จากกรณีที่ดารา พิธีกรชื่อดัง เปิ้ล นาคร ศิลาชัย ได้ออกมาเรียกร้องเรื่องเงินอุดหนุน สนับสนุนให้กับนักกีฬาที่ลงแข่งขันในรายการระดับโลก หลังจากที่น้องออก้า นครา ศิลาชัย เเข่งขัน jet ski ชิงเเชมป์โลก ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ แต่กลับไม่ได้รับเงินรางวัลอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
โดยภายหลังทางกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ แห่งชาติได้ออกมาชี้แจง ว่า กรณีของ น้องออก้า นั้นไม่เข้าเงื่อนไขหลักเกณฑ์ได้รับเงินรางวัล เพราะจะต้องมีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 6 ประเทศ แต่รายการที่ น้องออก้า ลงแข่งขันนั้นมีเพียง 2 ประเทศที่เข้าร่วม คือ ประเทศไทย และ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ทางกองทุนไม่สามารถอนุมัติเงินรางวัลได้เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์
ล่าสุด ได้เกิดกรณีเดียวกันนี้กับนักกีฬาแบดมินตันอาวุโสที่ไปทำการแข่งขันรายการระดับโลก แต่กลับไม่ได้เงินรางวัลสนับสนุน หรือเงินอัดฉีดทั้งที่มีคุณสมบัติเข้าเงื่อนไขที่จะได้รับเงินรางวัลทุกประการ
แต่ในประกาศฉบับล่าสุดของกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ กลับไม่มีการนับรวมนักกีฬาอาวุโสอยู่ในเงื่อนไขที่จะได้รับเงินรางวัล ทั้งที่ก่อนหน้านี้กองทุนพัฒนาการกีฬาฯได้ให้เงินอัดฉีดมาตลอด นับตั้งแต่ปี 2015, 2018 และ 2021
ซึ่งนักกีฬาสูงอายุได้รับการดูแลในเรื่องนี้อย่างชัดเจนโดยมีระบุจำนวนเงิน และเงื่อนไขที่นักกีฬาสูงอายุที่ชนะในการแข่งขันรายการ BWF VIII WSC ที่ประเทศอินเดีย BWF IX WSC ที่ประเทศโปแลนด์ และ BWF X WSC ที่ประเทศสเปน ได้รับการสนับสนุนเงินรางวัลตามประกาศก่อนหน้า
แต่ปัจจุบันประกาศฉบับดังกล่าวนี้ กลับถูกยกเลิกไป และไม่มีการระบุถึงนักกีฬาสูงอายุ อัตราเงินรางวัล และเงื่อนไขการสนับสนุนเงินรางวัลแก่นักกีฬาสูงอายุอีก จึงทำให้กลุ่มนักกีฬาแบดมินตันอาวุโส ทีมชาติไทยได้ลงนามในหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ ได้ไปมอบให้ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุพัฒนาการกีฬาแห่งชาติการกองทุนฯ กับผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาเรื่องเงินรางวัลอัดฉีดและเงินสนับสนุนอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เดิมทีกลุ่มกีฬาที่จะได้รับเงินรางวัลอัดฉีดหรือเงินสนับสนุนนั้น ได้แก่ นักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัยรายการสมัครเล่นในรุ่นเยาวชน ยุวชน และรุ่นสูงอายุ ซึ่งแบ่งช่วงอายุการแข่งขันตามที่สหพันธ์กีฬาชนิดนั้นๆกำหนด ตามระเบียบการแข่งขันและเข้าร่วมในนามของทีมชาติไทยในระดับนานาชาติ
