
วันนี้ (30 ต.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหารกองบิน 23 ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติวัดไต นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ
โดยก่อนออกเดินทางได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ว่า ยืนยันว่ามีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มอีก 3 คน ทุกฝ่ายที่รับผิดชอบในการช่วยเหลือตัวประกัน กำลังทำงานอย่างหนัก ขณะที่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยังปฏิบัติหน้าที่ที่มาเลเซีย ส่วนการเดินทางในอิสราเอลนั้นกำลังเผชิญความยากลำบาก หลังจากมีปฏิบัติการภาคพื้นดิน
ดังนั้น จึงขอให้ทุกคนเร่งตัดสินใจ ภาครัฐกำลังทำงานอย่างมีความละเอียด และด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากความเสี่ยงในการลำเลียงคนมีความเสี่ยง เรื่องนี้จำเป็นต้องมีการหารือ และการประสานงานอย่างละเอียด
ในกรณีที่มีการจับกุมคนไทยเป็นตัวประกันเพิ่มมากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ควรยืนยันว่าคนไทยเป็นเป้าโดยตรงของกลุ่มฮามาส เนื่องจากไทยไม่ได้เข้าไปมีส่วนในความขัดแย้ง และไม่ใช่เป้าหมายหลักของกลุ่มใด แต่เราเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบ
เพราะมีแรงงานไทยทำงานอยู่ในอิสราเอลจำนวนมาก ทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงเนื่องจากสถานการณ์ นายกรัฐมนตรีขอให้คนไทยที่ทำงานอยู่ที่นั่น เร่งเดินทางกลับประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังแจ้งว่า จะมีการประชุมและการพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูง เพื่อปรับปรุงและอัพเดทสถานการณ์การขัดแย้งต่อไป
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (29 ต.ค.66) นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ณ พุทธอุทยานนานาชาติ (ปทุมรัตน์ธรรมเจดีย์) จ.หนองคาย และได้ทวีตข้อความ Srettha Thavisin ว่า
รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานประเพณีออกพรรษา และปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคของจังหวัดหนองคายปีนี้ครับ งานนี้เป็นงานระดับโลก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจ และเฝ้าดูปรากฏการณ์นี้ทุกปี
รัฐบาลนี้ตั้งใจสนับสนุนเทศกาลทุกๆ เทศกาล ในทุกๆ จังหวัด ผมอยากจะให้ประเทศไทยไม่มี High Season - Low Season แต่อยากให้ทุกเดือนเป็น High Season หมด เราจะโปรโมททุกๆ Event ของทุกๆ เดือนไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเล็กหรือจังหวัดใหญ่เพื่อให้มีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่มีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นครับ
วันนี้ถือว่าเป็นวันอันมงคล พวกเราหลายพันคนมายืนอยู่ด้วยกัน ณ ที่นี้ สส.มด และ สส.หญิง พรรคเพื่อไทยก็มาร่วมรำในงานนี้ด้วย ผมดีใจครับที่เราทุกคนช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของเราไว้ นี่แหละครับคือ จุดแข็ง ของเรา คือ Soft Power ที่เราสามารถส่งออกสู่สายตาชาวโลก และสร้างเป็นรายได้กลับคืนมาสู่ชุมชนของเราได้