ตามที่เมื่อเช้ามีหมอกหนาในหลายพื้นที่ทั้ง กรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ภาคอีสาน ทำให้เกิดข้อสงสัยกันว่า สิ่งที่เห็นคือ “หมอก” หรือ “ฝุ่น PM 2.5”
วันนี้ (13 ม.ค.66) กรมอุตุนิยมวิทยา ชี้แจงว่า จากการติดตามคาดการณ์สภาพอากาศในระยะ 2-3 วันนี้ พบว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยกำลังอ่อน ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ข้ามมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล และภาคตะวันออกทำให้ประเทศไทยตอนบนยังมีอากาศเย็นถึงหนาว และมีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนบางแห่งเกิดขึ้นได้
สำหรับกรุงเทพฯ ได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออกเฉียงใต้เช่นเดียวกัน โดยมีความเร็วลมประมาณ 10-20 กม./ชม. เป็นลมที่พัดจากทะเลนำความชื้นเข้าปกคลุมก่อให้เกิดหมอกเหนือพื้นดินได้ในเวลากลางคืน และจางหายไปในเวลาเช้าภายหลังดวงอาทิตย์ขึ้น เกิดจากในตอนกลางคืนพื้นดินจะคายความร้อนหรือแผ่รังสีออกได้มาก เป็นเหตุให้พื้นดินเย็นลง ส่งผลให้อากาศที่อยู่ใกล้พื้นดินเย็นลงด้วย จนมีอุณหภูมิเท่ากับจุดน้ำค้างทำให้ไอน้ำในอากาศที่อยู่ใกล้พื้นดินกลั่นตัวเกิดเป็นหมอก
โดยอากาศที่นิ่งและลมอ่อน ประกอบกับในช่วงเช้ากิจกรรมของคนในเขตเมืองเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดฝุ่นละออกมากขึ้นในตอนเช้าเช่นเดียวกัน จึงเกิดการคลุกเคล้าของหมอกและฝุ่น ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นลดลง
สรุป เห็นสวยๆ เย็นๆ นั่นหมอกคลุกฝุ่นนะจ้ะ