อุ๊งอิ๊ง ยันชัด! พ่อยังคงเครียด และอ่อนเพลีย ยัน ไม่มีการน้องห้อง VIP
วันนี้ (29 ส.ค. 66) อุ๊งอิ๊ง หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย พร้อมให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชน ถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร หลังจากกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ครั้งแรกเมื่อวานนี้ 28 ส.ค. 66 อุ๊งอิ๊งเผยว่า ตอนนี้คุณพ่อ ทักษิณ มีอาการอ่อนเพลีย ซึ่งสังเกตได้ ตั้งแต่วันที่เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว รวมถึงมีอาการเครียด ไม่สดชื่นเท่าที่ควร แต่ก็สามารถพูดคุยกันได้ โดยตนเองทราบจากสื่อเช่นเดียวกันว่า ต้องย้ายนายทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
ซึ่งคุณอุ๊งอิ๊งบอกเพิ่มเติมว่า “ในช่วงปี 2563 คุณพ่อติดโควิดตั้งแต่สายพันธุ์ที่อู่ฮั่น ซึ่งเข้ารับการรักษาที่ห้องไอซียูถึง 9 วัน และอยู่โรงพยาบาลนาน 1 เดือน น้ำหนักลดลง 10 กิโลกรัม หลังจากออกมา ก็พยายามออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่ก็กลับมาได้พอสมควร ซึ่งตอนนี้อายุ 74 ปีแล้ว และยังมีความเครียดอีก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราเป็นห่วง”
นางสาวแพททองธาร กล่าวต่อว่า นายทักษิณดีใจที่ได้เจออิ๊ง แม้จะมีความเครียด ความเหนื่อย แต่ก็ฮึดสู้ มองว่าการกลับมาประเทศไทยมีความเปลี่ยนแปลงเยอะ เพราะตอนอยู่เมืองนอกยังได้ออกไปข้างนอกบ้าง แต่ตอนนี้มาเปลี่ยนที่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นใครเจอการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็ต้องรู้สึกทุกคน
“ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่เป็นห่วงท่าน ตอนนี้ทีมคุณหมอเองก็เก่งมาก ๆ ได้มีการมอนิเตอร์ทุกอย่าง ซึ่งได้ส่งประวัติการรักษาตัวตลอดระยะเวลา 10 ปีที่เมืองนอก ให้กับคุณหมอหมดแล้ว ว่าเป็นโรคอะไรมาบ้าง ผ่านอะไรมาบ้าง”
นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า ที่โรงพยาบาลตำรวจมีหมอเก่ง ๆ เยอะมาก ไม่ได้มีการขอออกไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแบบที่เป็นข่าว ยืนยันว่ายังอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนจะใช้เวลารักษาตัวนานเท่าใดนั้น ก็ยังไม่ทราบ เพราะมีอีกหลายปัจจัย เป็นเรื่องของเครื่องมือด้วย หากเกิดเหตุการณ์ด่วนขึ้นมา ก็จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์ให้พร้อม
ส่วนเรื่องของความรู้สึกที่มีหลายคนในสังคมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอาการป่วยของนายทักษิณว่าได้รับสิทธิพิเศษในการรักษาตัวนั้น นางสาวแพทองธาร ระบุว่า ไม่ได้เสียใจ แต่เป็นห่วงนายทักษิณมากกว่า ห่วงคนที่เป็นห่วงด้วย กำลังในก็มีส่งมาตลอด ดีใจที่ได้พบกันเมื่อวาน ยืนยันว่าห้องพักเป็นห้องปกติ เห็นฝั่งของโรงพยาบาลตำรวจ ไม่ใจ่แบบที่สื่อนำเสนอไป และเครื่องปรับอากาศ ก็ซ่อมแล้ว
ส่วนเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ นางสาวแพทองธาร ระบุว่า ให้เป็นดุลพินิจของนายทักษิณ ให้เป็นคนจัดการเอง ตอนนี้ไม่มีติดขัดอะไร แต่เวลาในการร่างจดหมายก็ขึ้นอยู่กับนายทักษิณในการดำเนินการ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เห็นจดหมาย
