
มูลนิธิปวีณาฯ เดินหน้าช่วยเหลือ เหยื่อรอง สวป. สภ.วังน้อย เมาแล้วขับ คร่า 2 ชีวิต ทำเด็กน้อยพิการ หลังผ่านไป เดือนครึ่ง ยังไร้การติดต่อเยียวยา
วันนี้ (25 ส.ค. 66) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นำผู้เสียหาย 2 รายและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ รอง สวป.สภ. วังน้อย อยุธยา เมาแล้วขับชน เข้าพบพล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยาเพื่อเร่งรัดติดตามคดี และการเยียวยา หลังต้องทนทุกข์ทรมานกับการสูญเสียและบาดเจ็บมานานกว่าเดือนครึ่ง
เหตุสลดครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วง ตี 4 ของวันที่ 4 ก.ค. 66 บริเวณถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ ร.ต.ต.อัฑกร (สงวนนามสกุุล) อายุ 53 ปี รอง สวป.สภ.วังน้อย ขับรถกระบะในลักษณะเมาแล้วขับ จนเกิดอุบัติเหตุ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย
โดยผู้เสียหายรายแรก เป็นหญิงสาวอายุ 22 ปี ชื่อนางสาววารุณี ซึ่งกำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากเสร็จงาน ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ เธอต้องเสียขาขวาไปหนึ่งข้าง ซ้ำร้าน ยังต้องเสียแฟนไปในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย
ส่วนอีกราย ชื่อนายณัฐวุฒิ อายุ 33 ปี ที่ต้องบาดเจ็บสาหัส ทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะนอกจากตัวเองจะบาดเจ็บหนักแล้ว ยังต้องสูญเสียภรรยาไปอีกด้วย ลูกสาวตัวน้อยวัย 9 ขวบ ต้องกำพร้าแม่ ญาติพี่น้องต้องมาคอยดูแลตัวเอง ลำบากกันไปทั้งครอบครัว
ซึ่ง นางปวีณา กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก การมาติดตามคดีในวันนี้ ก็ต้องการให้ผู้ก่อเหตุ ได้กลับมามองผลจากการกระทำของตัวเอง ที่ทำให้หลายครอบครัวสูญเสียบุคคลสำคัญ อยากให้ได้รับความเป็นธรรมและการเยียวยาที่เหมาะสม รวมถึงคำขอโทษที่ผู้ก่อเหตุ ยังไม่เคยแม้แต่จะพูด
ด้าน พล.ต.ต ชนายนท์ ผบก.ภว.จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชา หลังจากทราบเรื่องแล้วก็ได้สั่งการให้มีสอบสวนอย่างเร่งด่วน และยืนยันว่า จะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา และให้ถึงที่สุด ผู้ถือกฏหมายมาทำผิดเสียเองแบบนี้ ยอมรับไม่ได้
โดยในการพูดคุยครั้งนี้ ร.ต.ต.อัฑกร ผู้ก่อเหตุ ก็มานั่งอยู่ในห้องประชุมเพื่อร่วมพูดคุยด้วย และได้กล่าวคำขอโทษกับครอบครัวผู้เสียหายทั้งหมด พร้อมกับบอกว่า ยอมรับว่าในวันเกิดเหตุ ตนมีอาการมึนเมาจริง และหลังจากที่เกิดเหตุ ตนไปบวชเพราะต้องการชดใช้กรรมในสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป และอุทิศบุญให้กับผู้สูญเสีย ส่วนประเด็นการเปลี่ยนชื่อหลังจากเกิดเหตุ ยืนยันไม่ได้ต้องการที่จะหลบหนี แต่เป็นเพราะตนรู้สึกว่า ช่วงที่ผ่านมา ตนเองเกิดอุบัติเหตุบ่อย พร้อมกับรับปากว่า จะขายทรัพย์สินของตัวเอง รวมทั้งรถกระบะคันเกิดเหตุ เพื่อนำเงินมาเยียวยาครอบครัวผู้เสียหาย และจะคอยติดต่อเพื่อให้การช่วยเหลือกับทุกครอบครัวอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกันในมุมของผู้เสียหาย นายณัฐวุฒิ ผู้ที่เสียภรรยาไปในเหตุการณ์นี้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการช่วยเหลือและการดูแล จากผู้ก่อเหตุเลย แม้แต่งานศพของภรรยา ก็ไม่มา จึงต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับครอบครัวและตัวเองด้วย
ด้านนางสาววารุณี ผู้ที่เสียขาหนึ่งข้างจากเหตุการณ์นี้ กล่าวว่า ตนเองเคยมีชีวิตปกติเหมือนคนอื่น แต่จากการกระทำด้วยความประมาทของผู้ก่อเหตุครั้งนี้ ทำให้ชีวิตของตนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สูญเสียขา เสียคนรัก เสียงาน ครอบครัวเดือดร้อน ต้องกู้เงินมาเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลให้ตน จึงอยากให้ผู้ก่อเหตุ ได้ออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และมาดูแลเยียวยากันบ้าง
โดยหลังจากนี้ในทางคดี ผบก.ภ.จว.อยุธยาก็รับปากว่า จะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ส่วนการเยียวยานั้น ก็จะคอยติดตามให้ผู้ก่อเหตุ เร่งชดใช้ให้เหมาะสมโดยเร็ว
ในส่วนการเยียวยาอื่นๆ ทางมูลนิธิปวีณา ก็ได้มีการประสานกับทางกระทรวงยุติธรรม และ พม.จังหวัด เพื่อให้การช่วยเหลือตามระบบโดยเร็วที่สุดแล้ว คาดว่าอีกไม่นานนี้ก็จะทยอยจ่ายให้แต่ละครอบครัวได้