“วิโรจน์” ชี้ช่องรัฐบาล ทำลายเส้นทางเงิน “ตระกูลฮุน” ในไทย

“วิโรจน์” ชี้ รัฐบาลยกระดับมาตรการกดดันเศรษฐกิจกัมพูชา ขาดมาตรการช่วย ปชช. อาจกลายเป็น “ทำเขาแต่เราอาจเจ็บ” แนะ! ทำลายเส้นทางเงิน “ตระกูลฮุน” ในไทย

“วิโรจน์” มอง นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งยกระดับมาตรการบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเพียงการกดดันเศรษฐกิจ หากไม่มีมาตรการคู่ขนานช่วย ปชช. สุดท้ายจะกลายเป็น “ทำเขา แต่เราอาจเจ็บตัว” แนะ พุ่งเป้าทำลายกระเป๋าตังค์ตระกูลฮุน 

วันนี้ (24 มิ.ย.68) เวลา 10.20 น. ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งยกระดับมาตรการบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า มาตรการไทย-กัมพูชา ต้องพูด 3 มาตรการด้วยกัน ประกอบด้วย 1.มาตรการทางการทูต  2.มาตรการทางเศรษฐกิจ 3.มาตรการทางการทหาร ซึ่งเราไม่ต้องการเห็น หากใครเริ่มก่อนถือว่าขัดความชอบธรรมทันที  

ดังนั้น การใช้มาตรการทางเศรษฐกิจจึงเป็นทางเลือกที่สมควรพิจารณา แต่นายกรัฐมนตรีต้องไตร่ตรองให้ดีว่า มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจมีผลกระทบทั้งไทยและกัมพูชา รวมทั้งผู้ประกอบการและประชาชนคนไทยด้วย   

ฉะนั้น การออกมาตรการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยและประชาชนคนไทยที่มีกิจการการค้าตามแนวชายแดนหรือการค้านำเข้าส่งออกระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีทั้งสิ้น 7 จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีงบกลางเหลือเพียงแต่รอการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องหารือร่วมกันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  

ปัจจุบันมีการออกมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจกับกัมพูชา แต่ยังไม่มีมาตรการดูแลประชาชนใช่หรือไม่?  

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยังไม่เห็น และสุดท้ายมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจ มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเหนี่ยวนำและตั้งแรงจูงใจให้กัมพูชาเข้ามาเจรจาด้วยเหตุและผลกับไทย ซึ่งต้องมีมาตรการคู่ขนานเยียวยาช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการไทย หากไม่มีมาตรการดังกล่าว จะกลายเป็นว่า “ทำเขาแต่เราอาจจะเจ็บกว่า  ดังนั้น นายกรัฐมนตรีในฐานะที่มีอำนาจอนุมัติงบกลาง สามารถดำเนินการได้ทันที ว่าจะพักชำระเงินต้น และพักชำระดอกเบี้ยอย่างไร  

นายกรัฐมนตรี เพิ่มมาตรการกดดันกัมพูชาจะทำให้กัมพูชาเข้ามาเจรจาได้หรือไม่? 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า มาตรการจะได้ผลก็ต่อเมื่อกัมพูชาได้รับผลกระทบมากกว่า แต่หากผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบที่หนักกว่า ก็คงไม่ได้ผล ดังนั้นมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจจะต้องควบคู่กับมาตรการการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนคนไทยในพื้นที่เกษตรกร รวมถึงผู้ประกอบการ ซึ่งดำเนินการได้ทันที  ตนมองว่าเกมนี้ใครอึดกว่าเป็นผู้ชนะ   

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราต้องการภาวะผู้นำในการตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างสมเหตุสมผลและคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบคอบและรอบด้าน หากมีความจำเป็นต้องปิดด่านเพื่อสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจกัมพูชา เราก็ต้องคิดว่ามาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยหรือไม่ 

กรณีที่เคยออกมาเปิดเผยเรื่องกลุ่มทุน ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามอาชญากรรม มองว่า นายกรัฐมนตรี จะแก้ปัญหาตรงนี้หรือไม่?  

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ตนจึงบอกว่าทำได้เลย และมีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด  

นายวิโรจน์ กล่าวว่า  เราทราบอยู่แล้วว่า กระเป๋าตังค์ของตระกูลฮุน กระเป๋าขวา คือ LYP Groups หรือ ออกญา ลี ยงพัด ซึ่งทราบอยู่แล้วว่า เส้นเงินเชื่อมโยงกับ เสี่ย ต. ในประเทศไทย กลุ่มนักการเมืองอาจจะนามสกุล อ. มั้ง และอาจมีอีกหลายคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถจัดการได้เลย อะไรก็ตามที่ กระทบกระเทือนกับธุรกิจกาสิโน ที่เป็นแหล่งทุนของตระกูลฮุน จะสามารถสร้างแรงกดดันได้แน่นอน และสร้างผลกระทบที่จำกัดต่อประชาชนของทั้งบริเวณสองประเทศ  

ส่วนกระเป๋าซ้าย ก็คือ มง ลิด ที ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่ เมื่อรู้เส้นเงินก็ต้องเร่งรีบจัดการ มันจึงเกิดคำถาม ถึงการที่สมเด็จฮุนเซน ระบุว่า เขาก็จะเปิดเหมือนกัน ถึงกลุ่มเงินไทยที่เข้าไปฟอกเงินในกัมพูชา สำหรับผมไม่กังวล เปิดก็ดี จะได้ล้างกันสักที เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ ถ้าเป็นเงินที่สะอาด เราไม่ว่ากันอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเงินสกปรก ที่ผัวพันกับอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นพนันออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ต้องยอมรับว่า ผลกระทบเกิดกับประชาชนไทย ก็ถือโอกาสจัดการอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในประเทศ ช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อไปในคราวเดียวกันเลย   

แต่พอนายกรัฐมนตรีดูเหมือนจะไม่เลือกวิธีในการจัดการกับกระเป๋าสตางค์ของตระกูลฮุน ตนต้องตั้งข้อสังเกตแล้วว่า ตอนนี้นายกรัฐมนตรีคงไม่ญาติดีกับสมเด็จฮุนเซนขนาดนั้น ถูกเปิดคลิปขนาดนั้น แต่ยังมีความกังวลถึงเรื่องเส้นเงิน ที่อาจจะมาพัวพันกับกลุ่มทุน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด กับตัวท่านนายกรัฐมนตรีเอง หรือนามสกุลของท่านนายกรัฐมนตรีหรือไม่ 

เมื่อทราบกลุ่มเป้าหมาย แต่กลับมีการตีกรอบเวลาถึงสามเดือนนั้น ถือว่าช้าไปหรือไม่? 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็ต้องหารือกันภายในฝ่ายความมั่นคง จะ 3 เดือน หรือกี่เดือน ก็ต้องถามถึงมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี ต้องแสดงออกว่าหากมีความจำเป็น ต้องใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจ 3 เดือน 6 เดือน หรือไม่มีกำหนด รัฐบาลก็จะต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างไม่มีกำหนดเช่นเดียวกัน อาทิ มาตรการพักชำระหนี้ ทั้งต้นทั้งดอก สินเชื่อปลอดดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งตนยังคาดหวังว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดต่อไป จะต้องออกมาตรการมาได้แล้ว  

มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่ต้นเหตุของความขัดแย้ง เกิดจากการที่เราจะมีการสร้างกาสิโน ที่อาจขัดผลประโยชน์กับฝั่งกัมพูชาที่มีกาสิโนเช่นเดียวกัน? 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคิดไกล ตอนนี้โยงกันไปหมด วันนี้เราต้องจัดมิติการคิดในเรื่องของข้อพิพาทก่อน เราอย่าพึ่งเอาผลประโยชน์ของตระกูลนี้ แต่ต้องเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก หากคิดในเรื่องของตระกูลก็คิดได้ แต่พิสูจน์ความจริงยาก ณ วันนี้ เราต้องยึดหลักในเรื่องพรมแดน และเอาเอ็มโอยู 43 เป็นหลัก หากต้องการดำเนินมาตรการใดๆ ต่อ ส่วนเรื่องเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ก็มีหลายทฤษฎีที่คิดได้เช่นนั้น แต่เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ก็ไม่มีความคืบหน้า และดูท่าทางจะเป็นหมัน ก็ไม่น่าจะเป็นแรงจูงใจ ให้เกิดการแค้นฝังหุ่น ฉะนั้น มองเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์เป็นองค์ประกอบได้ แต่อาจไม่ใช่เรื่องหลัก  

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตากันต่อไปค่ะ หากมีความคืบหน้าจะอัปเดตให้ทราบ