ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023/2024 ผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ด้วยกัน ซึ่งยังคงความสนุกและเข้มข้นเช่นเคย มาตรฐานแต่ละทีมเริ่มสูงขึ้น ทีมเล็กสามารถต่อกรกับทีมใหญ่ได้ ทำให้การลุ้นแชมป์หรือลุ้นทำอันดับเพื่อไปแข่งขันฟุตบอลยุโรปสูสีขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปและเริ่มส่งผลต่อตัวนักเตะ สตาฟโค้ช รวมถึงผู้จัดการทีม คือ กฎกติกาใหม่ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่มีความเข้มงวดมากขึ้น รวมไปถึงเวลาที่ใช้ในการแข่งขันที่อาจเกิน 100 นาทีขึ้นไป ส่วนกฎกติกาใหม่ของพรีเมียรลีกจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างนั้น อีจัน สรุปมาให้ดูแล้ว
ห้ามรุมประท้วงผู้ตัดสิน
อีกหนึ่งภาพที่ชินตาเมื่อเกิดการทำฟาวล์ หรือการเข้าสกัดบอลที่รุนแรง คือการที่นักเตะจะวิ่งเข้ามารุมประท้วงผู้ตัดสินเพื่อให้แจกใบเหลือง-ใบแดง หรือลงโทษผู้เล่นที่ทำฟาวล์ แต่ในฤดูกาลนี้จะไม่สามารถทำได้แล้ว หากมีการรุมประท้วงผู้ตัดสินมากกว่า 1 คน ผู้ตัดสินสามารถแจกใบเหลืองได้ทันที เช่นเดียวกับการตะโกนโวยวายให้ผู้ตัดสินแจกใบเหลือง-ใบแดงให้กับคู่แข่ง คนที่โวยจะเป็นคนโดนเสียเอง
นอกจากนี้ แม้จะไม่ได้เข้าไปประท้วงผู้ตัดสินแต่แสดงอาการไม่พอใจ บ่น ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย หากผู้ตัดสินเห็นหรือได้ยินก็สามารถแจกใบเหลืองได้เช่นกัน ส่วนการเข้าพูดคุยหรือขอคำอธิบายจากผู้ตัดสินนั้นยังทำได้ แต่ต้องส่งตัวแทนไปพูดคุยเพียงคนเดียวเท่านั้น
ห้ามผู้จัดการทีม สตาฟ หัวร้อน
กฎใหม่นี้ยังส่งผลไปถึงผู้จัดการทีม และเหล่าสตาฟที่อยู่ข้างสนาม หากผู้จัดการทีมโวยวาย แสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม หรือรุมประท้วงผู้ตัดสินที่ 4 มีสิทธิ์ถูกใบเหลือง-ใบแดงได้ง่ายกว่าเดิม นอกจากนี้ในเขตพื้นที่เทคนิคข้างสนาม จะมีผู้จัดการทีมยืนได้เพียงคนเดียวเท่านั้น หากมีทีมงานเข้ามายืนด้วยก็มีสิทธิ์ที่จะโดนใบเหลืองทันที
ทดเวลาบาดเจ็บนานขึ้น
เดิมทีการทดเวลาบาดเจ็บนั้นจะนับหลักๆ เฉพาะเหตุการณ์ที่ทำให้เกมต้องหยุด อาทิ นักเตะบาดเจ็บต้องรับการปฐมพยาบาล แต่ในฟุตบอลโลก 2022 ได้มีการคิดคำนวณการทดเวลาบาดเจ็บใหม่ โดยจะรวมระยะเวลาอื่นๆ เพิ่มเข้าไป ได้แก่ การเปลี่ยนตัว (เดิมทีกรรมการจะบวกเพิ่ม 30 วินาที) ที่จะบวกเวลาตามจริงเพื่อป้องกันการถ่วงเวลา, การฉลองหลังยิงประตูได้ และเหตุการณ์อื่นๆ ซึ่งฤดูกาลนี้พรีเมียร์ลีกอังกฤษได้นำกฎนี้มาใช้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้การทดเวลาบาดเจ็บยาวนานขึ้นกว่าเดิม
ปล่อยเกมมากขึ้น
เพื่อให้การแข่งขันไหลลื่นมากขึ้น และลดการหยุดของเกมที่มากจนเกินไป ผู้ตัดสินจะปล่อยเกมมากขึ้นหากการเข้าปะทะ สกัด หรือทำฟาวล์ไม่ได้รุนแรง หรือเป็นจังหวะสำคัญเพื่อลุ้นทำประตู เช่น การเบียดไหล่ต่อไหล่ กระแทกหรือชนกันผู้ตัดสินจะปล่อยให้เล่นต่อโดยไม่มีการเป่าฟาวล์ให้ ส่วนการทำฟาวล์ที่รุนแรง เข้าสกัดในจังหวะสำคัญยังคงถูกลงโทษแจกใบเหลือง-ใบแดงเช่นเดิม
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.givemesport.com, www.skysports.com