ชลบุรี-บางนา ยังระอุ ดัชนีความร้อน วันนี้ (15 เม.ย.66) ทะลุ 50 องศา

กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดค่าดัชนีความร้อน (15 เม.ย.66) 5 จังหวัดระอุ ชลบุรี-บางนา ยังระอุ ทะลุ 50 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิยังร้อนระอุต่อเนื่อง โดย ‘กรมอุตุนิยมวิทยา’ รายงานอุณหภูมิสูงสุด แต่ละภูมิภาค เมื่อวันที่ 14 เม.ย.66 พบว่า ภาคเหนือ ที่ อ.เมือง จ.ลำปาง อยู่ที่ 43.4 องศาเซลเซียล ขณะที่ ภาคอีสาน ที่ อ.เมือง จ.เลย อยู่ที่ 41.2 องศาเซลเซียล ภาคกลาง ที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ อยู่ที่ 40.3 องศาเซลเซียล 

ภาคตะวันออก ที่ อ.เมือง จ.สระแก้ว อยู่ที่ 39.8 องศาเซลเซียล ส่วน ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี อยู่ที่ 39 องศาเซลเซียล และฝั่งตะวันตก ที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต อยู่ที่ 35.9 องศาเซลเซียล

ดัชนีความร้อนระอุ วันนี้ (14 เม.ย.66) ‘ชลบุรี’ ทะลุ 53.2 องศา

ขณะที่ ค่าดัชนีความร้อนสูงสุดรายวัน ซึ่งเป็นค่าอุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกได้

ที่กรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมกับกรมอนามัย จัดทำขึ้นโดยคำนวณจากค่าอุณภูมิอากาศและความชื้นสัมพัทธ์ ถ้าความชื้นสัมพัทธ์สูงและอุณหภูมิอากาศสูง ยิ่งทำให้ค่าดัชนีความร้อนสูงมากยิ่งขึ้นไปด้วย

และร่างกายของคนเราจะขับเหงื่อออกไม่ได้ จึงทำให้รู้สึกร้อนมากกว่าปกติและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่แล้วค่าดัชนีความร้อน จะมีค่าสูงสุดในช่วงบ่ายของวัน จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

สำหรับวันที่ 14 เม.ย.66 พบว่า จังหวัดที่มีค่าดัชนีความร้อนสูงสุดรายภาค ดังนี้

ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ อยู่ที่ 41 องศาเซลเซียล

ภาคอีสาน จ.ศรีสะเกษ อยู่ที่ 40.1 องศาเซลเซียล 

ภาคกลาง เขตบางนา กทม. อยู่ที่ 49.9 องศาเซลเซียล 

ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี อยู่ที่ 50.3 องศาเซลเซียล 

ภาคใต้ จ.ภูเก็ต อยู่ที่ 44.3 องศาเซลเซียล

สำหรับ วันที่ 15 เม.ย.66 คาดการณ์ดังนี้ 

ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ อยู่ที่ 47.2 องศาเซลเซียล

ภาคอีสาน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม อยู่ที่ 43.7 องศาเซลเซียล 

ภาคกลาง เขตบางนา กทม. อยู่ที่ 52.7 องศาเซลเซียล 

ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี อยู่ที่ 53 องศาเซลเซียล 

ภาคใต้ จ.ภูเก็ต อยู่ที่ 49.6 องศาเซลเซียล 

และ วันที่ 16 เม.ย.66 

ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ อยู่ที่ 46.6 องศาเซลเซียล

ภาคอีสาน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม อยู่ที่ 43 องศาเซลเซียล 

ภาคกลาง เขตบางนา กทม. อยู่ที่ 50.6 องศาเซลเซียล 

ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี อยู่ที่ 49.1 องศาเซลเซียล 

ภาคใต้ จ.ภูเก็ต อยู่ที่ 53.5 องศาเซลเซียล

สำหรับค่าดัชนีความร้อน แบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้

ระดับเฝ้าระวัง แทนค่าดัชนีความร้อน 27-32 องศาเซลเซียล ผลกระทบต่อสุขภาพ คืออ่อนเพลีย วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวจากการสัมผัสความร้อน หรือออกกำลังกาย หรือทำงานใช้แรงงานท่ามกลางอากาศที่ร้อน

ระดับเตือนภัย แทนค่าดัชนีความร้อน 32-41 องศาเซลเซียล ผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการตะคริวจากความร้อน และเกิดอาการเพลียแดดหากสัมผัสความร้อนเป็นเวลานาน 

ระดับอันตราย แทนค่าดัชนีความร้อน 41-54 องศาเซลเซียล ผลกระทบต่อสุขภาพ มีอาการตะคริวที่น่อง ต้นขา หน้าท้อง หรือไหล่ ทำให้ปวดเกร็ง มีอาการเพลียแดด และอาจเกิดภาวะฮีทสโตรกได้หากสัมผัสความร้อนเป็นเวลานาน 

ระดับอันตรายมาก แทนค่าดัชนีความร้อน มากกว่า 54 องศาเซลเซียล ผลกระทบต่อสุขภาพ จะเกิดภาวะฮีทสโตรก โดยมีอาการตัวร้อน เวียนศีรษะ หน้ามืด ซึมลง ระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกายล้มเหลว และทำให้เสียชีวิตได้หากสัมผัสความร้อนติดต่อกันหลายวัน

ขณะที่ น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เผยว่า สังเกตอากาศตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ควรลดกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นควรสวมหมวก แว่นกันแดด สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี หากทำงานกลางแจ้งควรทำงานเป็นกลุ่ม ขณะเดียวกัน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ สุรา น้ำอัดลม และดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ

เล่นน้ำสงกรานต์กันแล้ว ก็อย่าลืมดูแลตัวเองกันนะ หากพบเจอผู้เป็นโรคฮีทสโตรก สามารถช่วยเหลือเบื้องต้น โดยนำเข้าในที่ร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง ถ้ามีการอาเจียนให้นอนตะแคงก่อน เมื่ออาเจียนแล้วให้นอนหงาย คลายเสื้อผ้าที่รัดแน่นออก

ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบ ตามซอกลำตัว คอ รักแร้ เชิงกราน ศีรษะ เพื่อระบาย ความร้อนร่วมกับการใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน ราดน้ำเย็นลงบนตัว เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้ลดต่ำลง ให้ดื่มน้ำหรือน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทน แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด 

สาดน้ำสงกรานต์ อย่างระมัดระวัง และหมั่นสังเกตร่างกายตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการฮีทสโตรก ที่แนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นด้วยนะคะ

คลิปแนะนำอีจัน
หนุ่มน้อย อวยพรย่าทวดเเบบไม่เหมือนใคร