ผ่านช่วงวันหยุดสงกรานต์มาแล้ว หลายคนก็ต่างทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ทำให้การจราจรบนถนนหลายสายหนาแน่ แต่ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่เทศกาลสงกรานต์เพิ่งเริ่มขึ้น หรือกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
อย่างในหลายจังหวัด ที่จัดวันไหล 2566 นี้ ได้แก่
วันไหลบางแสน 2566: วันที่ 16-17 เม.ย.66 งานวันไหลบางแสน จัดขึ้นบริเวณชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี
วันไหลระยอง 2566: วันที่ 17 เม.ย.66 งานวันไหลปลวกแดง จัดขึ้นบริเวณ ต.บ้านปลวกแดง
วันไหลพัทยา 2566: วันที่ 19 เม.ย.66 งานวันไหลพัทยา จัดขึ้นบริเวณวัดชัยมงคล (พระอารามหลวง) และถนนชายหาดพัทยา
วันไหลพระประแดง 2566: วันที่ 21-23 เม.ย.66 งานสงกรานต์พระประแดง จัดขึ้นบริเวณตลาดพระประแดง จ.สมุทรปราการ
สภาพอากาศวันนี้ 17 เม.ย.66 ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัดขณะที่ อุณหภูมิความร้อน ก็ดูจะไม่ลดลาวาศอก เป็นใจให้ร้อนน้อยลงเลย นับวันยิ่งจะระอุเพิ่มขึ้น ซึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยา เผยค่าดัชนีความร้อนสูงสุดรายวัน ซึ่งเป็นค่าอุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกได้ โดยร่วมกับกรมอนามัย จัดทำขึ้นโดยคำนวณจากค่าอุณภูมิอากาศและความชื้นสัมพัทธ์ ถ้าความชื้นสัมพัทธ์สูงและอุณหภูมิอากาศสูง ยิ่งทำให้ค่าดัชนีความร้อนสูงมากยิ่งขึ้นไปด้วย
และร่างกายของคนเราจะขับเหงื่อออกไม่ได้ จึงทำให้รู้สึกร้อนมากกว่าปกติและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่แล้วค่าดัชนีความร้อน จะมีค่าสูงสุดในช่วงบ่ายของวัน จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
สำหรับวันที่ 17 เม.ย.66 พบว่า จังหวัดที่มีค่าดัชนีความร้อนสูงสุดรายภาค ดังนี้
ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ อยู่ที่ 42.2 องศาเซลเซียล
ภาคอีสาน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม อยู่ที่ 41.8 องศาเซลเซียล
ภาคกลาง เขตบางนา กทม. อยู่ที่ 49.2 องศาเซลเซียล
ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี อยู่ที่ 48.8 องศาเซลเซียล
ภาคใต้ จ.ภูเก็ต อยู่ที่ 46.7 องศาเซลเซียล
สำหรับ วันที่ 18 เม.ย.66 คาดการณ์ดังนี้
ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ อยู่ที่ 49.5 องศาเซลเซียล
ภาคอีสาน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม อยู่ที่ 44.7 องศาเซลเซียล
ภาคกลาง เขตบางนา กทม. อยู่ที่ 52.3 องศาเซลเซียล
ภาคตะวันออก อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อยู่ที่ 48.9 องศาเซลเซียล
ภาคใต้ จ.ภูเก็ต อยู่ที่ 50.7 องศาเซลเซียล
และ วันที่ 19 เม.ย.66
ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ อยู่ที่ 47.5 องศาเซลเซียล
ภาคอีสาน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม อยู่ที่ 45.1 องศาเซลเซียล
ภาคกลาง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อยู่ที่ 51.5 องศาเซลเซียล
ภาคตะวันออก อ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี อยู่ที่ 50.2 องศาเซลเซียล
ภาคใต้ จ.ภูเก็ต อยู่ที่ 51.1 องศาเซลเซียล
สำหรับค่าดัชนีความร้อน แบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้
ระดับเฝ้าระวัง แทนค่าดัชนีความร้อน 27-32 องศาเซลเซียล ผลกระทบต่อสุขภาพ คืออ่อนเพลีย วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวจากการสัมผัสความร้อน หรือออกกำลังกาย หรือทำงานใช้แรงงานท่ามกลางอากาศที่ร้อน
ระดับเตือนภัย แทนค่าดัชนีความร้อน 32-41 องศาเซลเซียล ผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการตะคริวจากความร้อน และเกิดอาการเพลียแดดหากสัมผัสความร้อนเป็นเวลานาน
ระดับอันตราย แทนค่าดัชนีความร้อน 41-54 องศาเซลเซียล ผลกระทบต่อสุขภาพ มีอาการตะคริวที่น่อง ต้นขา หน้าท้อง หรือไหล่ ทำให้ปวดเกร็ง มีอาการเพลียแดด และอาจเกิดภาวะฮีทสโตรกได้หากสัมผัสความร้อนเป็นเวลานาน
ระดับอันตรายมาก แทนค่าดัชนีความร้อน มากกว่า 54 องศาเซลเซียล ผลกระทบต่อสุขภาพ จะเกิดภาวะฮีทสโตรก โดยมีอาการตัวร้อน เวียนศีรษะ หน้ามืด ซึมลง ระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกายล้มเหลว และทำให้เสียชีวิตได้หากสัมผัสความร้อนติดต่อกันหลายวัน
ขณะที่ น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เผยว่า สังเกตอากาศตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ควรลดกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นควรสวมหมวก แว่นกันแดด สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี หากทำงานกลางแจ้งควรทำงานเป็นกลุ่ม ขณะเดียวกัน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ สุรา น้ำอัดลม และดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ
หากพบเจอผู้เป็นโรคฮีทสโตรก สามารถช่วยเหลือเบื้องต้น โดยนำเข้าในที่ร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง ถ้ามีการอาเจียนให้นอนตะแคงก่อน เมื่ออาเจียนแล้วให้นอนหงาย คลายเสื้อผ้าที่รัดแน่นออก
ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบ ตามซอกลำตัว คอ รักแร้ เชิงกราน ศีรษะ เพื่อระบาย ความร้อนร่วมกับการใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน ราดน้ำเย็นลงบนตัว เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้ลดต่ำลง ให้ดื่มน้ำหรือน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทน แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
ปัจจุบันภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาที่ทุกคนให้ความสำคัญ เพราะนับวันอุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตร เดิมมีฤดูร้อนเป็นหลักอยู่แล้ว เมื่อมีภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทำให้สภาพอากาศของประเทศร้อนจัดเพิ่มขึ้น ประชาชนมีความเสี่ยงต่อ ‘โรคฮีทสโตรก’ ที่เป็นผลจากความร้อนโดยตรง
คลิปแนะนำอีจัน
ไอ้นิด ฆาตกรฆ่าปาดคอ หวิดโดนกระทืบ