เปิดหัวใจ ชัยวัฒน์ ในวันที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีฆ่าบิลลี่

จากคดีบิลลี่ ทำชีวิตเปลี่ยนแปลงทุกด้าน ฟังจากปากชัยวัฒน์ ในวันที่เป็นจำเลยสังคม

จากกรณีที่อัยการไม่ฟ้อง ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก รวม 4 คน ในคดีฆ่าบิลลี่ แต่ส่งฟ้องข้อหาเดียวคือ ม.157 ปมไม่ส่งตัว บิลลี่ ให้ตำรวจดำเนินคดีลักของป่า ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ (24 ม.ค. 63) ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดปัตตานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า ตนเพิ่งทราบข่าวว่า อัยการสั่งไม่ฟ้องเกือบหมด เหลือเพียงคดีน้ำผึ้งป่า

มาถึงวันนี้เหมือนมีแสงสว่าง ให้กับครอบครัวให้กับตนและลูกน้อง แล้วก็คนที่รักทุกคนก็แสดงความดีใจ ซึ่งในเบื้องต้นอัยการสั่งไม่ฟ้องเกี่ยวกับเรื่องคดีการหายตัว การฆ่า การชำแหละ การปล้นอะไรพวกนี้คงเหลือแต่เพียง 157 ที่เกี่ยวกับคดีน้ำผึ้งป่าเท่านั้น

โดย นายชัยวัฒน์ บอกด้วยว่า ตลอดเวลาที่ตนเองสู้คดีบิลลี่ ครอบครัวพี่น้องก็มีการให้กำลังใจ ซึ่งตนเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับการทำคุณต่อแผ่นดินส่งคนใจบุญ มารับทำคดีให้ ทำให้ฟรี รวมถึงนำเงินมาประกันตัวให้ ถึง 3,200,000 บาท เพราะตนกับลูกน้องไม่มีเงินสักบาทในการประกันตัว

อ่านข่าว : จากใจชัยวัฒน์ ในวันที่รู้ข่าวอัยการยกฟ้องคดีอุ้ม ฆ่าเผา บิลลี่

ภาพจากอีจัน
นอกจากนี้ นายชัยวัฒน์ ยังระบุถึงการยื่นหนังสือร้องเรียนต่ออัยการสูงสุด ในการขอความเป็นธรรมในคดีบิลลี่ด้วยว่า ตอนนั้นที่ยื่นไปก็ยื่นไปทั้งหมด 4 เรื่อง แต่เรื่องหลักๆ ก็คือต้องการให้ทางดีเอสไอมีการหาหลักฐานเพิ่มในเรื่องของชิ้นส่วนกระดูก เพราะที่ดีเอสไอทำมีกระดูกชิ้นเล็กๆชิ้นเดียวที่ระบุว่าอยู่ข้างหู ถ้าร่างกายมนุษย์ชิ้นส่วนที่หายแสดงว่าตาย มันดูระบุเกินไป รวมถึงเป็นการเจอเพียงแค่ชิ้นเดียว ลักษณะการเจอมีการตรวจโดยใช้วิธีไมโทรคอนเดรีย มันไม่สามารถที่จะระบุได้ชัดเจนว่าเป็นใคร รวมถึงยังไม่สามารถระบุเพศได้ เราก็เลยมีข้อโต้แย้งว่าให้ไปงมมาใหม่แล้วถ้าเจอก็มาตรวจโดยใช้ไมโครแซท เทลไลท์ ซึ่งจะได้ผลการตรวจที่ชัดเจนกว่า
ภาพจากอีจัน

นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของกระบวนการฝึกฝนสอบสวนซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากกระบวนการสอบสวนมีการสอบหลายครั้งก็มีการใช้ข้อมูลเดิมคำถามเดิม ซึ่งเป็นคำถามที่จะให้เราตอบเหมือนกับว่ามีการตั้งธงไปแล้วว่าจะให้ใช่แบบนั้น เป็นการสอบเพื่อตั้งธงว่าคุณต้องเป็นอย่างนั้นคุณต้องเป็นอย่างนี้

ภาพจากอีจัน
เมื่อถามว่า คดีบิลลี่ ส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างไรบ้าง นายชัยวัฒน์ เผยว่า ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ไปไหนมีแต่คนมอง มองด้วยความสงสัย ว่าใช่หรือเปล่า เขามองเราเป็นผู้ร้าย ตนเคยไปพักยื่นบัตรประชาชนเจ้าหน้าที่โรงแรมมองแล้วมองอีก ตนรู้สึกเหมือนแทบไม่มีที่ยืน กระทบไปถึงครอบครัว แฟนเป็นครู ไปสอน ลูกยังเรียน ไปไหนก็มีคนมาถามว่า มันเป็นยังไง จริงหรือเปล่า แม้กระทั่งตนไปวิ่ง ก็ต้องหลบคนที่เขาวิ่ง เพราะไม่อยากให้เขาทักเขาถามเรา “ความเจ็บช้ำมันก็สะสมของครอบครัว พี่น้องร้องไห้ทุกคน ผมเคยร้องไห้ ผมนอนผมร้องไห้ ความกดดันจากการที่เราเคยทำงานอยู่ที่เราชอบ กลับมาแล้วก็ไม่เครียด แต่วันนี้ไม่มีงานทำกลับเครียด เพราะว่าเจอกระแสสังคม” นายชัยวัฒน์ กล่าว