
วานนี้ (25 ส.ค. 66) มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) ร่วมกับดีโหวต (D-vote) เผยผลการวัดคะแนนนิยมหลังจากการเลือกตั้งเพื่อประเมินความพึงพอใจและการตอบสนองความคาดหวังของประชาชนจากแต่ละพรรคการเมือง ภายหลังได้รับเสียงเลือกจากประชาชาชนไปแล้ว ในประเด็น “หากมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในวันนี้ คุณจะเลือกพรรคใด”
โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 21 – 24 ส.ค. 2566 จากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกช่วงอายุ-ภูมิภาค-ระดับการศึกษา-อาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,253 ตัวอย่าง ค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95.0
ผลสำรวจพบว่า พรรคที่ชนะการเลือกตั้งสูงสุด 6 อันดับแรก มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของคะแนนนิยมเฉลี่ย (เฉลี่ยจากผลการเลือกตั้ง 2566 ของแต่ละพรรค ทั้งบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบ่งเขตเมื่อนำมาคำนวนเป็นร้อยละ) จากเพิ่มขึ้นไปน้อยลงตามลำดับดังนี้
•พรรคก้าวไกล คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 62.39
•พรรคภูมิใจไทย คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.50
•พรรครวมไทยสร้างชาติ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 0.84
•พรรคพลังประชารัฐ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 6.02
•พรรคประชาธิปัตย์ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 9.96
•พรรคเพื่อไทย คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 62.24
ซึ่งการที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมีอัตราการเปลี่ยนแปลงของคะแนนนิยมเฉลี่ยมากที่สุดนั้น เกิดจากการที่ได้มีโอกาสสลับกันเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและเป็นที่สนใจของประชาชนจำนวนมาก โดยคะแนนนิยมที่ลดลงของพรรคเพื่อไทยร้อยละ 51.32 ได้ไหลไปหาพรรคก้าวไกล ในขณะที่ร้อยละ 10.92 ได้ไหลไปหาพรรคอื่นๆ
อีกทั้ง ศูนย์สำรวจความคิดเห็นศรีปทุม-ดีโหวต ยังได้ทำการสำรวจเบื้องต้นในประเด็นต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 17 – 24 ส.ค. 2566 ในประเด็นต่างๆ ดังนี้
“คุณคิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วที่นำโดยพรรคเพื่อไทยเกิดจากความตั้งใจตั้งแต่แรกหรือไม่?” (514 ตัวอย่าง ค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 93.0)
•ร้อยละ 58.79% ระบุว่า “เกิดจากความตั้งใจตั้งแต่แรก เป็นการวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วระหว่างเพื่อไทยและขั้วรัฐบาลเดิม”
•ร้อยละ 25.20% ระบุว่า “ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจตั้งแต่แรก เมื่อการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคถึงทางตัน จึงต้องปรับแผนด้วยการข้ามขั้ว”
•ร้อยละ 16.02% ระบุว่า “ไม่รู้/ไม่แน่ใจ”
"คุณคิดว่าเพราะเหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงวางแผนจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วตั้งแต่แรก" (ในกรณีที่ตอบว่าเกิดจากความตั้งใจตั้งแต่แรก)
•ร้อยละ 36.52% ระบุว่า “เพราะคิดว่าการให้ก้าวไกลร่วมรัฐบาลและได้มีโอกาสทำผลงาน จะส่งผลเสียต่อความนิยมของเพื่อไทยในอนาคต”
•ร้อยละ 28.52 ระบุว่า “เพราะคิดว่าการมีก้าวไกล ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่มีทางสำเร็จ”
•ร้อยละ 22.07% ระบุว่า “เพราะคิดว่าการมีก้าวไกล ถึงจะตั้งรัฐบาลสำเร็จ แต่ไม่นานก็ถูกกลุ่มอำนาจเก่าล้มอยู่ดี”
•ร้อยละ 12.89% ระบุว่า “ไม่รู้/ไม่แน่ใจ”
“นโยบายรัฐบาลเพื่อไทยข้อใด ที่คุณอยากให้ทำสำเร็จมากที่สุด 3 อันดับแรก” (446 ตัวอย่าง ค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 93.0)
•ร้อยละ 40.41% ระบุว่า “ค่าแรง 600 บาทต่อวัน เงินเดือน ป. ตรี 25,000 บาท”
•ร้อยละ 39.95% ระบุว่า “กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท”
•ร้อยละ 37.47% ระบุว่า “ปรับลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า”
•ร้อยละ 32.51% ระบุว่า “จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ต่อต้านการรัฐประหาร”
•ร้อยละ 23.70% ระบุว่า “ปฏิรูประบบราชการและทหาร”
"หากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล สามารถทำนโยบายดังกล่าวได้สำเร็จ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า คุณจะเลือกพรรคเพื่อไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่?"
•ร้อยละ 29.57% ระบุว่า “ไม่เลือกแน่นอน”
•ร้อยละ 27.31% ระบุว่า “เลือกแน่นอน”
•ร้อยละ 24.15% ระบุว่า “อาจจะเลือก”
•ร้อยละ 10.84% ระบุว่า “อาจจะไม่เลือก”
•ร้อยละ 8.13% ระบุว่า “ไม่รู้/ไม่แน่ใจ”
“ท่านเห็นชอบหรือไม่ ว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ? (523 ตัวอย่าง ค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 93.0)
•ร้อยละ 75.53% ระบุว่า “เห็นชอบ ควรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ”
•ร้อยละ 12.14% ระบุว่า “ไม่เห็นชอบ ควรแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา”
•ร้อยละ 8.48% ระบุว่า “ไม่รู้/ไม่แน่ใจ”
•ร้อยละ 3.85% ระบุว่า “ไม่เห็นชอบ ไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญเลย”
"ท่านเห็นชอบหรือไม่ ว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ควรมีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด"
•ร้อยละ 82.34% ระบุว่า “สสร. ควรมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งหมด”
•ร้อยละ 9.17% ระบุว่า “สสร. ควรมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนบางส่วน และมาจากการแต่งตั้งบางส่วน”
•ร้อยละ 5.96% ระบุว่า “ไม่รู้/ไม่แน่ใจ”
•ร้อยละ 2.52% ระบุว่า “สสร. ควรมาจากการแต่งตั้งทั้งหมด”
ทั้งนี้ ระบบได้เปิดให้ผู้ตอบแบบสอบถามพิมพ์ตอบอย่างอิสระถึงประเด็นที่เห็นว่าควรปรับปรุงในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยระบบ AI ได้สรุปประเด็นที่ควรปรับปรุงคือ
•อำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีควรเป็นของ ส.ส. ที่มาจากประชาชนโดยตรง โดยไม่มีอำนาจของ ส.ว.
•ที่มาของ ส.ว. ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
•ประเด็นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
•ประเด็นการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน
•การป้องกันรัฐประหาร
•คำนึงถึงหลักการประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศได้อย่างแท้จริง