
วันนี้ (13 พ.ค. 68) นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงตอบโต้ นางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ พรรคประชาชน เขต 6 จังหวัดชลบุรี กรณีทำหนังสือถึงพรรคขอยุติบทบาทภายในพรรค และขอให้พรรคประชาชนขับออกจากพรรค

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ได้รับฟังเหตุผล ที่ น.ส.กฤษฎิ์แถลงต่อข้อกล่าวหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับการผลักดันนโยบาย จึงต้องการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ และอ้างว่าไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรคในการทำกิจกรรมนั้น ยืนยันว่า พรรคได้สนับสนุนการทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด ฝ่ายนโยบายพรรคเคยอนุมัติงบในส่วนกลางเพื่อให้ไปทำกิจกรรมรับฟังความเห็นต่อการพัฒนานโยบายของพื้นที่ศรีราชา ตามที่ได้ร้องขอเข้ามา ซึ่ง สส.คนอื่นก็ทำงานได้อย่างราบรื่นและได้รับการสนับสนุน และที่บอกว่าการทำงานในคณะกรรมการธิการคมนาคม ไม่ได้รับการสนับสนุนนั้น นับตั้งแต่เริ่มเปิดสภา เราจะให้สส.ทุกคนได้เสนอมาว่าอยากได้ทำงานในกรรมาธิการฯในคณะใด แต่เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้รับการเป็นกรรมาธิการในอันดับหนึ่งที่เลือก แต่นส.กฤษฎิ์ก็ได้ตามที่ต้องการและยังได้เป็นรองประธาน อนุกรรมาธิการ ฯ เรื่องงานก่อสร้างท่าเรือ และยังมีมติให้ศึกษาดูงานเพื่อรับฟังปัญหาทางต่าง ๆ จากประชาชนที่อยู่ในเขตท่าเรือแหลมฉบัง
ส่วนเรื่องการไม่ได้รับความเคารพเรื่องสถานะทางเพศนั้น นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า ตรงนี้เป็นค่านิยมแรกที่เราให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ในการโอบรับความหลากหลายทางเพศ และเคารพความเชื่อทุกรูปแบบ ขอยืนยันว่า ไม่มีการเหยียดสถานะทางเพศของ สส. คนใด หรือแม้แต่ประชาชนคนใดอย่างแน่นอน และถ้าหากมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เราจะถือว่าเป็นการผิดวินัยของพรรค เพราะถือว่าไม่เคารพต่ออุดมการณ์หลัก คุณค่าที่พรรคยึดถือ และพรรคยังเปิดโอกาสให้ น.ส.กฤษฎิ์ ทำงานด้านความหลากหลายทางเพศ มีส่วนร่วมในการผลักดันพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม และมอบหมายให้ยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังเคยสนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรมในพื้นที่ในการรวบรวมความเห็นของผู้มีความหลากหลายทางเพศในพื้นที่ศรีราชาด้วย

สำหรับเหตุการณ์ที่ น.ส.กฤษฎิ์ ปรึกษาหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรตามที่อ้างนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีการไปคุยกับสส.กฤษฎิ์ จริง หลังการหารือแต่ไม่ใช่เรื่องของเนื้อหา เพราะสิ่งที่เพื่อน สส. ไม่พอใจคือ เวลาปรึกษาหารือ 2 นาที ควรจะเป็นเวลาที่มาสะท้อนปัญหาของส่วนรวม สะท้อนปัญหาของประชาชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องนั้นไปแก้ไข ไม่ใช่พูดความต้องการส่วนตัวว่าต้องการที่จะทำอะไร เพราะสภาไม่ใช่เวทีที่จะมาพูดถึงความต้องการส่วนตัว และขอยืนยันว่าสิ่งที่สส.กฤษฎิ์ หารือไป ไม่ได้มีการดำเนินการทางวินัยใด ๆ หลังเหตุการณ์นั้นเลย ถือว่าเป็นการพูดคุยกันเฉยๆ ว่า การหารือโดยใช้ความต้องการส่วนตัวมาพูดนั้นไม่เหมาะสมกับการทำงานในสภาเท่านั้น ไม่มีการลงโทษหรือแซงชั่นทั้งสิ้น และยังขอให้เหตุการณ์นี้ผ่านไป และขอให้ทุกคนมาร่วมงานกันในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์เหมือนเดิม
ส่วนที่ระบุว่า พรรคประชาชนเตรียมส่งคนลง สส.แทนนั้น ก็ยืนยันว่าพรรคไม่มีนโยบายหาคนมาลงสมัครแทน การส่งใครสมัคร สส.หรือไม่ พรรคมีกระบวนการและมีกรอบที่ชัดเจนและสื่อสารกับกับ สส.ทุกคน ดังนั้นกระบวนการเหล่านี้ ในการหาผู้สมัครสส มาแทนสส. คนใด ในปัจจุบันนั้นยังไม่มี
ด้านนายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า เมื่อคืนมีการประชุม สส.และกรรมการบริหารพรรค ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาพรรคไม่ได้มีกระบวนการใดๆ ที่ใช้อำนาจในพรรคใดก็ตาม ที่จะทำให้ นส.กฤษฎิ์ อึดอัดใจ หรือเป็นอุปสรรคในการทำงานตามที่ได้มีการแถลงไปเมื่อเช้า ดังนั้นขอใช้เวทีนี้ในการสื่อสารข้อเท็จจริง และขอยืนยันว่าเหตุผลที่นส.กฤษฎิ์ให้นั้น ฟังไม่ขึ้น
ดังนั้น จึงจะดำเนินทุกมาตรการที่ทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด เพราะต้องยอมรับว่าการที่ประชาชนมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือก นส.กฤษฎิ์ เพราะเป็นตัวแทนของพรรค จึงต้องคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชน เขตเลือกตั้งที่ 6 ชลบุรี โดยการทำให้ นส.กฤษฎิ์ ไม่ได้เจตนารมณ์ตามหนังสือที่ยื่นมากับตน และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งหมายรวมถึงนายทะเบียนสมาชิกพรรคที่ขอยุติบทบาทกับพรรค และร้องขอให้พรรคขับออกจากการเป็นสมาชิก ซึ่งเรื่องนี้ตนขอเชิญชวนประชาชนทุกคนคิดตาม และเชื่อว่าทุกคนมีข้อสรุปตรงกันว่า นส.กฤษฎิ์แสดงเจตนาไม่ต้องการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนอีกต่อไป และการจะให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ต้องมีเงื่อนไขเดียวคือต้องทำผิดทางวินัย และในอดีตพรรคไม่เคยถือว่าการกระทำใดๆ ของเขาเป็นการทำความผิดที่เข้าสู่กระบวนการวินัยของพรรค
ดังนั้นการที่ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พวกเรามีความเห็นว่า หนังสือฉบับนี้ได้แสดงเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า คุณต้องการยุติการเป็นสมาชิกของพรรคประชาชน และเพื่อให้ความชัดเจนในข้อกฎหมายว่าต้องการยุติการเป็นสมาชิกพรรค จึงขอใช้อำนาจตามกฎหมายที่มี โดยมีช่องทางยื่นไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้อำนาจตีความให้กับพรรคประชาชน ว่าหนังสือฉบับนี้ถือเป็นหนังสือในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนหรือไม่
หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวด้วยว่า จากการแถลงข่าวของ นส.กฤษฎิ์ ยังใช้ถ้อยคำ ในทำนองว่า ต้องการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ดังนั้นพวกเราจะดำเนินการยื่นขอตีความไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตีความ ว่าหนังสือที่ยื่นต่อกรรมการบริหารพรรคเป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่
ถ้าตีความว่าไม่ได้เป็นหนังสือลาออก ก็จะไม่มีการขับ หรือทำตามความต้องการเพื่อประโยชน์กับพรรคกล้าธรรม แต่จะตัดสิทธิ์ทุกอย่างที่พึงมึของ น.ส.กฤษฎิ์ ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งในกรรมาธิการหรือการทำงานใด ๆ ในโควต้าพรรคในอนาคต ส่วนตำแหน่งกรรมาธิการฯ ที่เป็นอยู่ พรรคคงทำอะไรไม่ได้ เว้นแต่เจ้าตัวจะลาออกเอง

นายณัฐพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้า ตนจะลงพื้นที่พร้อม สส. ชลบุรีทุกเขต เพื่อยืนยันกับประชาชน ว่าพวกเราพร้อมที่จะเดินหน้ารับใช้ประชาชนทุกเขต รวมทั้งเขต 6 ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้นายสหัสวัต ได้เป็นตัวแทนในการดูแลพื้นที่แทน
เมื่อถามย้ำว่า จะยื่นให้หน่วยงานใดตีความนั้น หัวหน้าพรรคประชาชน ยืนยันว่า มีมากกว่าหนึ่งหน่วยงาน โดยขอศึกษาเรื่องข้อกฎหมายก่อน เพราะเกรงว่าอาจจะมีการดำเนินการจากฝั่งตรงข้าม หรืออาจจะทำให้เสียรูปคดีได้ แต่ตอนนี้ยืนยันว่าเราศึกษาข้อกฎหมาย และพบว่ามีช่องทางในการดำเนินการเรื่องนี้ได้อยู่ ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ในทางปฏิบัติพรรคไม่ได้ถือว่าเป็นผู้แทนราษฎรของพรรคอีกต่อไป ส่วนการดำเนินการทางนิตินัย หรือทางกฎหมาย ก็เป็นไปตามที่ตนได้แถลงเรื่องมาตรการไป ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างนานประมาณหนึ่งเดือนขึ้นไป
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องสืบหาต้นเหตุ ที่ น.ส.กฤษฎิ์ตัดสินใจทำหนังสือถึงพรรคหรือไม่ นายณัฐพงศ์กล่าวว่า ก่อนที่จะแถลงข่าวได้มีการพูดคุยมาแล้วระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งนายปกรณ์วุฒิก็ได้พูดคุยโดยตรงมาตลอด และพรรคก็เปิดกว้างรับฟัง ซึ่งเหตุผลที่ให้มาหลังจากที่ฟังคำแถลงเหตุผลแล้ว พบว่าทุกอย่างไม่เป็นความจริง พรรคเปิดกว้างให้มามากเพียงพอแล้ว
ส่วนมองว่าอะไรเป็นแรงจูงใจให้ น.ส.กฤษฎิ์ ตัดสินใจยุติบทบาท กับพรรคประชาชนนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังเหตุผล นส.กฤษฎิ์อยากลาออกในตอนแรก แต่สุดท้ายตัดสินใจอยากจะให้พรรคขับออก เพราะอยากจะย้ายไปยังพรรคกล้าธรรม เรื่องนี้ตนอยากให้สาธารณชนประเมินภาพรวม ว่าตอนนี้บริบททางการเมือง มีพรรคการเมืองบางพรรคพยายามดึงดูด สส.เข้าไปในพรรคดัวเองให้มากที่สุดหรือไม่ เพื่อใช้เจรจาต่อรองเก้าอี้คณะรัฐมนตรีที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ๆ นี้หรือไม่ ทั้งนี้ มั่นใจว่า ตามข้อมูลที่ตนทราบ และพูดคุยกับภายในพรรค คิดว่าไม่มีใครหรือ สส.คนใดย้ายไปอยู่ฝั่งรัฐบาลแน่นอน
เมื่อถามว่า นส.กฤษฎิ์ ระบุว่า พรรคไม่ลงไปช่วยในพื้นที่นั้น หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า พรรคเปิดโอกาสให้ใช้กลไกและเครื่องมือทุกอย่างสนับสนุนในการทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ส่วนข้ออ้างที่ว่าเป็นฝ่ายค้านไม่สามารถดำเนินการอะไรได้แบบฝ่ายรัฐบาลนั้น เป็นเพียงข้ออ้าง ในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎรต้องรู้หน้าที่ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน จึงคิดว่าเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น
เมื่อถามย้ำว่าอะไรเป็นแรงจูงใจ ให้ น.ส.กฤษฎิ์ ตัดสินใจนั้น นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า การที่ได้มีการพูดคุยและมีดีลเกิดขึ้นแน่นอน ไม่อย่างงั้นคงไม่มาแถลงข่าวในวันนี้ และประกาศตัวอย่างชัดเจน ทั้งที่ตอนแรกแถลงข่าวว่า อยากจะลาออกจาก สส.แต่ตอนหลังมากลับคำ ก็แปลว่าจริงๆ แล้วอยู่ในระหว่างกระบวนการ ก่อนหน้านี้ต้องมีการพูดคุยตกลงกันมาแล้ว เชื่อได้ว่าเป็นเช่นนั้น
เมื่อถามย้ำว่า หากทำขัดมติพรรคอีก จะทำอย่างไรนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จะพิจารณาดำเนินการทางวินัย เช่นการตัดสิทธิ์ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในการดำเนินการของพรรคทุกอย่าง แต่การขับออกคิดว่าไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม ทางเลือกที่เหมาะสมที่เป็นทางสำรองในกรณีที่ถูกตีความว่า หนังสือฉบับนี้ไม่ได้ถือว่าลาออกจากสมาชิกพรรคคือการ ล็อคทุกอย่าง
“พิจารณาดำเนินการทางวินัยแน่นอน ทั้งการตัดสิทธิ์พึงมีในฐานะสมาชิกพรรคทุกอย่าง ส่วนจะขับออกหรือไม่ ผมเชื่อว่าวิญญูชน ประชาชนที่กำลังติดตามเรื่องนี้ อยากที่จะให้พรรคลงโทษ ไม่ให้คนที่ทรยศกับเสียงที่ประชาชนเลือกมา ได้สิ่งที่เขาต้องการ เพราะฉะนั้นการขับออก ณ ตอนนี้ สำหรับพวกเราคิดว่าไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม ส่วนทางที่คิดว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ที่เป็นทางเลือกสำรอง กรณีที่ถูกตีความว่าหนังสือฉบับนี้ ไม่ใช่การลาออกจากพรรค ก็คือการดองงูเห่าเท่านั้น” นายณัฐพงษ์ กล่าว

สำหรับกรณีการระบุว่า สร้างพรรคไม่ได้สร้างคน นายสหัสวัต ชี้แจงว่า คำว่าการสร้างพรรคไม่ได้สร้างคนนั้น ตนเองไม่เข้าใจอย่างยิ่งว่านางสาวกฤษฏิ์ หมายถึงอะไร ยืนยันว่า การสร้างพรรคกับการสร้างคนเป็นเรื่องเดียวกัน ดูได้จากพรรคอนาคตใหม่ มาก้าวไกล และประชาชน ยืนยันว่าเป็นการสร้างเครือข่ายเชิงคนที่จับต้องได้ให้เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด เรามีการทำงานเครือข่ายเชิงประเด็น เช่น เครือข่ายแรงงาน เครือข่ายLGBT เครือข่ายอื่นๆ ที่เราทำงานกันอย่างแข็งขัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการสร้างคนอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเติมองคาพยพ เช่น ของสมาชิกพรรคมีหลักสูตรต่าง ๆ ที่ให้สมาชิกพรรคสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเข้ามาเรียนรู้ เข้ามาหาความรู้ได้ตลอด
นายสหัสวัต กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราทำมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยสภาที่แล้ว หลายเรื่องประชาชนได้โหวต เช่น เรื่องประกันสังคม เพราะเป็นกระแสจริง และไม่ได้เกิดการแก้ปัญหา ไม่ได้เป็นประโยชน์กับชีวิตประชาชน และเรื่องคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงเรื่องปลาหมอคางดำ หลายๆ เรื่องที่เราผลักดัน ประชาชนก็ได้ประโยชน์ ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ประชาชนทั่วไปก็จะเห็นว่าสิ่งที่เรากำลังทำเป็นการสร้างกระแส หรือว่าเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ส่วนกรณีที่ สส.ของพรรคประชาชนในพื้นที่เขตเดิมกลายเป็นงูเห่าซ้อนกัน 2 ครั้ง มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่เป็นบ้านใหญ่ หรือไม่ นายสหัสวัต กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องและไม่มีผลเลย
ขอบคุณข้อมูล : เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว