ประชาชนไม่ทน! แจ้งความเอาผิด ประธาน กกต.-พวก ปม ‘พิธา’ ถือหุ้นไอทีวี

ประชาชน แจ้งความเอาผิด ม.172 ประธาน กกต.-พวก เหตุรู้ปม’พิธา’ ถือหุ้นไอทีวีดีอยู่แล้ว แต่ยังรั้นส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ

สถานการณ์การเมืองยังร้อนแรงต่อเนื่อง หลังวานนี้ (13 ก.ค.66) การลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นชอบเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่มีการเสนอเพียง 1 รายชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยผลการลงคะแนนของสมาชิกรัฐสภา เห็นชอบ 324 เสียง ไม่ชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง

ขณะเดียวกัน ในช่วงเย็น นายธนพล จิวจินดา ในฐานะประชาชนได้เข้าพบ พ.ต.ต.ประธาน สีหาพล สว.(สอบสวน) สน.นางเลิ้ง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมกับพวก กกต. กล่าวหาว่า กระทำผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 172

“เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”

โดยรายละเอียดการแจ้งความระบุว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.66 และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ค.66 ปรากฎว่า

คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีความเห็นว่าสมาชิกภาพของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98 (3) และให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป รายละเอียดปรากฎตามข่าวสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งข่าวประชาสัมพันธ์เลขที่ข่าว 269/2566 วันที่เผยแพร่ 12 ก.ค.66

โดยตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.66 ถึงวันที่ 12 ก.ค.66 ได้ปรากฎ ข้อเท็จจริงข้อกฎหมายคำสั่งศาลฎีกา คำพิพากษาศาลปกครอง ที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 (3) สถานะลักษณะธุรกิจรายได้ประจำปี 2565 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และคลิปบันทึกภาพ

และเสียงการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เผยแพร่ต่อสาธารณะเรื่อยมา ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบถึง ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย คำสั่งศาลฎีกา คำพิพากษาศาลปกครองเกี่ยวกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

มาตรา 98 (3) สถานะลักษณะธุรกิจรายได้ประจำปี 2565 ของ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และคลิปบันทึกภาพ และเสียงการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะทั้ง 5 รายการเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ณ ขณะกระทำการพิจารณาความเห็นดังกล่าวข้างต้น

แต่กลับยังมีความเห็นว่าสมาชิกภาพของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98 (3) และให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป

การกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้งดังกล่าว จึงอาจเป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 172 “เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”

จึงขอให้พนักงานสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐานและส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช..ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ และหากพบว่ากระทำความผิดจริงขอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้งจนถึงที่สุด

เบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวนได้รับคำแจ้งความไว้ตามระเบียบ ซึ่งสถานที่เกิดอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เหตุเกิดในท้องที่ของ สน.ทุ่งสองห้อง จะได้ส่งเอกสารประกอบการร้องทุกข์กล่าวโทษไปยัง สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

กกต. ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ปม พิธา ถือ หุ้นไอทีวีศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง ปม พิธา รณรงค์หาเสียงแก้ ม.112 ‘ปิยบุตร’ เผย ปมหุ้นไอทีวี ทำลายสถิติพิจารณาคำร้องของ กกต. เร็วที่สุด
คลิปอีจันแนะนำ
พิธา ไม่กังวล ขอบคุณทุกกำลังใจ หุ้นสื่อitv