คืนนี้นอนหนาว! เตือนวันนี้ (17 ม.ค.67) อากาศเย็น 20 องศา หลายพื้นที่

สภาพอากาศ วันนี้ (17 ม.ค.67) ดร.รอยล เตือน อากาศเย็นหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ กทม. ระหว่างวันที่ 17-19 ม.ค.67 ยะเยือกแน่

ดร.รอยล จิตรดอน ที่ปรึกษาสถาบันสารสนเทศน์ทรัพยากรน้ำ(สสน.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสภาพอากาศล่าสุดของประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลจากการตรวจสอบแบบจำลองสภาพอากาศ (วาฟ-รอม) ซึ่งเป็นการประเมินสภาพอากาศอย่างละเอียดและทันสมัย

จากการวิเคราะห์พบว่า เส้นความกดอากาศ 1020 ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงแนวลมเย็น ได้เคลื่อนตัวลงสู่ภาคกลางของประเทศไทยแล้ว นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของสภาพอากาศในภูมิภาค โดย ดร.รอยล คาดการณ์ว่า ระหว่างวันที่ 17-19 ม.ค.67 นี้ อุณหภูมิในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคกลาง จะประสบกับการลดลงของอุณหภูมิอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ซึ่งคาดว่าอุณหภูมิในค่ำวันที่ 17 ม.ค.67 จะลดลงถึง 20 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้ ดร.รอยล ยังชี้ให้เห็นถึงปรากฏการณ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ เช่น ปริมาณฝุ่นที่สูงขึ้น เนื่องจากอากาศนิ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการปะทะกันระหว่างลมเหนือและลมใต้ สถานการณ์นี้เป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงทางอากาศที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น ดร.รอยล ได้เปรียบเทียบสภาพอากาศของปีนี้กับปีที่ผ่านมา โดยระบุว่า ปีนี้จะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วง 3 วันดังกล่าว ซึ่งจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วที่มีอุณหภูมิประมาณ 17-19 องศาเซลเซียส หลังจากนั้น เขาคาดว่าอากาศจะค่อยๆ อุ่นขึ้น เนื่องจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดมาตลอดจนถึงสิ้นปี ซึ่งไม่ค่อยมีการขาดสาย

การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้จาก ดร.รอยล ไม่เพียงแต่เป็นการให้ข้อมูลที่มีค่าสำหรับการเตรียมตัวและการปรับตัวของประชาชนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจถึงรูปแบบและเทรนด์ของสภาพอากาศในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถนำไปสู่การวางแผนและการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต

ด้าน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากกระแสลมฝ่ายตะวันตกที่มีผลกระทบต่อภาคเหนือตอนบนและลาวตอนบน ส่งผลให้ภาคเหนือตอนบนยังคงมีฝนตกกระจายในบางพื้นที่ ขณะที่ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางยังปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้พื้นที่เหล่านี้รวมถึงภาคกลาง ตะวันออก และใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า และขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวใส่ใจดูแลสุขภาพในช่วงเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงนี้

โดยมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ส่งผลให้ภาคใต้เผชิญกับสภาพอากาศที่มีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักในบางแห่ง สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างจะมีความแรงปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และอาจสูงมากกว่านั้นในพื้นที่ที่มีฝนฟ้าคะนอง จึงแนะนำให้ชาวเรือในอ่าวไทยตอนล่างหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ในขณะเดียวกัน ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกจะมีการสะสมของฝุ่นละอองและหมอกควันในระดับปานกลางถึงมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลงและการระบายของอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรระมัดระวังและดูแลสุขภาพตามความเหมาะสม

สำหรับสภาพอากาศในแต่ละภูมิภาค:

ภาคเหนือ: อากาศเย็นในตอนเช้า มีโอกาสฝนตกประมาณ 10% โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส สูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส สูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว

ภาคกลาง: อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส สูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก: อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส สูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก): ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า ตอนล่างมีฝนฟ้าคะนอง 40% ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส สูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือมีความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นอาจสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก): มีฝนฟ้าคะนอง 20% ของพื้นที่ โดยส่วนใหญ่ในจังหวัดพังงา กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส สูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือมีความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ในบริเวณที่ห่างฝั่งและมีฝนฟ้าคะนองคลื่นอาจสูงมากกว่า 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล: มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส สูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือมีความเร็ว 10-20 กม./ชม.

โดยรวมแล้ว ประชาชนทั่วประเทศควรระมัดระวังและเตรียมตัวสำหรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและติดตามข้อมูลอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งดูแลสุขภาพและปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมตามสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่เพื่อความความปลอดภัยและสุขภาพที่ดี

กรมอุตุนิยมวิทยา
กรมอุตุนิยมวิทยา

ข่าวน่าสนใจอื่น:


คลิปอีจันแนะนำ

คลิปโซเชียล หนูน้อย 6 ขวบ ทุบกระปุกออมสิน บริจาคกู้ภัย