
วันนี้(12 ก.ย.66 ) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม ช่วงหนึ่งนายศิริโรจน์ ธนิกกุล สส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงนโยบายแรงงาน ว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่นอกจากคำว่าทำให้ผู้ใช้แรงงานเข้าถึงสวัสดิการที่เหมาะสม และคำว่าการเปิดรับแรงงานต่างด้าวแล้ว นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้กล่าวถึงพี่น้องแรงงานอีกเลย ไม่มีรายละเอียดบอกว่าระบบสวัสดิการที่เหมาะสมคืออะไร หรือการเปิดรับแรงงานต่างด้าวมีความแตกต่างอะไรกับสิ่งที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยทำมาบ้าง รวมถึงนโยบายที่เคยหาเสียงก็ไม่ถูกนำมาแถลง
นายศิริโรจน์ กล่าวว่า ค่าแรง 600 บาทต่อวันจำได้หรือไม่ หรือแม้แต่เงินเดือน 25,000 บาทปริญญาตรีไม่มี ท่านเคยพูดไว้ทำได้หรือไม่ นี่จะเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่าท่านจริงใจหรือไม่ในการบริหารประเทศ ประโยคที่ท่านเคยพูดว่าผมเดินทาง 60 วันใครขึ้นมา 11 วันแล้วเหนื่อยยากขนาดนี้ ผมไม่เอากระทรวงดีๆ ไปให้พวกแม่งหรอก แต่สุดท้ายกระทรวงแรงงานกับตกไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย อาจหมายถึงกระทรวงแรงงานกระทรวงที่ดีตามทัศนคติของนายกฯใช่หรือไม่ ทั้งที่พรรคภูมิใจไทยไม่มีนโยบายเกี่ยวกับแรงงานที่ชัดเจน
จากนั้น นายศิริโรจน์ ได้หยิบเสื้อไรเดอร์สีเขียวขึ้นมาใส่ พร้อมกล่าวว่า ตนไม่ได้มาประกวดชุดแฟนซีหรือแต่งเอาเท่ แต่ตนเคยเป็นไรเดอร์ส่งอาหารมาก่อน จึงมาเป็นปากเป็นเสียงให้กับพวกเขา ไรเดอร์อาจจะไม่ใช่อาชีพใหม่ในหลายประเทศ ท่านอาจจะรู้จักในชื่อของเด็กส่งของอะไรก็ตาม แต่เมื่อโควิดเกิดขึ้นก็ทำให้อาชีพนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มีหลายเจ้าที่ทำธุรกิจแข่งขันในตลาด มีจำนวนพนักงานมากถึง 400,000 คน แต่จากหน้าข่าวที่เห็น พี่น้องไรเดอร์ เหล่านี้ต่างก็ ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการปฏิบัติงาน เช่น ค่ารอบที่ไม่เป็นธรรม ค่าบำรุง ค่าเสื่อมสภาพ
นายศิริโรจน์ กล่าวว่า ผมเคยเป็นหนึ่งในไรเดอร์ ตอนขับมอเตอร์ไซค์ก็เคยประสบอุบัติเหตุรถล้ม จนกระดูกข้อมือซ้ายหัก ต้องใส่เฝือกอยู่เป็นเดือน แต่ผมไม่เคยได้รับการดูแล ไม่เคยได้รับแม้แต่การดูแลจากต้นสังกัด... ผมเล่าให้พี่ๆ ไรเดอร์ฟัง เขาขำ บอกว่าอาจจะตายก่อน
ช่วงท้ายของการอภิปราย นายศิริโรจน์ กล่าวว่า สุดท้ายผมหวังว่าสิ่งที่ผมตั้งคำถามที่เคารพกับประธานสภา ไปยังท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในวันนี้ พวกท่านจะมีคำตอบให้กับผมในทุกประเด็นอย่างชัดเจน เพื่อที่จะคลายความกังวลและสงสัยให้กับพี่น้องแรงงาน รวมไปถึงสิ่งที่พรรคของท่านได้หาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง จะไม่ใช่แค่การใช้เพื่อโฆษณาให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเท่านั้น แต่ท่านจะมุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อให้พี่น้องแรงงานไทยเพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนอยู่ดีกินดี มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ให้สมกับการเป็นนายกของประชาชนไม่ใช่นายกส้มหล่นแบบที่ใครเขาว่ากัน
และคำว่า “นายกฯส้มหล่น” นี่เองทำให้ นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ประท้วงการทำหน้าที่ของประธาน โดยระบุว่า พฤติกรรมของสมาชิกเริ่มไปกันใหญ่ ไม่ฟังและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของประธาน ที่นี่ไม่ใช่โรงแสดง ผมไม่อยากขัดสมาชิกที่อภิปรายอยู่เมื่อครู่ และเอานู่นเอานี่มาสวมใส่กัน ทุกอย่างที่เอาเข้าไปในห้องประชุม ต้องได้รับการอนุญาตจากท่านประธานรัฐสภา
จากนั้นมีการถกเถียงกันเรื่องให้ถอนคำพูดพาดพิงนายกฯ โดยให้ถอนคำว่า “นายกส้มหล่น” และรัฐบาลส้มหล่น” ซึ่งต่อมา นายศิโรจน์ ขอถอนคำพูดว่า "ส้มหล่น "และเปลี่ยนเป็นคำว่า "ส้มทั้งแผ่นดิน"