
หนุ่มนามสกุลดัง เมายาไอซ์ ขับรถชนดะรอบเมือง พบเพิ่งปาร์ตี้ยาไอซ์มา ตำรวจตั้ง 5 ข้อหาหนักเอาผิด ขณะที่ผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความแล้ว
เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ขณะออกตรวจในพื้นที่ที่รับผิดชอบตามปกติ ได้รับแจ้งจากศูนย์ "แก่นนคร 191" สภ.เมืองขอนแก่น ว่า เกิดเหตุรถยนต์พุ่งชนรถชาวบ้าน และคนเดินถนน ในถนนเส้นทางสายต่างๆ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น
คาดว่าเป็นชายคลุ้มคลั่ง ไม่ได้สติขับรถก่อเหตุดังกล่าว ขอให้มาระงับเหตุด่วน หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับพ.ต.ท.เมธี ศรีวันนา รอง ผกก.(ป.) สภ.เมืองขอนแก่นพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร,สืบสวน และเจ้าหน้าที่สายตรวจจำนวนมาก
จากการตรวจสอบหลังรับแจ้งพบว่า รถที่ก่อเหตุ เป็นรถเก๋งสีเทา ชนรถยนต์ของชาวบ้านหลายคัน คนเดินเท้า รวมไปถึงทรัพย์สินต่างๆ สองฟากฝั่งถนน และกำลังหลบหนี
พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ขับรถเข้าขวางแต่คนร้ายได้ขับรถพุ่งชนรถสายตรวจ ได้รับความเสียหาย และพยายามหลบหนี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตัดสินใจใช้อุปกรณ์หยุดรถ วางขวางรถผู้ก่อเหตุ เหยียบจนยางรถรั่ว
แต่รถผู้ก่อเหตุ ก็ยังเคลื่อนต่อไปได้ จนกระทั่ง หลบหนีเข้าไปในซอยสุภภีระ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้รถปิดกั้นทุกเส้นทางเพื่อไม่ให้เหตุหลบหนีไปได้อีก ในที่สุดก็จนมุม
เมื่อรถหยุดนิ่งสนิท เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ มาสงบสติและควบคุมตัวที่ สภ.เมืองขอนแก่น ทราบชื่อนามสกุลภายหลังคือ นายบวรวงศ์ อายุ 36 ปี อยู่ในอาการมึนเมาคล้ายเสพสารเสพติด จากการสอบถามผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ได้เสพยาไอซ์มาเมื่อคืนที่ผ่านมาจนเกิดอาการหลอนและขับรถออกมาก่อเหตุ
พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวต่ออีกว่า ผู้ต้องหาอยู่ในสภาพอาการที่คุยไม่รู้เรื่องจึงต้องควบคุมตัวไว้เพื่อสงบสติอารมณ์ ซึ่งขณะนี้ผู้ปกครองได้มาติดต่อและรับทราบเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ขณะที่การตรวจปัสสาวะพบมีสีม่วง
จึงตั้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นรวม 5 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหาย, ขับขี่รถประมาทหวาดเสียว, ขับขี่รถชนแล้วหลบหนี, ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, เป็นผู้ขับขี่ มีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ในร่างกาย โดยผิดกฎหมาย พร้อมควบคุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ความเสียหายเบื้องต้นพบรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ของชาวบ้าน รวมทั้งรถยนต์ของตำรวจ เสียหายรวม 6 คัน และยังคงมีทรัพย์สินต่างๆ เสียหาย ซึ่งขณะนี้ผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่ก่อเหตุแล้ว