
วันนี้ (11 ก.พ.68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 6 ประจำปี 2568 นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมดังนี้ขอสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) หน่วยงานความมั่นคง
เร่งรัดในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติออนไลน์ โดยประสานงานกับทางการจีนอย่างโดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สั่งการดำเนินการก่อนการเดินทางไปที่ประเทศจีน

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในที่ประชุม ครม.วันนี้ก่อนเวลา 12.00 น. จะมีการออกคำสั่งย้ายข้าราชการระดับสูงของไทย ที่มีส่วนพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับกระบวนการคอลเซ็นเตอร์
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการตัดสัญญาณในระบบสื่อสารโทรคมนาคมต่างๆ ของรักษาการเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก โดยเฉพาะฝั่งอำเภออรัญประเทศ สระแก้ว ตรงข้ามปอยเปต

“กสทช.ยังไม่ตอบสนองมากนัก ขณะเดียวกัน ในฝั่งตะวันตกตรงข้ามอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก ขอให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด”นายภูมิธรรมกล่าว
ด้านมนุษยธรรม รัฐบาลไทยได้เปิดรับผู้ป่วยจากประเทศเมียนมา ให้เข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลของไทยได้ และยังอนุญาตให้รถยนต์ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเติมน้ำมันได้ โดยจะเพิ่มมาตรการในการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีผู้อื่นมีอิทธิพลหนุนหลังให้สิ้นซาก ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้เตรียมสรุปมาตรการที่รัฐบาลไทยดำเนินการไปภายในเวลา 15 วันและครั้งที่ 2 ภายในเวลา 30 วันโดยประสานงานกับดีเอสไอ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและ กสทช.เพื่อสรุปผลการดำเนินงานและกำหนดมาตรการต่อไป
นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ กสทช.ดำเนินการ หากพบว่ามีการเชื่อมสัญญาณไปยังตึกใดๆที่ส่อลักษณะไปเอื้อสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ ให้ดำเนินการตัดสัญญาณได้ทันทีและจะกำชับส่วนราชการอื่นๆอย่างใกล้ชิดทันที