
ก่อนหน้านี้ ตระกูลเกลเซอร์ ที่เป็นเจ้าของ แมนยู สโมสรดัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศหาผู้ร่วมลงทุนใหม่หลังถูกแฟนบอลประท้วงต่อต้านอย่างหนัก และได้รับความสนใจจาก เซอร์ จิม แรดคลิฟท์ มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ และ ชีค ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี นักธุรกิจใหญ่ เชื้อสายราชวงศเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ ให้ความสนใจในการร่วมประมูลซื้อทีมปีศาจแดงในครั้งนี้
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ครอบครัวเกลเซอร์ประกาศขายสโมสรได้มีการเสนอราคาแข่งกันอย่างดุเดือด จนในที่สุดทำท่าว่าจะจบลงที่ตัวเลข 6,000 ล้านปอนด์ หรือราว 2 แสนล้านบาท ตามการรายของ เดอะซัน สื่อจอมแฉประเทศอังกฤษ
แต่ล่าสุดดูเหมือนจะยังไม่จบง่ายๆ เมื่อ เดลี่ เมล สื่อแดนผู้ดีอีกเจ้า รายงานว่า ครอบครัวนักธุรกิจแดนมะกัน ส่อแววเปลี่ยนใจไม่ขายสโมสร แมนยู แล้ว เพราะยังไม่ได้ราคาตามที่ต้องการ โดยรายงานยังระบุด้วยว่าตัวเลขที่ทางตระกูลเกลเซอร์ต้องการ และพึงพอใจนั้นจะอยู่ที่ราว 7,000-10,000 ล้านปอนด์ คิดเป็นเงินไทยราว 3-4 แสนล้านบาท ซึ่งจะมีพิจารณาขายทีมอีกครั้งในปี 2025
หลังจากข่าวนี้ถูกเปิดเผยออกมาส่งผลให้หุ้นของสโมสรแมนยูร่วงไปถึง 18.22% ถือว่าหุ้นตกมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรนับตั้งแต่ 12 มี.ค. 2020 ซึ่งหุ้นเคยร่วงไปถึง 13.8% นอกจากนี้ยังส่งผลถึงมูลค่าราคาประเมินของสโมสรจากเดิมอยู่ที่ 3,600 ล้านปอนด์ เหลือเพียง 3,000 ล้านปอนด์ หรือราว 1.3 แสนล้านบาท
แต่ขณะเดียวกันสื่อชื่อดังอย่าง ESPN ได้รายงานสวนกระแสว่าทางตระกูลเกลเซอร์ยังไม่ได้ล้มเลิกความคิดในการขายสโมสรแต่อย่างใด ในส่วนการเทคโอเวอร์นั้นยังคงดำเนินการอยู่ แต่ในรายงานไม่ได้ระบุว่าเป็นกลุ่มทุนจากที่ใด
นับตั้งแต่ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกรูดม่านเปิดฉากขึ้น แมนยู ประสบปัญหาหลายๆด้าน ทั้งงบประมาณในการซื้อตัวผู้เล่น ฟอร์มการเล่นในสนาม และปัญหาส่วนตัวของนักเตะที่ล่าสุด เจอดอน ซานโช่ ตอบโต้การให้สัมภาษณ์ของ เอริค เทน ฮาก ผ่านสื่อออนไลน์ และประเด็นของ แอนโธนี่ ที่ถูกอดีตสาวคนสนิทแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย