
หลังจากที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ในเรื่องความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) และมาตรา 98 (3) หรือไม่ หลังพบเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชน และอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับวันที่รับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ทำให้การเป็น สส. ของ นายพิธา สิ้นสุดลง พร้อมกับได้ขอให้ศาลออกคำสั่งให้ นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยนั้น
ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดพิจารณาคดีในวันที่ 15 พฤศจิกายน นี้ เวลา 09.30 น. หลังผู้ถูกร้องยื่นขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตตามขอ และผู้ถูกร้องได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญดำเนินกระบวนการพิจารณามาแล้ว จำนวน 11 ครั้ง พร้อมเรียกให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งเอกสารหลักฐาน จำนวน 12 ราย และศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัย พร้อมให้รอคำชี้แจงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากบุคคล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งศาลเรียกไปก่อนหน้านี้ และกำหนดนัดพิจารณาคดีตามวันและเวลาดังกล่าว
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญ ยังจะพิจารณาคดีการหาเสียงของพรรคก้าวไกลที่มีนโยบายยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่
โดยกรณีดังกล่าวถูกร้องโดย นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งรับคำร้องเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 66 และศาลรัฐธรรมนูญได้ดำเนินกระบวนการพิจารณาและรวบรวมพยานหลักฐานมาแล้ว จำนวน 39 ครั้ง
พร้อมกับมีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ