Live อัปเดต : ภารกิจตามหา น้องต่อ ถูกอุ้มหายออกจากบ้าน

ภารกิจการค้นหา น้องต่อ ถูกอุ้มหายออกจากบ้าน หลังพ่อโพสต์ตามหา ลูกถูกอุ้มหาย : เด็ก 8 เดือน ถูกอุ้มหาย

วันนี้(2 มี.ค. 66) ชาวบ้านได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางหลวง ว่าพบร่องรอยขุด และฝังกลบอะไรบางอย่าง ในพื้นที่ป่าไผ่ ใกล้กับจุดที่นิ่ม แม่น้องต่อ บอกว่าเอาน้องมาทิ้ง พ.ต.อ.สุธี วรรณสูตร ผกก.สภ.บางหลวง นายประกอบ ศิลารัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม จนท.กู้ชีพ-กู้ภัย อบต.บางหลวงจึงเดินทางไปตรวจสอบ

ชาวบ้าน พบ หลุมขุดใหม่ ใกล้จุด นิ่มทิ้งน้องต่อ

นางสมบูรณ์ สมบูรณ์ประชาไพร อายุ 60 ปี เปิดเผยว่าตนเองพาหมาเข้ามาเดินเล่น แล้วหมามาหยุดตรงจุดนี้ และตนเห็นว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำการค้นหาน้องต่ออยู่ และหน้าดินบริเวณนี้ เหมือนเป็นหลุม จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ

ซึ่งจุดนี้ ห่างจากบ้านขอน้องต่อประมาณ 300 เมตร เป็นฝั่งตรงข้ามกับที่ๆ พบผ้าอ้อมสีขาว และขวดนมเด็ก เมื่อชาวบ้านแจ้งมา เจ้าหน้าที่  ก็ได้ใช้จอบขุด พื้นที่ประมาณ 1 เมตร เพื่อเปิดหน้าดิน ขุดลงไปไม่ลึกเท่าไหร่ ก็พบดินแข็ง

เจ้าหน้าที่จึงได้สันนิษฐานว่า น่าจะมีคนไม่ประสงค์ดีมากลั่นแกล้งมากกว่า

นิ่ม ขอพูดครั้งสุดท้าย…บทเรียนครั้งนี้ใหญ่ที่สุดในชีวิตเธอ อยากขอโทษทุกคนที่ทำให้วุ่นวาย ขอโทษลูกที่คิดไม่ดีก่อน “ไม่จำเป็นต้องได้ร่าง อยากได้มาทำบุญเเค่นั้น”

หลังทีมกู้ภัยค้นหาทางเรือตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยใช้เครื่องซาวเดอร์สแกนจับอุณหภูมิใต้น้ำ จนเจอวันถุต้องสงสัย

ทีมกู้ภัย ได้วางแผน ส่งนักดำน้ำระดมกำลัง ค้นหาใต้น้ำอย่างละเอียด ตรงจุดพบวัตถุต้องสงสัย และไล่ตั้งแต่คลองในหมู่บ้านของ น้องต่อ ยาวตามเส้นทางน้ำที่ไหลออกสู่แม่น้ำท่าจีน

ภารกิจเริ่มตั้งแต่ 19.00 น. ที่ผ่านมา

จนตอนนี้ เจอเพียง แพมเพิร์สเด็ก อยู่ในคลองเท่านั้น

ทางกู้ภัย ได้ส่งมอบให้ตำรวจตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป ว่าเป็นแพมเพิร์สของ น้องต่อ หรือไม่

คืนนี้ ทีมนักประดาน้ำ จะไม่ยุติภารกิจจนกว่าจะทำการค้นหาอย่างละเอียด

ทุกคนหวังค่ะ หวังจะเจอ น้องต่อ หวังช่วยให้น้อง ไม่ต้องกลายเป็นผู้สูญหายอีกต่อไป

พี่ออย นักข่าวช่อง 3 เล่าเหตุการณ์ ตลอดคืนที่อยู่กับ แม่วัย 17 จนนาทีที่เธอยอมรับสารภาพ “เธอเอง เป็นคนทำให้ลูกหายไป”

เรื่องเล่าของ สาวน้อย ที่ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน

แต่สุดท้าย…เธอก็ยังคง เป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสาตามวัย ตัดสินใจพลาดเพียงชั่ววูบ

ส่งผลให้ชีวิตเธอได้พบกับบทสรุป ที่ต้องก้มหน้ายอมรับผลแห่งการกระทำ ของตัวเธอเอง

โดยจะระดมกำลังนักดำน้ำ 6 ทีม ลงค้นหาอย่างละเอียดทุกจุด ตั้งแต่จุดที่เคยค้นหาในคลองหมู่บ้านยาวออกไปแม่น้ำท่าจีน จนถึงบริเวณโรงเรียนวัดหินมูลรวมระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร

ซึ่งครั้งนี้ทีมกู้ภัยยังย้ำอีกว่าขอเป็นการค้นหาอย่างละเอียดครั้งสุดท้าย เพราะทุกคนเหนื่อยมากว่า 10 วันแล้ว

อีจัน ขอเป็นกำลังใจให้ทีมพี่ๆ กู้ภัยทุกท่านด้วยนะครับ

ซึ่งการสแกนซ้ำครั้งนี้ วัตถุต้องสงสัยยังอยู่ในจุดเดิมที่พบก่อนหน้านี้ ความลึกอยู่ที่ 3.5 – 4.5 เมตร เป็นลักษณะคล้ายกับกล่อง

หลังจากนี้ จะส่งนักดำน้ำ 2 ทีม คือทีมกู้ภัยศรีสมุทร จ.สมุทรสาคร และ กู้ภัยสว่างเบญจธรรม จ.สมุทรสงคราม ลงค้นหาให้รู้ ว่าวัตถุต้องสงสัย ที่พบ คืออะไร?

หลังจากที่ตำรวจคุมตัว นิ่ม เเม่น้องต่อวัย 8 เดือน ส่งฝากขังที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจังหวัดนครปฐม โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัว นิ่ม ด้วยหลักทรัพย์ ในวงเงิน 9,000 บาท

ย้อนดูคำให้การของนิ่ม ตั้งแต่วันแรก ที่ น้องต่อ8เดือนหายปริศนา จนถึงวันที่นิ่ม เปิดปากพูดออกมาว่า เป็นคนอุ้ม น้องต่อ ไปทิ้งแม่น้ำแถวบ้าน

ย้อนคำให้การ นิ่ม ตั้งแต่วันแรก ที่ น้องต่อ8เดือนหายปริศนา

1. ข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

2. กระทำใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลคดีเปลี่ยนแปลงไป โดยเป็นการกระทำเพื่ออำพรางคดี

3. ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย

4. รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือ เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด

ตอนนี้ตำรวจคุมตัวฝากขังศาลเยาวชนจังหวัดนครปฐมส่วนฃ

ลูกชาย วัย 8 เดือน ที่หายไป ยังอยู่ระหว่างการค้นหา

นิ่ม โดน 4 ข้อหาหนัก ทิ้ง น้องต่อ ลงคลอง

ฝากถึงนิ่มให้พูดความจริงสักที่ ไม่ใช่บอกให้ไปหาตรงโน้น ตรงนี้ พูดความจริงเถอะ เรื่องจะได้จบ

ฝากขังนิ่ม หลังจาก นิ่ม สารภาพ เธอเองเป็นคนทำให้ น้องต่อ ลูกชายวัย 8 เดือน หายไป

โดยการนำลูกไปวางไว้ริมคลอง หลังพลั้งทำลูกหลุดมือ

โดยตำรวจแจ้งข้อหาเบื้องต้น

-ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

และคุมตัวนิ่ม ฝากขังศาลเยาวชนจังหวัดนครปฐม เนื่องจาก นิ่ม อายุเพียง 17 ปี

ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ได้ใช้เครื่องซาวเดอร์สแกนจับความร้อน บริเวณคลองใกล้จุดที่ นิ่ม บอกว่า เอา ลูก ไปวางไว้

ก่อนจะพบวัตถุต้องสงสัย อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมค่ะ เป็นวัตถุแนวยาว อยู่เหนือพื้นดิน ใต้น้ำ

ตอนนี้ทีมค้นหา กำลังวางแผน ตีกรอบพื้นที่ ที่สแกนพบวัตถุ เพื่อส่งนักประดาน้ำ ดำลงไปตรวจสอบว่า วัตถุดังกล่าวคืออะไร ?

วันนี้ (27 ก.พ.66) ที่ริมเเม่น้ำท่าจีน ใกล้ๆบริเวณบ้านของ นิ่ม ขณะนี้ตำรวจน้ำ เเละ เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ระดมกำลังค้นหาร่าง น้องต่อ วัย 8 เดือน หลังจากที่ นิ่ม เเม่ของน้องต่อ อ้างว่า วันที่ 5 ก.พ.66 ได้วางน้องทิ้งไว้ริมน้ำ

โดยมี นักประดาน้ำมูลนิธิสุขศาลาฯ ลงดำน้ำ 4 คน บริเวณสะพาน ส่วนตำรวจน้ำ อยู่ตรงจุดเชื่อมเเม่น้ำท่าจีนกับคลองส่งน้ำที่เเยกเข้าหมู่บ้าน

อุปสรรคที่เจอ ตอนนี้ คือ ใต้คลองมีกิ่งไม้

ความลึก 3-4 เมตร ซึ่งกู้ภัยเชื่อว่า หากมีการวางน้องทิ้งน้ำจริงๆ 3 วันเเรกต้องลอยเเล้ว

ขณะเดียวกัน ที่ สภ.บางหลวง ตำรวจยังคงสอบปากคำ นิ่ม เเละ พ่อของนิ่ม อยู่ข้างใน บรรยากาศด้านนอก สภ. ยังคงมีสื่อปักหลักรอทำข่าวอยู่

ตำรวจเดินประคองพ่อ เพราะเขามีปัญหาทางด้านการมองเห็น ซึ่งพ่อมีสีหน้าเครียด เดินเข้าไปในห้องสอบพร้อมตำรวจตั้งแต่ 9.45 น. จนถึงตอนนี้เป็นเวลา 3 ชั่วโมงแล้ว ที่ตำรวจสอบปากคำ พ่อ อยู่ด้านใน

ส่วนนิ่ม อยู่ ที่ สภ.บางหลวง เช่นเดียวกัน

เธอเองก็ถูกสอบปากคำอยู่ในห้องสอบสวนเช่นกัน

บรรยากาศ ที่นี่ นิ่งสงบมาก

รวมถึงนักข่าว ที่ตอนนี้ปักหลักอยู่ที่ สภ. รอลุ้นกันอย่างสุดใจ ว่าผลการสอบสวนเป็นอย่างไร

ใจหนึ่ง ก็อยากให้คำพูดครั้งนี้ ของนิ่ม เป็นการโกหก อีกครั้ง เพราะยังหวังให้น้อง ยังมีชีวิตอยู่

แต่สุดท้ายแล้ว เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร รอติดตามเรื่องจริง ที่กำลังจะปรากฏ

นายวินท์ สุธีรชัย เผยว่า ได้ส่งทีมงานมาลงพื้นที่ตั้งเเต่วันเเรกๆ ที่น้องต่อ วัย 8 เดือนหายไป

สิ่งที่พบในพื้นที่ ชาวบ้านเเละตัว นิ่ม ไม่มีความสบายใจที่จะคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐ มูลนิธิจึงเข้ามาพูดคุย จน นิ่ม รู้สึกสบายใจ เเละยอมเปิดใจพูดในสิ่งที่เกิดขึ้น

โดยต่อจากนี้ไปจะเป็นขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน ร่วมกับสหวิชาชีพ พม. เเละนักจิตวิทยา ซึ่งหากมีการกระทำความผิด ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย

หลังจากนี้มูลนิธิจะช่วยเหลือครอบครัวนิ่ม เพื่อให้ นิ่ม เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างสบายใจ จะรับดูเเลเเม่ที่ป่วยให้ ไม่ให้คนข้างหลังมีปัญหา

ตอนนี้ นิ่ม ยอมเปิดใจที่จะคุยเเล้วว่า ความจริงเกิดอะไรขึ้น เบื้องต้น

เป็นความไม่ตั้งใจ เป็นอุบัติเหตุ

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดจากน้องเป็นเยาวชน ต้องดูเเลทั้งครอบครัว ดูเเลเเม่ เเละลูกตัวเอง

จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุ จน น้องต่อ จากไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“นิ่มค่อนข้างกลัว นี่ เป็นที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมด

นิ่ม รู้ว่าตัวเองไม่สามารถเปิดใจให้กับใครได้”

นายวินท์ กล่าว

ด้าน น.ส.ชลิดา พะละมาตร มูลนิธิวิน วิน เผยว่า ส่วนตัวมองว่าเด็ก(นิ่ม)ยังกลัว ที่จะให้ข้อมูล

ช่วงเเรก นิ่มเเละพุด ยังไม่เปิดใจ เพราะมีความกังวล ไม่กล้าพูด

พอ มูลนิธิ มารู้สาเหตุลึกๆ ที่เป็นดราม่ากันในโซเชียล จึงรู้ว่าผลกระทบมาจากสิ่งเเวดล้อม รอบข้าง ทำให้ นิ่ม รู้สึกเหมือนตนเองอยู่คนเดียว

คนที่ไม่รู้ก็อาจจะรู้สึกเกลียดชัง ว่าทำไมทำกับลูกเเบบนี้ พอรู้ข้อมูลลึกๆ เเล้ว ในมุมสังคมอีกด้านหนึ่ง ที่เป็นด้านมืด

นิ่มเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง

น.ส.ชลิดา เล่าต่อว่า

นิ่มเล่าปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างออกมา จนรู้สึกว่า ทำไมเด็กคนหนึ่งต้องมาเจออะไรเเบบนี้ เด็กอายุ 17 ปี เลี้ยงลูกคนเดียว ไปคลอดลูกคนเดียว ไม่มีใครช่วยดู เขาต้องมาทำเองทุกอย่าง

“นิ่มรู้สึกปรึกษาใครไม่ได้

ที่นิ่มไม่กล้าพูดเเต่เเรกเพราะห่วงเเม่ หากโดนจับ ใครจะดูเเลเเม่ เเม่จะอยู่ยังไง”

น.ส.ชลิดา กล่าว

สุดท้าย มูลนิธิวิน วิน เผยว่า

“มองว่านิ่ม คือ มนุษย์คนหนึ่ง ที่ต้องการความช่วยเหลือ มองเเค่นั้นจริงๆ”

นิ่ม กลัวไม่มีคนดูเเลเเม่ จึงไม่กล้าปริปาก พูดความจริง

น้องต่อ เด็กน้อยวัย 8 เดือน ที่หายตัวไปกว่า 23 วันแล้ว ล่าสุด นิ่มแม่ของน้องต่อ ออกมากลับคำให้การ โดยอ้างว่า ตนเองเป็นคนนำน้องต่อไปทิ้งน้ำ

ล่าสุดทีมข่าวอีจันได้รับคลิปเสียงของ นิ่ม ที่เปิดใจว่า หนูวางน้องไว้ตรงนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมเล่ารายละเอียดอื่นๆ ให้ถามตำรวจเอง

ล่าสุดทีมข่าวอีจันได้รับจข้อมูลว่า 

เรื่องนี้ใกล้จะถึงจุดจบแล้ว ติดตามกันต่อไปนะครับ

นิ่ม ยืนยัน วาง น้องต่อ ไว้ตรงแม่น้ำใกล้บ้าน

รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ก.พ. 66) หลังจากที่ นิ่ม รับกับบุคคลภายนอกว่านำลูกไปโยนลงไปในแม่น้ำ ซึ่งห่างจากบ้านพักไม่ไกลมากนัก

ต่อมาชุดสืบสวนสอบสวน ได้เชิญตัวนิ่มมาที่สถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อซักถามข้อเท็จจริงที่พูดกับบุคคลภายนอก โดยนิ่ม มีท่าทีที่สลดก่อนที่จะบอกกับชุดสืบสวนสอบสวน โดยอ้างว่า ช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ. 66 น้องต่อ ตื่นร้องไห้งอแงร้องไม่หยุดจึงอุ้ม แล้วเผลออุ้มร่วงตกพื้นทำให้น้องต่อนิ่งเงียบไป จากนั้นตกใจจึงอุ้มน้องต่อโยนลงไปในแม่น้ำ โดยเดินจากบ้านพักออกไปประมาณ 100 เมตร

ข้อมูลที่ นิ่ม อ้าง ชุดสืบสวนสอบสวน ได้นำรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ โดยผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ประสานสหวิชาชีพมาร่วมสอบถามอีกครั้งตามกฎหมาย และต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่านิ่ม พูดจริงหรือไม่ และกระทำผิดหรือไม่อย่างไร

นิ่ม อ้างโยน น้องต่อ ลงน้ำใกล้บ้าน
บิ๊กโจ๊ก อัปเดต ส่ง นิ่ม แม่น้องต่อ ไป ตรวจสุขภาพจิต รู้ผลสัปดาห์หน้า

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เปิดเผยถึงคดีน้องต่อ เด็ก 8 เดือนที่หายตัวปริศนา ว่า ในวันนี้ (24 ก.พ. 66) ได้มีการนำตัว นิ่ม แม่ของน้องต่อ ไปรับการตรวจสภาพจิต เพื่อตรวจสอบว่า นิ่มมีอาการทางจิตหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน จึงจะได้รับผลตรวจ และจะนำผลการตรวจนั้น มาวิเคราะห์พฤติกรรมต่อ

ถ้าผลตรวจออกมาว่า นิ่มมีอาการทางจิตจริง ข้อมูลที่นิ่มได้โกหกมาตั้งแต่แรกนั้น จะไม่มีผล แต่ก็ต้องดูผลตรวจก่อนว่า อาการป่วยทางจิตนั้น รุนแรงแค่ไหน

ในส่วนของพุดนั้น รอง ผบ.ตร.เชื่อว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น เพราะยืนยันว่าให้การเป็นความจริงมาตลอด

อย่างไรก็ตาม ยังจะต้องรอผลตรวจจากแพทย์อย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งผลจะออกประมาณปลายสัปดาห์หน้า

ที่ผ่านมาแต่ละวัน นิ่มให้การไม่ตรงกันเลยยืนยันว่าไม่รู้อย่างเดียวซึ่งวันนี้ไม่มีใครเอาเด็กไป คนที่รู้เรื่องดีที่สุดคือนิ่ม นิ่มรู้ดีสุด น้องต่อ อยู่หรือตาย

โดรนจับความร้อน จับความร้อนปริศนาได้ภายในป่ารก ทางเจ้าหน้าที่ พร้อมกับสื่อมวลชนได้เดินเท้ากันเข้าไปเพื่อตรวจสอบความร้อน ที่โดรนจับได้ พอเข้าไปตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นกลุ่มความร้อนจากแผ่นปูนที่ถูกทิ้งเอาไว้ และไม่มีความผิดปกติอะไร

ตรงจุดนี้ค้นหาจนเคลียร์แล้ว ในวันพรุ่งนี้ก็จะไปค้นหาในจุดอื่นๆ ต่อไปอีก

ลุงแจ้ ถูกแจ้งข้อหา พากผู้เยาว์ และกระทำชำเราเด็กอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี ได้ประกันตัวในชั้นศาล ด้วยวงเงิน 100,000 บาท พร้อมทั้งใส่กำไล EM เพื่อติดตามพฤติกรรม

ศาลให้ประกันตัว ลุงแจ้ 1 แสนบาท

จากการบินโดรนสำรวจ ปรากฏว่า พบความร้อนผิดปกติอยู่ 1 จุดในป่า จึงพากันเดินเท้าเข้าไปสำรวจ นานอยู่ 1 ชั่วโมง แต่พบว่าเป็นเนินดินธรรมดา ที่เก็บความร้อน

นายประกอบ ศิลารัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม เปิดเผยว่า ที่มาค้นหาตรงจุดนี้ เพราะเป็นจุดที่น่าสงสัย มีลักษณะเป็นป่ารกร้าง อยู่ห่างจากบ้านน้องต่อ ประมาณ 2 กิโลเมตร จึงใช้โดรนของสื่อมวลชน บินสำรวจแสกนจับความร้อน เพื่อให้พื้นที่ค้นหาแคบลง

แต่พอสำรวจแล้วยังไม่พบอะไร ซึ่งจุดมีสัตว์เลื้อยคาน ตัวเงินตัวทอง หวังว่าอาจจะเจอเสื้อผ้า และจุดนี้ตนเคยมาค้นหากันส่วนตัว 2-3 คน แต่ยังไม่เดิน เข้าไปลึกมาก หลังจากนี้จะไปค้นหาที่ป่ารกร้าง ที่อยู่ใกล้กัน มีเนื้อที่ 6-7 ไร่ เพราะยังไม่เคยเข้าไปเลย

กว่า 18 วันแล้ว ที่น้องต่อหายออกไปจากบ้าน จนถึงตอนนี้เรายังไม่รู้เลยค่ะว่าน้องต่อหายไปไหนกันแน่ หรือมีคนเอาน้องไปหรือเปล่า ตอนนี้ก็ได้แต่รอให้นิ่ม แม่ของน้องต่อเปิดปากพูด

โดรนจับความร้อน บินค้นหา น้องต่อ ป่ารกแถวบ้าน

วันนี้(23 ก.พ. 66) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวของพุด และลุงแจ้ไปฝากขังที่ศาล จ.นครปฐม ก่อนจะถูกนำตัวไปฝากขัง พุดได้เปิดเผยกับสื่อว่า

ตอนนี้ยังคงเชื่อใจนิ่มอยู่ เพราะเรื่องผู้ชายเสื้อเหลืองนิ่มคิดขึ้นมาเองในหัว แต่เรื่องมีคนเอาลูกไปหรือเปล่า นิ่มไม่รู้ เคยถามนิ่มไปแล้วเรื่องชายเสื้อเหลือง แต่นิ่มไม่ได้บอก ซึ่งนิ่มอาจจะพูดความจริงก็ได้ แต่เราไม่รู้

ตอนนี้ก็ยังคงรักนิ่มอยู่ พร้อมบอกว่า ตอนช่วงที่ลูกหาย ก็ได้บอกกับนิ่มว่าข้อมูลไหน ที่ไม่ใช่ของเราก็ไม่ต้องพูด เอาแค่ที่เรารู้ก็พอ ส่วนตัวของพุดเองก็ไม่รู้ว่านิ่มมีเจตนาอะไรที่บอกว่าเห็นชายเสื้อเหลือง

แต่ยืนยันได้ว่านิ่มพูดจริงว่ามันคนเอาน้องต่อไป แต่ตอนนี้ยังไม่สงสัยใคร ส่วนประเด็นคราบเลือดบนมอเตอร์ไซต์คันสีน้ำเงิน พุดบอกไม่ว่ารู้ว่ารถของใคร เพราะคันสีน้ำเงินที่บ้านมี 2 คัน คือคันของพี่ชาย และของตัวเอง แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าตำรวจพบคราบเลือดที่รถคันไหน

ส่วนเรื่องคราบเลือดที่อยู่บนหมอน พุดเปิดเผยว่าอาจจะเป็นเพราะขวดนมกระทบปากน้องมากกว่า ซึ่งก่อนที่น้องจะหายไป น้องไอติดต่อกันเป็นอาทิตย์แล้ว ส่วนอาการไข้ คืนก่อนที่น้องจะหายวัดไข้แล้ว น้องไข้ลดแล้ว

เมื่อสื่อถามว่า ที่ผ่านมาพุดโกหกสังคมหรือไม่ พุดยืนยันว่าตัวเองไม่ได้โกหก ไม่มีเรื่องไหนที่ปิดบังเลย ส่วนของการค้นหา ตอนนี้ตนเองไม่ได้สงสัยที่ไหนแล้ว เพราะตำรวจก็ค้นหาไปหมดแล้วทุกที่

ทางด้านพ่อของพุด ก็เข้ามาหากอดลูกชายพร้อมทั้งร่ำไห้ ทางด้านของนายพุดเอง พูดกับพ่อว่าพ่อไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นตำรวจได้นำตัวพุด ขึ้นรถคุมขัง ไปฝากขัง ที่ศาล จ.นครปฐม ในข้อหา เป็นธุระจัดหาฯ

พุด ยังเชื่อ นิ่มพูดความจริง ไม่รู้ใครเอา น้องต่อ ไป

พ่อของพุดเข้ากอดลูก แล้วร่ำไห้ พร้อมเปิดเผยว่าอยากมาเห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย เพราะถ้าลูกถูกคุมตัวไปแล้ว ก็อาจจะไม่ได้ไปเยี่ยมที่ศาล เพราะมันไกล และตนเองก็กำลังป่วยอยู่ด้วย

วันนี้(23 ก.พ. 66) นิ่มเปิดอก ด้วยสีหน้านิ่งเฉย เธอเปิดเผยกับทีมข่าวของอีจันว่า เรื่องของชายเสื้อเรื่อง ที่ให้การไปตอนแรก ไม่มีอยู่จริง ตอนแรกที่เธอบอกว่าเก็นชายเสื้อเหลือง เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าจะบอกกับตำรวจว่าอย่างไร

พร้อมยืนยันว่าเธอไม่รู้ว่าใครเอาลูกไป และไม่มีอะไรสงสัยในตัวคนอื่นเลย ส่วนเรื่องของคราบเลือดที่ตรงรถจักรยานยนต์เธอยืนยันว่าไม่รู้ ปกติใต้เบาะรถ จะมีบัตรพนักงานของพุด และเสื้อผ้าทำงานของพุดเท่านั้น

ส่วนเรื่องที่ทางตำรวจ แจ้งข้อหากับพุด และลุงแจ้ เธอยอมรับว่ากังวล และกลัว แต่ทางตำรวจเขามีหลักฐาน และข้อมูลที่ยืนยันแบบนั้น เธอจึงทำอะไรไม่ได้แล้ว เธอยืนยันว่าที่ผ่านมาเธอพูดความจริงมาโดยตลอด มีเพียงเรื่องของชายเสื้อเหลืองเท่านั้นที่ยืนยันว่าไม่เห็น

ส่วนในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการเรียกตัวนิ่มมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีก จนกว่าจะเจอน้องต่อ

นิ่ม เปิดใจ ที่ผ่านมาเธอพูดความจริง ไม่รู้น้องต่อหายไปไหน
แม่พุด ยัน ไม่ประกันตัวลูกชาย ผิดก็ว่าไปตามผิด

หลังจากเมื่อวานนี้ พุด ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลใดให้เพื่อบุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี

ซึ่งในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการควบคุมตัวพุด และลุงแจ้ไปส่งฝากขังที่ศาลอาญาจังหวัดนครปฐม

นิ่ม เปิดใจ ที่ผ่านมาเธอพูดความจริง ไม่รู้น้องต่อหายไปไหน

ส่วนกระดูก ทางกู้ภัย ให้ข้อมูลว่า จากลักษณะน่าจะเป็น กระดูกของสัตว์ มากกว่า กระดูกของมนุษย์

ซึ่งหลักฐานทั้งหมดนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป

พบกระสอบต้องสงสัยในบึงน้ำ ห่างจากบ้านน้องต่อไป 700 เมตร
“บิ๊กโจ๊ก” เผย “นิ่ม” ยอมรับไม่เห็นชายเสื้อเหลืองอุ้มเด็ก

วันนี้ ทีมค้นหาน้องต่อ ได้เบาะแส พบกระสอบเล็กๆ ถูกทิ้งไว้ในบึงกก ห่างจากบ้าน น้องต่อเพียง 700 เมตร

เจ้าหน้าลงตรวจในบึงกก เจอ 2 กระสอบ ถูกทิ้งไม่ห่างจากถนน1 กระสอบภายในว่าง อีก 1 กระสอบ มีเสื้อ 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็นผ้าลายขวางสลับสี อีกตัวคล้ายเป็นเสื้อเชิ้ต และยังพบ กระดูกชิ้นเล็กๆ พร้อมเศษเนื้อติดอยู่ตามเศษผ้าด้วย

ซึ่งตำรวจจะส่งหลักฐานที่พบทั้งหมดไปตรวจสอบยืนยันอีกครั้งว่า กระดูก และ เนื้อเยื่อ ที่พบ คือกระดูกอะไร และเสื้อทั้ง 2 ตัวเป็นเสื้อใคร

ล่าสุดเช้าวันนี้ วันนี้ (22 ก.พ. 66) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ รวมถึงอาจารย์เจ ช่วยกันเข้าตรวจสอบบริเวณป่าหลังบ้าน หลังบ้านน้องต่อ ซึ่งเป็นป่ารกทึบและยังไม่เคยมีใครเข้ามาตรวจค้นบริเวณจุดนี้โดยในความเชื่อทางด้านจิตสัมผัสอาจารย์เจ ระบุว่า มีความรู้สึกว่าเด็กจะอยู่บริเวณป่านี้และอยู่ใต้โคลน ซึ่งกลิ่นโคลนนั้นจะทำให้ไม่ได้กลิ่นของเด็กจึงทำให้ไม่พบตัวน้องต่อ

ขณะเดียวกันทางด้านชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ได้มารับตัว น.ส.นิ่ม แม่ของน้องต่อ ไปตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา

สำหรับการค้นหาเจ้าหน้าที่จะเดินหน้ากระดานและหาอุปกรณ์ตัดเคลียร์หญ้ารกบริเวณป่าทึบแห่งนี้เพื่อที่จะสำรวจบริเวณพื้นใต้ดินโครน โดยก่อนทำการค้นหา นายพุด พ่อของน้องต่อ ได้ทำการจุดธูป 36 ดอก เพื่อขอขมาเจ้าที่เจ้าทางและขอให้เจอลูกชายในวันนี้

ทั้งนี้ อาจารย์เจ ยืนยันว่าจะพบร่างของน้องต่อในวันนี้อย่างแน่นอนขณะเดียวกันในทางการดำเนินคดีมีรายงานว่าวันนี้พนักงานสอบสวนเตรียมจากควบคุมตัวบุคคล 2 คน ไปแจ้งข้อกล่าวหาซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าบุคคลสองคนนั้นจะเป็นใคร

จนท.ค้นหาป่ารกหลังบ้าน “น้องต่อ” พบแพมเพิร์สปริศนา

วานนี้ (21 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 22.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาติดตามความคืบหน้าทางคดีน้องต่อ 8 เดือนหายปริศนา โดยก่อนเข้าห้องประชุมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ตอนนี้ในส่วนการทำงานที่ผ่านมา ทางตำรวจชุดสืบสวน ทั้งตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่เเล้ว ตอนนี้มีบางคนยังพูดไม่จริงอยู่

โดยวันนี้ได้นำตัวเเม่เด็กไปตรวจด้านจิตใจที่ โรงพยาบาลตำรวจ เเละจะต้องไปตรวจอีกครั้งในวันศุกร์นี้ จึงจะทราบผลว่าผลเป็นอย่างไร ซึ่งผลตรวจด้านจิตใจจะออกพร้อมกับผลเครื่องจับเท็จ

ส่วนกรณีชุดสืบสวนที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในชุมชน พบว่ารถที่ เข้า-ออก หมู่บ้าน ไม่มีความผิดปกตินั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าเด็กอาจอยู่ในชุมชน ซึ่งสุดท้ายเรื่องนี้ก็ต้องวนกลับมาหาพ่อกับเเม่ ที่ยังให้ข้อมูลไม่ครบในบางประเด็น

ส่วนกรณีที่มีรายงานว่าจะออกหมายจับบุคคล 2 คน นั้น ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใคร เนื่องจากทุกคนยังอยู่ในชุมชน ไม่ได้หลบหนี จะเเจ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้ต้องโฟกัสเรื่องการหาเด็กเป็นหลัก โดยทางตำรวจตั้งสมุติฐานว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่

สำหรับกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ เกรงว่าคดีนี้จะยืดยาวเหมือนคดี น้องชมพู่ นั้น ขอยืนยันว่าคดีนี้จะไม่ให้ยืดยาวเด็ดขาด เมื่อเกิดเเล้วต้องหาจุดจบให้ได้ หาคนกระทำผิดมาลงโทษให้ได้

อย่างไรก็ตาม ขอฝากบอกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้นำเด็กมาคืน ใครก็ตามที่กระทำความผิดกับเด็กเป็นเรื่องใหญ่ หากเด็กถูกกระทบกระทั่งถึงขั้นเสียชีวิตจะต้องรับโทษหนัก เเละพ่อเเม่เด็กอาจต้องรับผิดชอบด้วย เพราะจู่ ๆ ลูกจะหายไปได้อย่างไร

“บิ๊กโจ๊ก” ยันคดีน้องต่อต้องไม่ยืดยาวเหมือนคดีน้องชมพู่ เผยยังมีคนโกหก

ความคืบหน้าล่าสุด (22 ก.พ. 66) ที่ สภ. บางหลวง จ.นครปฐม ลุงโอ๋ อาชีพหาปลาซึ่งเป็นชาวบ้านในละแวกได้เดินทางมาทำธุระส่วนตัวที่ สภ.บางหลวง ผู้สื่อข่าวได้เข้าพูดคุยสอบถาม โดยลุงโอ๋ได้แสดงความคิดเห็นว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 66 ตั้งแต่ช่วง 21.00 น . ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่เกิดเหตุ ลุงโอ๋ยังไม่พบสิ่งผิดปกติภายในแม่น้ำ เพราะโดยปกติแล้วในช่วงเวลา 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม ไปจนถึงเช้ามืด ตนจะออกหาปลาไปเรื่อยๆ ระยะทางห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 5 กิโลเมตร

เมื่อได้ทราบข่าวน้องต่อหายไป เวลาตนลงเรือหาปลาหากเจอสิ่งผิดปกติก็จะเปิดดูเพราะอยากช่วยหาเด็กด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อเปิดกระสอบดูและฉีกถุงกระสอบดูก็จะพบว่าเป็นซากเป็ด ซากไก่ ซากแมวตาย หรือเป็นเศษปลาเศษกุ้งที่คนนำมาทิ้ง แต่ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ หากเจอตนจะให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอน เพราะอยากจะเจอเด็กเหมือนกัน

แต่ถ้าหากว่าในน้ำมีเด็กจริง หว่านแหจะต้องมีอะไรติดขึ้นมาบ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่เคยเห็นอะไรที่เกี่ยวกับเด็กเลย ในความคิดของตนหากมีตัวเงินตัวทองมากัดกินซากคิดว่าคงต้องรอให้เน่าเปื่อยเสียก่อน

ส่วนเรื่องประเด็นว่าเด็กอาจจะอยู่ในน้ำท่าจีนนั้นไม่น่าจะมี เพราะมีคนหาปลาเยอะทั้งเส้นทางยาวกว่า 15-16 กิโลเมตร ส่วนตัวคิดว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวเด็กน่าจะรู้ดีที่สุด

ลุงหาปลา มั่นใจ! น้องต่อ ไม่อยู่ในแม่น้ำท่าจีนแน่นอน

และเมื่อคุยว่าในวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา วันที่น้องต่อหายไป นายหรั่งได้ขับรถสวนกับป้าล้อมไหม นายหรั่งก็ปฏิเสธ บอกเพียงแค่ว่าไม่รู้ ไม่ได้เจอป้า

แต่ในวันนี้ตำรวจได้ควบคุมตัวนายหรั่ง ไปสอบปากคำ เนื่องจากว่านายหรั่งมาบอกกับผู้ใหญ่ว่าเอาน้องต่อไป ส่วนผลของการสอบปากคำนายต่อ ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยอีกครั้ง

หรั่ง กลับคำ ปฏิเสธเอา น้องต่อ ไป

ก่อนจบภารกิจวันนี้ก็มีการมาลงที่แม่น้ำท่าจีน จุดที่ใกล้กับบ้านของน้องต่อ เพื่อค้นหาถุงทุกใบที่อยู่ใต้แม่น้ำ เผื่อได้เบาะแสเพิ่มเติม

ใช้นักประดาน้ำ 6 คน ค้นหาทุกจุดที่คาดว่าจะเป็นไปได้ ทั้งรื้อกอผักตบชวา เปิดถุงที่อยู่ใต้น้ำ แต่ก็ยังไม่เจอน้องต่อค่ะ

ผ่านมา 14 วันแล้ว ยังไร้เงาน้องต่อ หนูอยู่ที่ไหน ปลอดภัยอยู่ใช่ไหมลูก

จุดนี้เป็นจุดที่ นายหรั่ง ได้บอกกับตำรวจว่าเด็กมาทิ้งไว้ ซึ่งเมื่อให้เจ้าหน้าที่ลงค้นหาบริเวณนั้นทั้งหมดแล้ว ก็ยังไม่เจออะไรเพิ่มเติม

ผ่านไปกว่า 14 วันแล้วยังไม่ได้ความคืบหน้าอะไร ไม่รู้ว่าน้องต่อไปอยู่ไหน หรือมีใครเอาน้องไปจริงอย่างที่แม่อ้างหรือไม่

เจ้าหน้าที่เรียก นิ่มกับพุด มาดู นิ่ม ยืนยันว่า ไม่ใช่แพมเพิสยี่ห้อที่เธอใส่ให้น้องต่อ

วันนี้ (19 ก.พ. 66) อีจันลงพื้นที่ เพื่อเกาะติกความคืบหน้าคดี

โดยวันนี้ ตำรวจจะพา นายหรั่ง ไปสอบปากคำอีกครั้ง ร่วมกับนักจิตวิทยา เนื่องจากนายหรั่ง ป่วยเป็นโรคจิตเวช และ พบว่า ที่บ้านของ นายหรั่ง ไม่มีจักรยานมีตะกร้า

ปริศนาอีกข้อ แล้วที่ป้าบุญล้อมเห็น จักรยานใคร

จักรยานมีตะกร้า ของ หรั่ง ที่คนเห็นใส่น้องต่อ หายไป

อีจัน ได้คุยกับชาวบ้าน ระหว่างพักทานข้าวแถวบ้านของน้องต่อ

ชาวบ้านบอก นายหรั่ง มีรถจักรยานหลายคัน ทั้งคันที่มีตะกร้า และไม่มี แล้วจะชอบปั่นจักรยานออกไปนอกหมู่บ้านเป็นประจำ ทั้งช่วงกลางวัน และกลางคืน

แต่นี้เป็นเพียงคำบอกเล่าจากชาวบ้านแถวนั้น รอผลการสอบสวนของทางตำรวจอย่างชัดเจนอีกครั้ง

ซึ่งก่อนหน้านี้ นายหรั่ง ก็เคยบอกว่าตนเองเอาเด็กไป เด็กร้องก็เลยโยนทิ้งน้ำ เจ้าหน้าที่เคยงมหาแล้ว 1 ครั้ง แต่ไม่พบ

ภาวนาขอให้น้องต่อยังปลอดภัยเถอะนะ

ล่าสุดทีมข่าวอีจันได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เผยว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอ ปรากฎว่า ผลดีเอ็นเอพบว่า ดีเอ็นเอของ น้องต่อ ตรงกับ ผลตรวจดีเอ็นเอของลุงแจ้ หมายความว่า พ่อแท้ๆ ของน้องต่อคือ ลุงแจ้ ไม่ใช่นายพุด 

ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมข่าวอีจันได้คุยกับลุงแจ้ ซึ่งลุงแจ้ก็ได้ยอมรับว่าเคยมีสัมพันธ์กันลึกซึ้งกับนิ่มจริง พร้อมยืนยันว่าตนป้องกันมาโดยตลอด พร้อมทั้งยังกล่าวอีกว่า

“ลุงก็ดูแลไอ้ต่อมาตลอด รักมันเหมือนลูก ยังเคยบนไว้เลย ว่าถ้าได้เจอจะบวชให้”

แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้น้องต่อยังปลอดภัยนะครับ

ซึ่งเรื่องนี้ตำรวจจะออกมาแถลงตอนไหนคงต้องติดตามกันต่อไปครับ

เรื่องจริงปรากฎ! ผลตรวจ DNA “น้องต่อ” ตรงกับ “ลุงแจ้”

นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หรือ คุณเอก หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ได้เดินทางมาที่ สภ.บางหลวง ก็ได้เดินทางมาติดตามคดีนี้เช่นกัน

โดย คุณเอก เผยว่า ตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะกระบวนการยุติธรรมจะต้องเดินด้วยหลักฐาน ไม่ได้เดินไปพร้อมกับความคิดเห็น ถ้าเป็นข้อเท็จจริงก็ต้องนำหลักฐานมาแสดง หากไม่มีหลักฐาน การสอบปากคำก็ควรอยู่ในกระบวนการที่เหมาะสม

ซึ่งก่อนหน้านี้ นิ่มกับพุดได้ประสานมาที่มูลนิธิ ว่า รู้สึกไม่สบายใจ เกี่ยวกับกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ เพราะตอนนี้กินเวลามาหลายวันแล้ว และโทรศัพท์ยังถูกเจ้าหน้าที่นำไปตรวจสอบจึงมีความยากลำบากในการติดต่อสื่อสาร

คุณเอก ยังบอกว่า หากมองย้อนไปดูคดีเด็กหายในอดีต ที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียน และเป็นรายละเอียดข้อเท็จจริงที่น่าจะนำมาเปรียบเทียบกับกรณีนี้ได้ ในฐานะหน่วยงานตามหาค้นหาย จึงอยากคุยกับพ่อแม่เด็กอีกครั้ง เพราะรายละเอียดที่ยังไม่ได้มีการบอกกล่าวอาจมีแนวโน้มที่จะสื่อสารกันต่อไป

ซึ่งถ้าทั้งพุดและนิ่มเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องต่อ ทั้งคู่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับความเป็นธรรมจากสังคมเช่นกัน ซึ่งประเด็นที่เด็กหายมูลนิธิไม่ได้ตั้งไว้แค่ประเด็นครอบครัวประเด็นเดียว ยังมีประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย

แต่ท้ายที่สุดไม่มีการหายตัวใด ที่ไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัว ซึ่งครอบครัวจะต้องมีความเกี่ยวข้องแน่นอน แม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

มูลนิธิกระจกเงา ชี้ ทุกคดีเด็กหาย ครอบครัวมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมข่าวอีจันได้รับรายงานว่า ทั้งนิ่มและพุด ไม่ต้องเข้าเครื่องจับเท็จแล้ว

โดย นิ่ม เผยว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ตำรวจสอบปากคำเสร็จประมาณ 4 ทุ่ม ตำรวจก็ปล่อยตัวกลับบ้านให้มาพักผ่อน เพราะวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ. 66) จะพาตัวไปเข้าเครื่องจับเท็จแต่เช้า แต่พอขับรถกลับถึงบ้าน ตำรวจโทรมาแจ้งว่าไม่ต้องไปแล้วนะ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร จะแจ้งมาอีกที

นิ่ม ยังเผยอีกว่า ยืนยันคำเดิมทุกอย่างที่พูดไปตั้งแต่วันแรกเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ยินดีเข้าเครื่องจับเท็จแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ต่อมาเวลา 10.25 น. ตำรวจได้มาเชิญตัว พุด-นิ่ม ออกไปจากบ้านพัก โดยตำรวจบอกว่าจะพาตัวไปสอบปากคำ ขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ในบ้าน พร้อมกับเชิญตัว ลุงพวง หนึ่งในเพื่อนบ้าน ที่เคยสอบปากคำไปก่อนหน้านี้ และล่าสุดช่วงเที่ยงที่ผ่านมา หลังจากที่ตำรวจพาตัว พุด-นิ่ม มาสอบปากคำ ที่ สภ.บางหลวง เสร็จได้พาตัว พุดและนิ่ม ออกไป โดยตำรวจระบุสั้นๆ ว่าจะพาไปคุยและเอาข้อมูลอะไรบางอย่างเพิ่มเติม

เลื่อนไม่มีกำหนด! ตร.ยังไม่ส่งตัว พุด-นิ่ม เข้าเครื่องจับเท็จ

ส่วนแนวทางคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เชื่อว่า พ่อแม่เด็ก ต้องรู้ว่าเด็กไปไหน ส่วนจะมีคนอุ้มไปหรือไม่อย่างไรนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการทำร้าย การทะเลาะกัน หรือการที่พ่อของเด็กอาจไม่ใช่พ่อแท้ๆ กำลังทำการตรวจดีเอ็นเออยู่ ส่วนจะบอกว่าใครมาอุ้มไปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยขอเวลาทำงานก่อน เชื่อว่าจะสามารถคลี่คลายคดีได้แน่นอน พร้อมยอมรับว่าสิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้คือไม่แน่ใจว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

วันนี้ (14 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 11.00 น. ชุดสืบสวนเชิญตัว นายพุด พ่อของน้องต่อ มาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับเก็บ DNA โดยนายพุด เดินทางมาด้วยตัวเอง ซึ่งวันนี้แปลกกว่าทุกวันที่ผ่านมา พุดพยายามหลบหน้า มีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

นอกจากนี้ช่วงเที่ยง ตำรวจชุดสืบสวนทยอยเชิญตัว บุคคลใกล้ชิดทั้ง พ่อนิ่ม ลุงเเจ้ และนายกล้า มาเก็บ DNA เพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบกับผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนที่ตำรวจจะทยอยพาขึ้นรถสืบสวนกลับไปส่งที่บ้าน และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์

ต่อมาเวลา 14.00 น. ตำรวจชุดสืบสวน นำตัวนิ่ม กลับมาที่ สภ.บางหลวง จากการที่พานิ่มไปแยกสอบที่อื่น โดยตำรวจให้นิ่มเข้าไปคุยส่วนตัวกับ นายประสาน อายุ 58 ปี พ่อของนิ่ม ถามไถ่ลูกสาวเป็นการส่วนตัว ซึ่งมีจังหวะหนึ่งที่กำลังพูดคุย สีหน้าของนิ่ม มีน้ำตาคลอ และท่าทีดูเครียดกว่าทุกวันที่ผ่านมา

หลังจาก นิ่ม คุยกับพ่อเสร็จ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้ตำรวจนำตัวไปตรวจสอบเส้นทางการเดินทางของตนในวันเสาร์ที่ 4 ก.พ. 66 ซึ่งเป็นวันก่อนเกิดเหตุ โดยวันนั้นเดินทางไปสถานที่ต่างๆทั้งหมด 4 ที่ ได้แก่ โรงงานที่พุดทำงาน ,สถานนีอนามัยบางไทรป่า ที่ตนพาน้องต่อไปหาหมอ ,บ้านป้าของนิ่มที่บางแลา และบ้านลุงแจ้

ซึ่งการสอบปากคำในวันนี้เป็นเหมือนการสอบปากคำที่ผ่านมา เธอยืนยันว่าเธอพูดความจริงไปหมดแล้ว ซึ่งคำตอบก็เป็นคำตอบเดิม ยืนยันไม่ได้ฆ่าและไม่ได้ขายลูกให้กับใคร โดยหลังจากนี้หากตำรวจจะส่งเข้าเครื่องจับเท็จก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะอยากตามหาลูกสำหรับประเด็นเงิน 15,000 บาท ที่สื่อมวลชนได้รับรายงานมานััน นิ่มเผยว่า จากการที่ตำรวจตรวจสอบ บัญชีธนาคารกสิกรไทยของพุด ตำรวจแจ้งว่าไม่พบความผิดปกติ และเงิน 15,000 บาท ขอปฏิเสธว่าไม่ใช่บัญชีธนาคารออมสิน แต่เป็นบัญชีธนาคาร ธกส. ซึ่งเป็นเงินค่าคลอดบุตร โอนมาตอนที่น้องต่ออายุได้ 4 เดือน พร้อมยืนยันว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไป

นิ่ม ยังเล่าให้ฟังอีกว่า “ยอมรับว่าหลังเกิดเหตุ บางคืนถึงกับสะดุ้งตื่นมานั่งร้องไห้เพราะคิดถึงลูกชายมาก ตราบใดที่ยังไม่พบศพลูกชายตอนนี้ตัวเองก็มีความหวังว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ แต่ความมั่นใจในวันนี้ยอมรับว่าน้อยลงเพราะเวลาผ่านไป 10 วันแล้ว ส่วนตัวมองว่า คงมีคนนำลูกไปเลี้ยงดูอยู่อย่างดีในตอนนี้”

ยันคำเดิม! “แม่นิ่ม” ยันทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ยินดีเข้าเครื่องจับเท็จ

จนกระทั่ง เมื่อกี้นี้ พี่ของ พุด เอาข้อความนี้ มาให้อีจันดู

“บอกพ่อด้วยนะ”

“ว่าวันนี้กูโดนจับ”

“หมี”

“ฝากบอกพ่อด้วยนะ”

“เผื่อเขาเป็นห่วง”

พี่หมี เล่าว่า ตอนแรกที่เห็นข้อความก็ตกใจ จึงรีบกลับมาจากไร่ที่ทำงาน มุ่งตรงมาหาน้องที่ สภ.บางหลวง เพราะอยากรู้ว่า น้องมันทำอะไรผิด มันติดคุกเพราะอะไร

ซึ่งจากข้อความรู้เลยว่าเป็นน้องชายส่งมาบอกเพราะภาษาแบบนี้ต้องเป็นพุดแน่ๆ นิ่มไม่เคยคุยแบบนี้

พี่หมี ยังบอกอีกว่า “เป็นห่วงมันและรักมันนะ ถึงจะไม่ค่อยคุยกัน แต่มันก็เป็นน้อง ยังไงเลือดมันก็ข้นกว่าน้ำ”

เมื่ออีจัน สอบถามตำรวจ ทางตำรวจยังไม่ขอให้ข้อมูลหรือ ตำรวจจะได้ข้อสรุปของคดีนี้แล้ว

คนแปลกหน้าที่อยากเจอที่สุด!!!

7 วันแล้วค่ะ ที่อีจัน มาอยู่ที่นครปฐม เพื่อติดตามการคลี่คลายปริศนาการหายตัวไปของ น้องต่อวัย 8 เดือนวันนี้ เป็นวันแรกที่บรรยากาศต่างจากทุกวัน ปกติจะมีเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่สืบกันพลุกพล่านหมู่บ้าน ห้องสืบก็มีตำรวจเดินถือซองหลักฐานเข้าออกกันตลอดทั้งวัน

แต่วันนี้ บรรยากาศเงียบ ห้องสืบปิดมิด แต่มีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ภายในห้องรถที่เคยจอดเต็มโรงพัก วันนี้แทบจะไม่มีเลยค่ะเจ้าหน้าที่น่าจะกำลังเจาะลึกคดีนี้อยู่

ขอให้สัญญาณนี้ เป็นสัญญาณที่ดีด้วยเถอะ

เราเอง ที่ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่พ่อแม่เด็ก ยังภาวนาตลอดเวลาให้ได้เจอน้อง ลุ้นทุกครั้งที่ตำรวจลงตรวจ ที่ตำรวจออกมาให้สัมภาษณ์ หวังตลอดให้ได้รับข่าวดี

ขอให้เราได้เจอกันเร็วๆนะ น้องต่อ

นิ่ม ให้สัมภาษณ์ ถึงรอยคราบเลือดบนหมอน ยอมรับ คือคราบเลือด น้องต่อ จริง

เพราะ น้องต่อปากแตกหน้าหนาว

และยังปักใจ คนนอกตามมาขโมยลูกไป

วันนี้(11 ก.พ. 66) นิ่ม แม่ของน้องต่อ เปิดเผยว่าในวันที่น้องต่อหายไป เธอให้ลูกกินนมอยู่บนหมอนของน้อง ซึ่งอยู่ติดกับตัวนิ่ม ไม่ได้อยู่บนอกของเธอตามที่ข่าวออกไป


ในวันนี้ผ่านมา 7 วันแล้ว เธอยังไม่รู้ว่าใครเอาลูกเธอไป หรือเอาไปด้วยจุดประสงค์อะไร แต่ไม่ได้คิดว่าเป็นคนในครอบครัว หรือคนในหมู่บ้าน คาดว่าอาจจะเป็นคนรู้จัก ที่ไม่สนิท แต่อาจจะเคยเห็นน้อง และอยากเอาน้องไปเลี้ยง

ยืนยันว่าในวันนั้นเห็นผู้ชายสวมเสื้อสีเหลืองวิ่งอุ้มออกไปจากบ้านจริงๆ ในตอนที่ชายสวมเสื้อสีเหลืองวิ่งออกไปลูกก็ไม่มีท่าทีร้องไห้โวยวายอะไร ซึ่งปกติแล้วถ้าเป็นคนแปลกหน้าอุ้มไปน้องจะร้อง ถ้านับคนที่อุ้มน้องแล้วไม่ร้องเลยคือ มีคุณยายของนิ่ม นิ่ม พุด และป้าของน้องต่อ แค่ 4 คนนี้เท่านั้น

และอยากจะบอกคนในหมู่บ้านว่าอย่าเข้าใจผิด เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องเรียกชาวบ้านไปสอบปากคำอยู่แล้ว เพราะวันนั้นมันไม่มีใครเห็น และไม่มีกล้องวงจรปิดจับภาพได้เลย ซึ่งตัวนิ่มเองไม่ได้สงสัยคนในหมู่บ้านเลย ตอนนี้สงสัยแค่คนนอกหมู่บ้านเท่านั้น

สงสารเด็ก หากตอนนี้ยังมีชีวิตจะร้องไห้ทรมานเพียงไหน ที่ต้องพลัดจากอกแม่แต่หากเรื่องนี้เลวร้ายที่สุด ชีพจรเด็กเป็น 0 ต้องล่าให้ได้คำตอบ ใครเป็นคนทำร้ายเด็ก

150 ชั่วโมงแล้วค่ะ ที่น้องต่อ วัย 8 เดือน หายตัวปริศนา เบาะแสตอนนี้ ยังอยู่ในการคาดการณ์ว่ามีคนอุ้มเด็กไป ตามคำให้การแต่เจ้าหน้าที่ก็ระดมค้นหากันเต็มกำลัง ทั้งในป่า ในคลอง บ่อน้ำใกล้บ้านหรือแม้แต่ในบ้านเด็กเอง ที่พ่อแม่อาศัยอยู่ เจ้าหน้าที่ก็ค้นทุกซอกทุกมุม

เหตุการณ์ทุกอย่าง มีที่มาที่ไปเสมอ ไม่มีเรื่องบังเอิญ ที่ทำให้คน 1 คน หายตัวไปแน่นอน

ทุกนาทีมีค่าต่อชีวิตน้องมาก ช่วยกันภาวนาค่ะ ให้เจอ น้องต่อโดยเร็ว และขอให้น้องยังปลอดภัย

เธอเปิดเผยสั้นๆ ว่ารอยเลือดอันนี้เป็นรอยเลือดเก่าของน้องต่อ ตอนช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมา น้องต่อปากแตก แล้วเลือดมันหยดตรงหมอน ยืนยันไม่ใช่รอยใหม่แน่นอน

6 วันแล้วนะคะ ที่ น้องต่อ เด็กวัย 8 เดือนหายออกไปจากบ้าน ในช่วงเวลา 07.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ. 66 เมื่อวานนี้ตำรวจ สภ.บางหลวง ขอเบาะแสจากประชาชน ที่สามารถทำให้เจอตัวน้องได้ จะได้เงินรางวัล 10,000 บาท

ล่าสุดวันนี้ (11 ก.พ. 66) อีจันได้สอบถามความคืบหน้ากับ พันตำรวจเอกพัลลภ สุริยะกุล ณ อยุธยา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้เปิดเผยว่า วันนี้จะใช้เจ้าหน้าที่ เดินเท้าเข้าตรวจสอบบริเวณป่า ที่ข้างหมู่บ้านเพื่อค้นหาน้องต่ออีกทางหนึ่ง

ส่วนทางตำรวจสืบสวน ตอนนี้กำลังเร่งไล่กล้องวงจรปิดทั้งหมดที่มี เพื่อเร่งตามหาคนที่เอาตัวน้องต่อไป

เป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยชั่วโมงแล้วที่น้องต่อ เด็กชายวัย 8 เดือน หายตัวไปอย่างปริศนา ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลจาก พุด-นิ่ม เพื่อนบ้านและผู้ต้องสงสัย ที่ก่อนหน้านี้ ถูกคาดว่าเป็นคนอุ้มน้องไปจากบ้าน

ลุงแจ้ เปิดใจว่า ที่ผ่านมาตนเองกับพ่อของนิ่มสนิทกัน และตนเองก็เคยเห็นนิ่มมาตั้งแต่เด็กแล้วสนิทกับนิ่ม เพราะ ช่วยไปรับส่งนิ่ม กลับมาที่บ้าน เพราะนิ่มต้องพาแม่ไปหาหมอ

ลุงแจ้ ยังยืนยันเสียงหนักแน่นว่า ไม่ได้เอา น้องต่อไป ช่วยเขาตามหาด้วยซ้ำ เสียหายมากที่โดนสงสัยแบบนี้พร้อมบนบานว่า ถ้าเจอ น้องต่อ จะบวชแก้บน

วันนี้(9 ก.พ. 66) พลตำรวจตรีจักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดี น้องต่อ เด็กน้อยวัย 8 เดือนที่หายออกไปจากบ้าน

ก่อนจะเข้าประชุมกับทีมสืบสวน ก็ได้เปิดเผยสั้นๆ ว่าคณะนี้ค่อนข้างที่จะยาก เพราะพยานที่เป็นกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่ใกล้กับบ้านของน้องต่อไม่มี แต่ก็พยายามรวบรวมกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านทั้งหมดแล้ว ก็ได้มาพอสมควร

แล้วความยากอีกอย่างคือคำให้การของแม่เด็กเอง ที่ยังไม่ชัดเจน อ้างเพียงเวลานั้นเพิ่งตื่นนอน เลยเห็นอะไรไม่ชัด ไม่ได้เห็นว่าคนที่เอาลูกไปคือใคร

และในตอนนี้เองได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของเรา ลงพื้นที่อย่างเต็มกำลังไปติดตามเรื่องนี้ เพื่อที่จะเร่งติดตามหาเด็กให้ได้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

ในส่วนของบุคคลที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับทางพ่อ และแม่ของเด็ก ยังไม่มีข้อมูลอะไรที่มันชัดเจน ว่าเป็นคนเอาตัวเด็กไปหรือไม่ ตอนนี้ก็มีคนที่สงสัยอยู่ 2-3 คน บางคนได้ไปติดตามดูแล้ว เขามีที่อยู่ชัดเจน ส่วนที่เรากำลังสงสัยที่เหลือเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับทางฝ่ายแม่ของน้องต่อ แต่ไม่ใช่คนในครอบครัว

ในส่วนชายสวมเสื้อสีเหลืองที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ไปหามาได้ ก็ได้ตรวจสอบแล้วในเบื้องต้น ซึ่งคาดว่าจะไม่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ตัดทิ้งไป ก็ยังตรวจสอบในเชิงลึกอีก ว่าชายคนนี้ได้เข้ามาในหมู่บ้านหรือไม่

ตอนนี้ยังคงยืนยันว่าคนที่เอาตัวเด็กไป น่าจะเป็นคนที่รู้จักกับพ่อแม่เด็ก หลังจากนั้นพลตำรวจตรีจักรกฤษ ก็ได้ฝากไปถึงคนที่อุ้มเด็กไปว่า คนไหนที่อุ้มเด็กไปในวันนั้น ก็ขอให้เอาเด็กมาคืน

วันที่ 4 แล้วที่น้องต่อหายไปจากครอบครัว จนถึงตอนนี้เราก็ยังคงไม่รู้ว่าใครกันแน่แต่เอาน้องต่อไป ก็ได้แต่ภาวนาให้เจอน้องต่อให้ได้เร็วที่สุด

ผู้การฯ จ.นครปฐม คาด คนใกล้ตัว คือคนเอา น้องต่อ ไป

เนื่องจากยังมีประเด็นที่ทางเจ้าหน้าที่สงสัยอยู่ โดยเมื่อวานนี้มีการสอบสวนทั้งคู่แยกกันเพื่อหาข้อมูลมาประกอบ ให้คลี่คลายคดีให้ได้เร็วที่สุด

ในส่วนของวันนี้จะได้ความคืบหน้าอะไรบ้าง คงต้องรอติดตามกันต่อ เราคาดหวังว่าจะได้เจอน้องต่อเร็วๆ นี้ค่ะ

วันนี้ (9 ก.พ. 66) ทีมข่าวอีจันได้สอบถามความคืบหน้าจากทีมสอบสวน ที่รับผิดชอบคดี น้องต่อ เด็กชาย 8 เดือนที่หายไปอย่างปริศนา

ทีมสอบสวนเปิดเผยว่า ตอนนี้พุ่งเป้าไปที่ 3 ประเด็นหลัก คือมีคนใกล้ชิด มาอุ้มเด็กไป เนื่องจากมีข้อมูลจากพยานว่า เห็นผู้ชายสวมเสื้อสีเหลืองมาอุ้มน้องต่อไป แต่เด็กไม่มีการร้องโวยวาย ซึ่งสอดคล้องกับที่ครอบครัวของน้องต่อบอกว่าน้องไม่ให้คนแปลกหน้าอุ้ม

ส่วนอีกประเด็นตำรวจมุ่งเป้าไปที่ประเด็นการฆาตกรรม ซึ่งในช่วง 3 วันที่ผ่านมาก็ทำการค้นหาแทบทุกทางที่ทำได้แล้วใช้ทั้งสุนัขดมกลิ่น และ ใช้โดรนจับค่าความร้อนในร่างกายมนุษย์ บินสำรวจ พื้นที่ใกล้บ้านและบริเวณป่ารกร้าง ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาใช้โดรนบินไป 6 ชั่วโมง ก็ยังไม่พบเบาะแสอะไร

และอีกประเด็นที่ตำรวจตั้งข้อสงสัย คือเรื่องการซื้อขายบุตร เนื่องจากว่าสถานะทางการเงินของครอบครัวนี้ค่อนข้างที่จะแย่ ซึ่งตอนนี้ตำรวจได้เอาโทรศัพท์ของทั้งพุด และนิ่มไปตรวจสอบแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการขยายผล

ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการสืบสวน สอบสวน ในขณะที่สังคมก็กำลังตั้งคำถามว่า น้องต่อ วัย 8 เดือน หายไปได้อย่างไร

ตำรวจ พุ่งเป้า 3 ประเด็น สำคัญ คดีน้องต่อ เด็ก 8 เดือน หายปริศนา

เจ้าหน้าที่สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ เปิดเผยว่า การวางเเผนบินโดรน ดูจากพื้นที่บริเวณที่พ่อแม่น้องต่อเเละชาวบ้านชี้จุด โดยรอบแรกใช้โดรนบินความสูง 90 เมตร เพื่อตีกรอบในการตรวจจับ ถ้าพบจุดที่สงสัยก็จะลดความสูงลงมาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน

ซึ่งบริเวณป่าหญ้ามีหิน และปูนอยู่เยอะ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ยากต่อการตรวจจับ เพราะปูนจะมีความร้อนสะสม ในตัวทำให้โดรนจับขึ้นเป็นจุดสีเเดง แต่สามารถแยกได้ เพราะถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตจะเป็นจุดสีส้ม และไม่ได้สะสมความร้อน

แต่ด้วยนิสัยของนิ่มเอง ที่บางครั้งอยากจะคุยก็คุย บางวันที่ไม่อยากคุยก็ไม่คุย แต่ก็ดูเป็นคนรักลูก เวลาที่จะไปไหนมาไหน ก็จะเอาลูกชายติดตัวไปด้วยตลอด ไม่เคยทิ้งลูกเลย

ส่วนน้องต่อ ก็จะมีคนมาอุ้ม มาเล่นด้วยอยู่ตลอด เพราะเป็นเด็กน่ารัก และเข้ากับคนง่าย เวลาคนมาอุ้ม มาเล่นก็ไม่ค่อยร้อง

หลังจากที่น้องต่อหายไปนิ่มกับพุดก็ช่วยกันตามหา วันนี้ก็ขอมาอุ้มลูกของเธอ พอได้มองไปที่ตาของนิ่มแล้วก็คิดว่านิ่มก็คงจะคิดถึงลูกเหมือนกัน

น้องต่อไปอยู่ที่ไหนลูก หิวนม หิวข้าวแย่แล้วมั้งตอนนี้

วันนี้(8 ก.พ. 66) ตำรวจได้ให้ลุงวีลองจำลองเหตุการณ์เดินจากบ้านของลุงวีไปยังบ้านน้องต่อ และยังให้ลุงวีดูบุคคลในภาพวงจรปิด ที่เจ้าหน้าที่ได้มาว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่ แต่ลุงวีบอกว่าไม่ใช่

หลังจากนั้น รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครปฐม ได้มาที่บ้านลุงวี และระแวกบ้าน เพื่อสอบถาม แล้วได้เดินสำรวจภายในซอยที่ลุงวีบอกว่าชายเสื้อเหลืองวิ่งเข้าไป

นอกจากนั้นยังขอเจ้าของบ้านเพื่อเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน เนื่องก่อนหน้านี้ยังไม่ได้มีการเข้าตรวจสอบ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วก็ไม่พบความผิดปกติอะไร

โดยจะเริ่มบินโดรนกันตั้งแต่คืนนี้เวลาประมาณ 20.00 น. เพื่อทำการค้นหาน้องต่อที่หายไป

หวังว่าคืนนี้เราจะได้ข่าวดี และภาวนาให้เจอตัวน้องต่อเร็วๆ นี้

ทีมข่าวอีจันได้พูดคุยกับ ป้าดา บ้านหลังดังกล่าวที่อยู่บ้านของน้องต่อ ป้าดาเล่าว่า ให้ลูกชายถอดกล้องออกมาดูว่ามีเมมโมรี่การ์ดหรือไม่ เเต่เมื่อถอดเเล้วปรากฏว่าไม่มีเมมอยู่จริง จึงให้ตำรวจเข้ามาดูพร้อมกับช่างกล้อง เเล้วจึงเห็นว่ากล้องใช้ไม่ได้จริงๆ จึงเก็บกล้องเอาไว้ไม่ได้เอาไปติดที่เดิม

ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองติดกล้องไว้ตรงนี้เพื่อกันขโมย ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ได้ให้ความรวมมือกับเจ้าหน้าตลอดไม่ได้ผิดบังอะไรใดๆ ยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจ

ล่าสุดเช้าวันนี้ (8 ก.พ. 66) พลตำรวจตรีจักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม จะมีการเรียกประชุมทีมสืบสวนมาประชุมเพื่อหาแนวทางในการทำงาน

ขณะที่ พันตำรวจเอกพัลลภ สุริยะกุล ณ อยุธยา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ให้ข้อมูลว่า เมื่อวานนี้ ได้สอบปากคำแม่เด็กตลอดทั้งคืนด้วยตัวเอง จนกระทั่งถึงเที่ยงคืน ตัวแม่เด็กเริ่มให้การที่เป็นประโยชน์มากขึ้น และสามารถชี้เป้าหมายและตีวงให้ตำรวจได้มากขึ้น

โดยช่วงเช้าวันนี้จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไปตรวจสอบบ้านเป้าหมาย 2 หลัง หลังแรกอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และมีข้อมูลว่าหลังเกิดเหตุคนในบ้านหลังดังกล่าวพยายามหลบหน้า ส่วนบ้านหลังที่ 2 อยู่ภายนอกพื้นที่ เป็นบ้านที่แม่เด็กชอบอุ้มลูกไป

แต่ทั้งหมดเป็นเพียงข้อสันนิษฐานและพิสูจน์ทราบเท่านั้น ยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิด หากไม่เกี่ยวข้อง จะต้องตัดออกไปทีละประเด็นตามที่ตัวแม่เด็กสงสัย ซึ่งในวันนี้จะนำแม่เด็กมาสอบปากคำอีกรอบ คาดว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้น

อย่างไรก็ตามตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดทางตำรวจเน้นย้ำเรื่องที่จะต้องตามหาตัวเด็กให้พบและมีความหวังว่า “เด็กจะต้องยังมีชีวิตอยู่”

แม่น้องต่อ ให้เบาะแส บ้าน 2 หลัง ขโมยลูกชายไป

เบื้องต้น ทีมข่าวได้รับรายงานว่าวันนี้จะมีการเรียกสอบ บุคคลที่แม่ของน้องต่อ ไปหาอยู่บ่อยครั้ง จำนวน 3 คน อาจมีการขอหมายค้นเพื่อเข้าค้นบ้านเพิ่มเติมด้วย และยังมีการสั่งการให้ไล่กล้องวงจรปิดทั้งหมด เพื่อไล่ดูไทม์ไลน์ให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุด

เวลา 16.40 น. วันที่ (7 ก.พ. 66) นายกล้าและพ่อ ออกมาจาก สภ.บางหลวง หลังจากเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งทั้งคู่มีสีหน้าไม่มีความกังวลแต่อย่างใด

โดย นายสราวุฒิ พ่อนายกล้า เล่าว่า ตำรวจบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว น่าจะจบภายในวันนี้ ตนจึงถามย้ำไปว่าแล้วจะต้องมาอีกหรือไม่ ตำรวจบอกว่าเคลียจบแล้ว เพราะจะพยายามตัดประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องทิ้ง เพื่อที่จะมุ่งประเด็นไปเรื่องเดียว เพื่อเหลือเพียงประเด็นที่ต้องสงสัยจริงๆ

ด้าน นายวุฒิพัฒน์ หรือ นายกล้า เผยว่า ตนเคยคบกับนิ่มจริง ตอนเรียนด้วยกันที่โรงเรียนเก่า เป็นการคบกันระยะสั้นเพียง 2 เดือน แล้วก็เลิกลากันไป พอหลังจากเลิกกันไปนิ่มก็ย้ายโรงเรียนไปและไม่ได้คุยกันอีกเลย ปัจจุบันก็ 3 ปีแล้ว

นายกล้า ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้น และยืนยันว่าตัวเองไม่เคยกลับมาคบกับนิ่ม อย่างที่เป็นกระแสข่าวก่อนหน้านี้

สิ้นสงสัย “กล้า” อดีตแฟน “นิ่ม” ไม่มีความเกี่ยวข้อง

นักข่าวถาม : เขาทะเลาะกันบ่อยไหม ?

พี่สาวบอก : มันเถียงกันทุกวัน เกี่ยงกันดูลูก

ตอนลูกร้อง ก็เกี่ยงกันขึ้นไปชงนมให้ลูกกิน

เรื่องนี้เป็นเพียงข้อมูลจากคนรอบข้างเท่านั้น ความจริงคืออะไร อย่าเพิ่งด่วนสรุปค่ะ ตอนนี้ตำรวจกำลังพิสูจน์ความจริงให้กระจ่าง

ขอให้ น้องต่อ ปลอดภัยนะลูก

ซึ่งเรื่องนี้พุดได้ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ส้วมมีกลิ่นเหม็นและมีแมลงออกมา ตนจึงทำการโบกปูนปิดบริเวณรอบๆ ขอบส้วมเพื่อดับกลิ่น เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนจากการที่ ตำรวจให้สุนัขดมกลิ่นบริเวณปูนที่โบกขึ้นใหม่ผลสรุปคือ สุนัขตำรวจตรวจสอบแล้ว ไม่พบจุดต้องสงสัย

ทีมข่าวจึงได้ลงไปที่บ้านของสาวที่ถูกกล่าวอ้าง แต่ไม่พบตัว เมื่อสอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กับบ้านของหญิงสาวที่ถูกกล่าวอ้าง เผยว่า ไม่ได้ยินเสียงเด็กร้อง และไม่เห็นเด็ก ถ้าเรื่องเด็กร้องไม่มีเลย

วันนี้ ( 7 ก.พ 66 ) ยังเดินหน้าต่อกับภารกิจตามหาน้องต่อ วัย 8 เดือน หายตัวปริศนา เวลา 10.30 น. นายสุทธิเกียรติ โสภณิก หัวหน้าทีมสุนัขค้นหาเเละกู้ภัย ได้วางแผนปูพรม การค้นหาด้วยการใช้สุนัขดมกลิ่น จำนวน 2 ตัว ในการค้นหา

โดยให้สุนัขดมกลิ่นจากบริเวณบ้านของน้องต่อ เเละเดินตระเวนบริเวณป่าและพื้นที่ใกล้บ้าน ขณะนี้ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ

น้องต่อหนูอยู่ไหนลูก ขอให้หนูปลอดภัยเเละกลับมาหาครอบครัวไว้ๆนะ

6 ก.พ. 66 ช่วงเย็นที่ผ่านมา ทีมประดาน้ำมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ได้ลงค้นหาในคลองหลังบ้านที่เกิดเหตุ ห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร แต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใด เบื้องต้นระดับน้ำในคลองลึกประมาณ 12 เมตร อุปสรรคคือใต้น้ำมีดินสไลด์อาจเกิดอันตราย เจ้าหน้าที่จึงต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง โดยได้มีการประสานทีมเรือซาวเดอร์มาเสริมและจะลงดำควบคู่กันไป

นอกจากนี้ทางตำรวจได้ส่งทีมสุนัขดมกลิ่นเข้ามาร่วมค้นหาด้วย โดยปูพรมค้นหาบริเวณป่าและพื้นที่รกร้างใกล้บ้าน ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใดเช่นกัน

ขณะที่ พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม เผยว่า ทางตำรวจจะค้นหาน้องต่อทุกรูปแบบทั้งทางบกและทางน้ำ เนื่องจากตอนนี้มีเป้าหมายคือต้องหาตัวน้องต่อให้เจอโดยเร็วที่สุด เพราะน้องอายุเพียง 8 เดือน จึงต้องหาตัวให้พบเพื่อยืนยันว่าน้องปลอดภัยดี ส่วนการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ ได้เชิญตัวทั้งคนเห็นเหตุการณ์ ชาวบ้านในหมู่บ้าน พ่อแม่เด็ก ญาติของพ่อแม่เด็ก รวม 10 กว่าคน มาสอบปากคำแล้ว ที่ สภ.บางหลวง สำหรับข้อสันนิษฐานตอนนี้คาดว่าคนใกล้ชิดเป็นคนอุ้มน้องต่อออกจากบ้าน แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใคร อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และตนยังได้สั่งการให้ชุดสืบสวนแกะรอยกล้องวงจรปิดที่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุที่สุด และเป็นกล้องวงจรปิดตามเส้นทางนอกหมู่บ้านรวม 20 กว่าตัว

คืนนี้เจ้าหน้าที่จะค้นหาอีกสักพักใหญ่ในช่วงกลางคืน แล้วจะหยุดพักทีม เริ่มการค้นหาต่อในวันพรุ่งนี้อีกรอบค่ะ อีจันเกาะติด รอติดตามความกระจ่างคดีเด็กหายปริศนาด้วยกันนะคะ ขอให้น้องต่อปลอดภัย ได้กลับมาหาครอบครัวไวๆ นะลูก

ตอนนี้ข้อมูลการสูญหายของ น้องต่อ ยังไม่ชัดเจนมากค่ะพ่อแม่บอก คนใส่เสื้อเหลืองอุ้มไป แต่ใครใส่เสื้อเหลือง นั่นแหละ ปริศนา มาเอาน้องต่อไปจากบ้านได้ยังไง

ขอให้หนูปลอดภัยนะลูก ขอให้หนูได้กลับมาโดยเร็ว

ล่าสุดวันนี้(6 ก.พ. 66) ทีมข่าวอีจันลงพื้นที่ติดตามการตามหาน้องต่อ หนูน้อยวัย 8 เดือน ได้รับรายงานว่า พ.ต.อ.สุธี วรรณสูตร ผกก.สภ.บางหลวง ได้ประสานมูลนิธิสุขศาลานุเคราห์นครปฐม นำนักประดาน้ำ มาลงค้นหาบริเวณคลองที่เชื่อมกับแม่น้ำท่าจีน ห่างจากหลังบ้านของน้องต่อประมาณ 300 เมตร รวมถึงประสานสุนัขตำรวจเข้าค้นหาบริเวณป่าที่ใกล้เคียงกับคลองเช่นกัน


ส่วนการสอบปากคำพ่อและแม่ของน้องต่อ ยังไม่สามารถสอบสวนอะไรได้มาก เนื่องจากเจ้าตัวร้องไห้ตลอดเวลา สอบถามอะไรก็ตอบว่า “ไม่รู้” ทางตำรวจจึงต้องแบ่งชุดออกเป็นสองทีม คือชุดสอบสวนผู้เกี่ยวข้องหนึ่งชุด และอีกหนึ่งชุดคือชุดค้นหาในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงกับบ้านของเด็ก
นอกจากนี้ยังเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ และส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่บ้านของผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเด็นที่มีการต้องข้อสังเกตว่าจะเชื่อมโยงกับอดีตแฟนของแม่เด็กหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทราบชื่อและมีข้อมูลแล้ว อยู่ระหว่างการประสานติดตามตัวมาสอบปากคำ
รอติดตามการค้นหา “น้องต่อ” ด้วยกันค่ะ ไม่ว่ายังไง ขอให้น้องปลอดภัย

ล่าสุด วันนี้ 6 ก.พ. 66 ทีมข่าวอีจันได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่บ้านหลังหนึ่ง ม.6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม พบกับ นายสิทธิโชค หรือพุด อายุ 19 ปี และ น.ส.พิไลภรณ์ หรือ นิ่ม อายุ 17 ปี พ่อ-แม่ ของเด็กที่หายตัวไป เล่าว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 7.00 น. ตนนอนอยู่ในบ้านกับภรรยาและลูก จู่ๆภรรยาก็มีทีท่าตกใจมาเรียกตนบอกว่ามีคนเข้ามาอุ้มลูกชายวัย 8 เดือนไป

ซึ่งตอนนั้นตนยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือ และคิดว่าคงเป็นผู้ใหญ่ในระแวกใกล้เคียงที่ขอบมาอุ้มน้อง เข้ามาอุ้มน้องไปเล่น แต่เมื่อลุกขึ้นออกมาดูหน้าบ้านปรากฎว่าไม่พบใครอยู่แล้ว และลูกก็หายไปด้วย โดยส่วนตัวปักใจเชื่อว่าเป็นแก๊งลักพาตัวเด็ก จึงอยากฝากไปถึงคนทั่วไปว่า หากพบเจอน้องต่อ วัย 8 เดือน มีจุดสังเกตคือมีเชือกหลายๆสี ผูกไว้ที่ข้อมือให้นำกลับมาคืน แล้วจะไม่ดำเนินคดี

นายพุด ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า พบเห็นผู้ชายสวมเสื้อสีเหลือง ใส่กางเกงขาสั้น เดินตัดเข้าซอยเล็กๆ ผ่านบ้านคน ทะลุออกคันดิน ที่เชื่อมต่อกับถนนใหญ่ ซึ่งนายพุดก็เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นการลักพาตัวเด็ก จึงได้ไปแต้งความที่ สภ.บางหลวง และยืนยันทุกสิ่งทุกอยากที่พูดเป็นความจริงทุกอย่าง ไม่ได้อยากดัง

พ่อ-แม่ ยัน! มีชายอุ้มลูกไป เล่าความจริงทุกอย่าง ไม่ได้ปั้นเรื่อง

ขณะเดียวกันทีมข่าวอีจันได้สอบถาม นายรุ่ง ลุงของนายพุด เล่าว่า ตนไม่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นการลักพาตัวเด็ก เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และชาวบ้านแถวนี้ก็รู้จักกันหมด ถ้ามีการลักพาตัวจริงก็ต้องมีรถตู้หรือรถคนแปลกหาเข้ามา

อีกทั้ง ตนสงสัยพฤติกรรมของ นิ่ม แฟนของพุด เนื่องจากเวลาพุดออกไปทำงาน นิ่มก็มักจะพาลูกออกไปข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง และยังเคยหายตัวออกไปจากบ้านเป็นสัปดาห์ ซึ่งที่ผ่านมาพุดค่อยตามง้อมาโดยตลอด

ต่อมาช่วงเวลา 11:00 น. ของวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว นายพุด (พ่อเด็ก) พร้อม น.ส.นิ่ม เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.บางหลวง ซึ่งขณะเดียวกันชุดสืบสวน สภ.เมืองนครปฐม พร้อมด้วย สภ.บางหลวง ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภจว.นครปฐม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านหลังเกิดเหตุ ม.6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม พร้อมเผยว่า ล่าสุด ตอนนี้ได้สั่งให้ชุดสืบสวน สภ.บางหลวง ลงพื้นที่แกะรอย และกระจายกำลังค้นหาในพื้นที่แล้ว หากยังไม่มีความคืบหน้า จะให้ชุดสืบสวนจาก สภ.เมืองนครปฐม เข้ามาช่วยค้นหาเพิ่มเติม

เบื้องต้น ได้นำตัวพ่อและแม่เด็กไปสอบปากคำที่ สภ.บางหลวง โดยแม่เด็ก ให้การเป็นประโยชน์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าตำรวจที่ได้สันนิษฐานว่า 80 เปอร์เซนเป็นคนที่รู้จักเข้ามานำตัวเด็กไป ส่วนจะมีคนในครอบครัวรู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ ต้องขอเวลาสอบปากคำเพิ่ม

ส่วนประเด็นที่พ่อเด็กสงสัย ว่าในพื้นที่มีแก๊งลักพาตัวเด็ก ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันเป็นไปได้ยาก เพราะจากสถิติแล้วในพื้นที่นี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในทำนองนี้ และไม่เคยได้รับแจ้งเหตุแบบนี้มาก่อน

เด็ก8เดือนถูกอุ้มหาย
หลังสอบปากคำพ่อแม่เด็กครั้งที่ 2 ตำรวจคาด เด็กถูกอุ้มไปโดยคนรู้จัก! รอง ผบก.ภจว.นครปฐม เผย หากเรื่องไม่คืบ จะส่งชุดสืบของ สภ.เมืองนครปฐม มาช่วยเพิ่ม

ตำรวจคาด เด็กถูกอุ้มไปโดยคนรู้จัก สั่งชุดสืบลงพื้นที่ตามหาแล้ว

ตำรวจ สภ.บางหลวง สอบปากคำพ่อแม่เพิ่ม หาเบาะแส ลูกหาย ครั้งที่2 คาด เด็กถูกอุ้มไปโดยคนรู้จัก รอง ผบก.ภจว.นครปฐม เผย สั่งชุดสืบลงพื้นที่ตามหาแล้ว

เบื้องต้น ตำรวจชุดสืบสวน ได้ไล่กล้องวงจรปิดตามหาบุคคลที่แม่เด็กให้ข้อมูลซึ่งเชื่อว่าเป็นคนที่อุ้มลูกไปแต่ก็ยังไม่พบ

ล่าสุดวันนี้ (6 ก.พ. 66) พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภจว.นครปฐม ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านหลังเกิดเหตุ เผยว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ชุดสืบสวน สภ.บางหลวง ลงพื้นที่แกะรอย และกระจายกำลังค้นหาในพื้นที่แล้ว หากยังไม่มีความคืบหน้าจะให้ชุดสืบสวนจาก สภ.เมืองนครปฐม เข้ามาช่วยค้นหา

ทั้งนี้ หลังตำรวจ สภ.บางหลวง ได้นำตัวพ่อและแม่เด็กไปสอบปากคำอีกครั้งเช้านี้ พบว่าแม่เด็กให้การเป็นประโยชน์ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า มีโอกาสถึง 80% คนที่อุ้มเด็กไปน่าจะเป็นคนที่รู้จักกับครอบครัวนี้ 

ส่วนจะมีคนในครอบครัวรู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ ต้องขอเวลาสอบปากคำเพิ่ม และประเด็นที่พ่อเด็กสงสัยว่าในพื้นที่มี แก๊งลักพาตัวเด็ก พ.ต.อ.พัลลภ ยืนยัน เป็นไปได้ยาก เพราะจากสถิติแล้วในพื้นที่นี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์และไม่เคยได้รับแจ้งเหตุแบบนี้มาก่อน

ตำรวจ สภ.บางหลวง ยัน ไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ขอสอบปากคำพ่อแม่เพิ่ม หาเบาะแส ลูกถูกอุ้มหาย

ลูกชายอายุ 8 เดือนหายออกจากบ้าน

พ่อวัย 19 ปี หวั่นใจ โพสต์ตามหา วอนคนอุ้มไปนำลูกมาคืน!

วานนี้ (5 ก.พ. 66) พ่อวัย 19 ปี แม่วัย 17 ปี พากันไปแจ้งความที่ สภ.บางหลวง อ.บางเลน จ.นครปฐม ให้ตำรวจช่วยตามหา ลูกวัย 8 เดือนหายจากบ้าน พ่อแม่เด็กเชื่อมีคนมาอุ้มลูกไป 

เบื้องต้น อีจันได้โทรไปสอบถามข้อมูลกับพ่อแม่เด็กเพิ่มเติม และได้ช่วยโพสต์ตามหาเด็กอีกทาง เพื่อกระจายข่าวให้ผู้คนได้เห็นมากขึ้นแล้วจะเจอตัวเด็กได้ไวขึ้น

ขณะเดียวกันอีจันได้รับรายงานจากตำรวจ ถึงคำให้การของพ่อแม่เด็ก เล่าว่า เช้าวานนี้ (5 ก.พ. 66) เวลาประมาณ 07.00 น. ตนทั้งคู่และลูกน้อยวัย 8 เดือนนอนหลับอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณหน้าบ้าน ขายน้ำอัดลม ไม่มีประตูบ้าน ใช้เพียงผ้าม่านกั้นเป็นห้องนอนแฟนของตน (พ่อเด็ก) ยังหลับอยู่ ส่วนตนนั้นกำลังสะลึมสะลือ แต่ก็รู้สึกได้ว่าลูกตื่นแล้ว และคลานเล่นอยู่บนที่นอนตามปกติ แล้วตนก็ผล็อยหลับต่อ

สักพัก ตนเห็นแผ่นหลังคนใส่เสื้อสีเหลืองมาอุ้มลูกไป มองไม่ชัดว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ซึ่งตนกำลังสะลึมสะลือ ตอนแรกก็ยังเข้าใจว่าเป็นญาติๆ มาอุ้มลูกไปเล่นเพราะละแวกบ้านมีบ้านญาติๆ กันอยู่ ซึ่งก็มักจะมีคนมาอุ้มลูกไปเล่น แต่พอช่วงสายเดินไปถามหาลูก กลับไม่มีใครเห็น และไม่มีใครอุ้มมา พวกตนถึงได้รู้ว่า… ลูกหาย !

ล่าสุดวันนี้ (6 ก.พ. 65) อีจันได้รับรายงานจาก ตำรวจ สภ.บางหลวง ว่าเวลาประมาณ 10.00 น. จะเรียกตัวพ่อกับแม่เด็กมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาเบาะแสก่อนจะนำไปประชุมเพื่อวางแผนแนวทางการสืบหาติดตามตัวเด็กมาคืนครอบครัวต่อไป

ทั้งนี้ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นข้อสงสัยใดๆ ทิ้ง และในวันนี้ก็จะติดตามดูกล้องวงจรปิดต่อไปเพื่อหาตัวบุคคลตามที่พ่อแม่ให้การไว้ในเบื้องต้น

ขอให้เด็กน้อยปลอดภัย กลับมาสู่อกพ่อแม่ไวๆนะ

อีจัน ติดต่อหา พุด ผู้เป็นพ่อ อายุ 19 ปี สอบถามเรื่องที่เจ้าตัวโพสต์ตามหาลูกในกลุ่ม ‘ข่าวสารบางเลน นครปฐม’ พุดให้เราคุยกับนิ่ม ผู้เป็นแฟนและแม่ของลูกที่หายไป โดยนิ่มเล่าว่า เช้าวันที่ 5 ก.พ. 66 เวลาประมาณ 07.00 น. ตนและแฟนพร้อมน้องต่อ ลูกน้อยวัย 8 เดือน นอนกันอยู่ในบ้าน ตอนนั้นรู้สึกตัวว่าลูกตื่นแล้ว และคลานเล่นบนที่นอนตามปกติเหมือนทุกวัน แต่ตนยังงัวเงีย ยังไม่ลุกตื่น และผล็อยหลับต่อ

จากนั้นตนรู้สึกว่า มีคนมาอุ้มลูกไป ตอนที่ลืมตาก็ยังงัวเงียอยู่ เห็นแผ่นหลังคนใส่เสื้อสีเหลือง เดินออกไป แต่มองไม่ชัดว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ในตอนแรกก็ยังเข้าใจว่าเป็นญาติๆ มาอุ้มลูกไปเล่น เพราะละแวกบ้านมีบ้านญาติๆ กันอยู่ในซอยนี้ ซึ่งก็มักจะมีคนมาอุ้มลูกไปเล่น แต่พอช่วงสายเดินไปถามหาลูก กลับไม่มีใครเห็น และไม่มีใครอุ้มมา ถึงรู้ว่าลูกถูกอุ้มหายไป

ตอนนี้ครอบครัวแจ้งความแล้วที่ สภ.บางหลวง จ.นครปฐม ส่วนบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ เป็นบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่มีผนัง หรือประตู มีเพียงตู้ใหญ่กั้นไว้ หน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายของเล็กๆ

หากใครพบเห็นเด็กน้อยในรูป โปรดแจ้งที่เพจอีจัน หรือติดต่อพุด พ่อเด็ก ที่เบอร์ 064-719-2806 นะคะ

สอบปากคำพ่อแม่เพิ่ม หาเบาะแส ลูกถูกอุ้มหาย