เพียงแต่น้องอุ้มเท่านั้นที่ทำงานอุทิศตนเพื่อสังคม ครอบครัวเธอนั้นก็ทำความดีน่าชื่นชมไม่แพ้กัน

น้องอุ้มเข้าศึกษาพยาบาลในโครงการผลิตพยาบาลเพื่อพัฒนาสุขภาพประชาชน ในจังหวัดชายแดนตามรอยสมเด็จย่า โครงการนี้ได้เปิดโอกาสให้บุตรธิดาของข้าราชการตำรวจ ทหารชายแดน ได้เข้าเรียนเพื่อจบออกมาทำงานที่พื้นที่ชายแดนห่างไกล ที่ๆใครก็ไม่อยากมาทำงาน ทุรกันดารห่างไกลความเจริญ

ซึ่งคุณพ่อน้องอุ้มทำงานเป็นตำรวจตระเวนชายแดนที่อุ้มผาง เคยไปรับราชการที่ชายแดนใต้หลายปี เธอจึงได้เข้าร่วมโครงการนี้ และจะได้มาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว ชาวบ้านก็จะได้มีที่พึ่ง ข้าราชการก็ไม่ได้หนีจากพวกเขาไปไหนเรียกได้ว่า ทำงานแบบสำนึกรักบ้านเกิด

น้องอุ้มเป็นคนสวยน่ารัก น่าทะนุถนอม แต่พ่อบอกว่าตัวจริงแข็งแกร่งมาก ชอบเล่นกีฬา โดยเฉพาะบาสเก็ตบอล และออกกำลังกายเป็นประจำ พี่ๆเพื่อนๆที่ทำงานบอกว่าเธออยู่โรงพยาบาลอุ้มผางเข้าปีที่ 4 เธอขยันทำงาน อารมณ์ดี สดใส มีน้ำใจกับทุกคนเสมอ

ปกติจะประจำอยู่วอร์ดหลังคลอด ชอบเล่นกับลูกคนไข้ มีเวรรีเฟอร์คนไข้เฉลี่ย 2-3 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ บางทียอมขึ้นเวรแทนพี่ๆที่ไปไม่ไหว อุ้มบอกพ่อว่าเดินทางบ่อยขนาดนี้เมื่อไหร่ไม่รู้จะถึงคิวน้อง ซึ่งคิวในความหมายของอุ้มก็คือ การเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด

การรีเฟอร์คนไข้ออกจากอุ้มผางมาโรงพยาบาลแม่สอด หรือโรงพยาบาลที่ไกลกว่านั้น เป็นเรื่องยากมาก ไหนจะต้องดูแลคนไข้ที่อาการหนักกว่าปกติ เพราะที่อุ้มผางเป็นพื้นที่ทุรกันดาร คนไข้มักเข้าถึงบริการช้า จนอาการทรุดหนัก บางพื้นที่ใช้เวลาเดินมาเป็นวันๆ

ดูแลคนไข้ที่โรงพยาบาลว่ายากแล้ว ดูแลคนไข้ในรถลำบากกว่ามาก ต้องให้น้ำเกลือ ฉีดยาในสภาพที่รถกำลังวิ่งโค้งไปโค้งมาต้องใช้ทักษะมากทีเดียว แถมต้องปลดเข็มขัดนิรภัยบ่อยๆเพราะดูแลคนไข้ไม่ถนัด ไหนจะถนนหนทางที่คดเคี้ยว ระยะทาง 164 กิโลเมตร 1,219 โค้ง เวลา 3.5 ชั่วโมงที่แสนทรมาน

เพื่อนของน้องอุ้ม ชื่อเบียร์ เล่าว่า สมัยก่อนที่เบียร์ไปอยู่อุ้มผางก็ออกมาส่งคนไข้บ่อยๆ มาถึงแม่สอดดูจะแย่กว่าคนไข้เสียอีก ต้องเอาถุงอ้วกที่เต็มไปด้วยน้ำดีห้อยหูไว้เลย นับถือเจ้าหน้าที่ รพ อุ้มผางจริงๆ ที่ไม่เคยย่อท้อ ขอเพียงนำส่งคนไข้มาที่โรงพยาบาลแม่สอดได้อย่างปลอดภัย ดึกดื่นแค่ไหนถ้าคนไข้รอไม่ได้ พวกเขาก็ไม่รอ

โรงพยาบาลอุ้มผางได้พัฒนาหลายด้านเพื่อให้รองรับผู้ป่วยหนักให้ได้มากที่สุดเพื่อลดการรีเฟอร์ เพื่อความปลอดภัยของบุคลากร เช่นการเพิ่มหมอเฉพาะทาง การตั้ง ICU ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก มีห้องผ่าตัดแบบมาตรฐาน มีโรงพยาบาลชุมชนไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่ยังเปิดผ่าตัดอยู่มีที่นี่ค่ะ 4 อำเภอชายแดนตาก แต่ด้วยความถี่ในการรีเฟอร์ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกมากกว่า 750 ครั้งต่อปีความเสี่ยงก็ไม่อาจหมดไป จนมาเกิดอุบัติเหตุรุนแรงครั้งนี้

น้องอุ้มบาดเจ็บทางสมองเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลแม่สอดโดยคุณหมอกัลยา ศัลยแพทย์ผ่าตัดสมองที่ตั้งใจทำงานหนักมากที่ชายแดนมาตลอด การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เมื่อน้องพอที่จะเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย เราได้ส่งตัวน้องต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีที่มีความพร้อมมากกว่าโดยลำเลียงทางอากาศยาน sky doctor

โดยความช่วยเหลือจากกระทรวงสาธารณสุข รับน้องเป็นคนไข้ในความดูแลและสัญญาว่าจะดูแลคนในหน่วยงานของเราอย่างดีที่สุด เพราะเขาบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อผู้ป่วยด้วยความทุ่มเทและเสี่ยงภัย

เบียร์มีส่วนร่วมในทีมประสานงานช่วยเหลือน้องอุ้ม ขอเป็นตัวแทนขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือให้น้องปลอดภัย ทั้งส่วนการรักษา การลำเลียงส่งต่อ การบริจาคเลือด บริจาคทรัพย์ และการจัดการเรื่องต่างๆ

ขอกำลังใจคนไทยทุกคนส่งให้กับพยาบาลตัวน้อยของชายแดนตากตะวันตกคนนี้ ให้กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใสให้กับคนไข้ของเธอ และพวกเราทุกคนอีกครั้ง กลับมาเป็นเทียนเล่มน้อยที่ส่องแสงเพื่อผู้คนที่ชายแดนแห่งนี้เร็วๆนะน้องอุ้ม

จันเองได้อ่านเรื่องราวของน้องอุ้ม รู้สึกชื่นชมเธอมากๆค่ะเธอคือแบบอย่างที่น่ายกย่อง ในสังคมไทยต้องการคนเก่งก็จริง แต่สิ่งที่สังคมต้องการมากกว่าคนเก่งคือคนดี ยิ่งน้องอุ้ม เธอเป็นทั้งคนเก่ง และคนดี ขอให้ความดีที่เธอและครอบครัวทำมาตลอด ช่วยคุ้มครองให้เธอปลอดภัยนะคะ

และ ขอบคุณทีมแพทย์ ทีมเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่คอยช่วยเหลือดูแลน้องอุ้ม อย่างเต็มที่ ขอให้ความดีที่พี่ๆทุกคนทำในครั้งนี้ ส่งผลให้ชีวิตมีแต่ความสุขนะคะ จันขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก :เรื่องเล่าหมอชายแดน

คลิปแนะนำอีจัน
สาดน้ำกรด จนเสียโฉม หวังแก้แค้น?