ศาลรธน.สั่งคุมเข้มพื้นที่วันตัดสิน 2 คดีใหญ่ “สอยเศรษฐา-ยุบก้าวไกล”

ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งคุมเข้มพื้นที่วันตัดสิน 2 คดีใหญ่ สอย “เศรษฐา”-ยุบก้าวไกล เตือนห้ามวิจารณ์คำวินิจฉัยด้วยถ้อยคำหยาบคาย

วันนี้ (31 ก.ค.67) รายงานจาก ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งประกาศพื้นที่คุมเข้มความปลอดภัย วันวินิจฉัยคดียุบก้าวไกล และคดีความเป็นรัฐมนตรี ของ นายเศรษฐา ทวีสิน เตือนแสดงความเห็นทำได้ แต่ห้ามวิจารณ์คำวินิจฉัยด้วยถ้อยคำหยาบคาย

สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่ กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ยุบพรรคก้าวไกล ในวันพุธที่ 7 ส.ค.67 และคดีที่ ประธานวุฒิสภาส่งคำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี ในวันพุธที่ 14 ส.ค.67 เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ


ข่าวน่าสนใจอื่น


ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ดังนี้ กำหนดบุคคลให้เฉพาะผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ผู้รับมอบอำนาจหรือผู้รับมอบฉันทะ หรือผู้ที่ ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาต รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น อยู่ในห้องพิจารณาคดีเพื่อรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันดังกล่าว และให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจัดให้มีช่องทางการรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและสื่อมวลชน

ประกาศกำหนดอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยต่อไป โดยในวันพุธที่ 7 ส.ค.67 เวลา 00.01-23.59 น. สำหรับการอ่านคำวินิจฉัยคดี  กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล

ส่วนวันพุธที่ 14 ส.ค.67 เวลา 00.01-23.59 น. สำหรับการอ่านคำวินิจฉัย คดีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูวิวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่

พร้อมระบุความรู้ทางกฎหมายเพื่อประโยชน์สังคม ว่า “บุคคลย่อมมีเสรีกาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาณาจักรไทย แต่หากเป็นกรณีการแสดงความเห็นในลักษณะของการวิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยคดีที่มิได้ กระทำโดยสุจริต โดยใช้ถ้อยค่าที่มีความหมายหยาบคาย เสียดสี หรือ อาฆาตมาดร้าย เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามพระราชบัญญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมบุญและอาจเป็นความผิดฐานดูหมิ่นศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198