18 ชม. กับการปฏิบัติภารกิจรับคนไทยจากอู่ฮั่น

เรื่องเล่าจากกัปตันแอร์เอเชีย เที่ยวบินพิเศษ รับคนไทยจากอู่ฮั่นหนีวิกฤตไวรัสโคโรนา

เรื่องเล่าจาก…กัปตัน ที่ต้องปฏิบัติภารกิจระดับชาติ บินไปรับคนไทยในอู่ฮั่นกลับมายังประเทศไทย หนีไวรัสโคโรนา

กัปตันมนูญ เจริญลอย ได้โพสต์เล่าการทำงานในครั้งนี้ที่ต้องแข่งกับเวลา และทำทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบที่สุด ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Manoon Jarornloy” 18 ชั่วโมงกับการทำภารกิจ ตั้งแต่เครื่องบินเทคอ็อฟออกจากไทย ไปจนถึงเทคอ็อฟออกจากสนามบินอู่ฮั่น…


ผมไม่ใช่ฮีโร่…

หลายคนที่รู้จักผม ตอนเช้าของวันที่ 4 คงรู้แล้วว่า ผมเป็นคนบินไปรับคนไทยในหวู่ฮั่น(WUH) เพราะสื่อต่างๆ ออกข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก และเผอิญมีภาพบางภาพในข่าว มีติดรูปผมไปด้วย ทั้งที่ตามแผนของคณะทำงาน ที่มีกระทรวงต่างประเทศเป็นแม่งาน ไม่ได้เป็นอย่างนั้น…

สั้น เงียบ ใช้คนน้อยสุด คือสิ่งที่ตกลงกันไว้ แต่อย่างว่า บางอย่างก็เหนือการควบคุม


เรื่องเล่าก่อนหน้านี้ 
ตอนไวรัสโคโรนาเริ่มระบาด ทางด่านควบคุมโรคดอนเมืองได้ทำงานร่วมกับสายการบิน ในการตรวจคนที่มาจากหวู่ฮั่น (WUH) อย่างต่อเนื่องก่อนที่ข่าวจะดังเสียอีก สายการบินเราจากปกติที่ทำการฆ่าเชื้อตามวงรอบก็มาทำถี่ขึ้น และกลายเป็นว่าทำทุกเที่ยวบินทันที ที่กลับจากหวู่ฮั่น (WUH) ก่อนนำไปใช้ต่อ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่า เครื่องเราสะอาดแน่ๆ สำหรับผู้โดยสารทุกคน การตรวจผู้โดยสารมีเฉพาะขาเข้า แต่เราคิดว่า ไม่พอ และเป็นปัญหาที่ปลายทาง ถ้ามีคนที่มีไข้ แม้ไม่ได้เป็นไข้หวัดหวู่ฮั่นก็ตาม

รวมทั้งเราต้องการความมั่นใจว่า ผู้โดยสาร คนอื่นรวมทั้งน้องๆ พนักงานของเราจะปลอดภัยในการโดยสารกับเรา ทีมงาน Exit Screen จึงเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก ด้วยความร่วมมือของน้องๆนักบินที่เป็นหมอ น้องๆลูกเรือที่เป็นพยาบาล โดยหัวหน้าลูกเรือคนสวยและทีมในแผนกเป็นกำลังหลัก security GS รวมทั้ง Safety ด้วย

หมอป๊อกกับทีมแพทย์สี่คน ที่เป็นนักบินของเรา ทั้งเป็นกำลังหลักในการตรวจและทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้น้องๆในทีม ก็ไม่สามารถมาได้ทุกวัน เพราะเราต้องทำระยะยาว ผมเลยเรียนปรึกษา CEO เพื่อที่จะจ้างพยาบาลมาช่วย

บทสนทนา ก่อนมีภารกิจ

ระหว่างนั่งทำงานรอครูม้ง ซึ่งเป็น HFO ของเราเดินมาหา บอกว่า “CEO เรียกพบ”

พี่ต๊อกบอกว่า “เราอาจต้องทำเที่ยวบินรับคนไทยจากหวู่ฮั่น(WUH) มึงว่าไง” ม้งพูดกับผมระหว่างเดินไปห้องทำงาน CEO

“กูกำลังคิดเรื่องนี้พอดี ว่าทำไมรัฐบาลไม่เอาคนออกมา ไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวกูบินเอง” ผมบอกกับม้ง

“งั้นมึงกับกูบินด้วยกัน จะได้ตัดปัญหา ไม่ต้องเอาคนอื่นไปเสี่ยง” ม้งบอกผมก่อนเข้าห้อง CEO

“พี่ รัฐบาลขอความร่วมมือมา ให้เรารับคนไทย จากหวู่ฮั่นพี่ว่าไง” พี่ต๊อกเอ่ยขึ้น

“พร้อมครับ” ม้งตอบ “เดี๋ยวผมสองคนบินเอง น้องลูกเรือก็ไม่น่ามีปัญหา”

“งั้นผมตอบตกลงเขาไปนะ น่าจะประมาณวันที่ 1-2 เราพร้อมนะ”

“พร้อมครับ” เราตอบพร้อมกัน

เตรียมเริ่มภารกิจ

วันรุ่งขึ้น ม้ง ผม และหัวหน้าลูกเรือ โดนเรียกให้ไปประชุมด่วนกับคณะทำงานของรัฐบาล ที่มีทั้งทีมแพทย์ การท่าอากาศยาน ตำรวจตม. และทหาร ที่กรมกงสุล เราแบ่งหน้าที่กันทำตามความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย ส่วนวันเวลานั้น รอคอนเฟิร์มจากจีน

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

“ขอให้เป็นความลับนะ” ท่านอธิบดีบอก ก่อนเลิกประชุม ผมเหลือบไปเห็นไลน์เด้งขึ้นมา เลยตอบไปว่า “ไม่ลับแล้วล่ะครับ มีการแถลงแล้วว่า ไปวันที่ 1”

ทุกคนในห้องถอนหายใจดังเฮ้อ… คนจะไปยังไม่รู้เลย ว่าจะไปวันไหน ผมคิดในใจ


กลับจากประชุมผมไปงานเลี้ยง ชนอ. ม้งต้องไปร่วมวางแผนกับแผนกอื่นๆ และรายงานการประชุม ให้พี่ต๊อกฟัง เลยถูกพี่ต๊อกขอให้เปลี่ยนคนบิน จากเดิม ผม ม้ง และปุ้ม หัวหน้าลูกเรือ เพราะแกบอกว่า ถ้าพวกพี่โดนกัก จะทำไง เพราะสามคนไปด้วยกัน ใครจะทำงาน เพราะทั้ง ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ ไปกันหมด ซึ่งเรื่องนี้ ผมคุยกับม้งแล้วว่ามันไม่ควรไป แต่ผมไปได้ เพราะงานผม อยู่ไหนก็ทำได้ ส่วนม้ง ต้องร่วมประชุมเรื่องสำคัญบ่อยๆ สรุปคือ ม้งคอยติดต่อกับกงสุล ทีมคุณหมอ แผนกต่างๆภายในแอร์เอเชีย คือเป็นผู้อำนวยการศูนย์นั่นเอง

เมื่อข่าวมันออกไป ว่าแน่นอน แอร์เอเชียเป็นคนไปรับคนไทย นักบินในกลุ่มไลน์ต่างเสนอตัว ที่จะไปทำหน้าที่นี้ จริงๆเขาคุยกันก่อนหน้านั้นแล้วล่ะ ว่าถ้ารัฐบาลให้เราทำ หลายคนเสนอตัวที่จะทำ โดยไม่รับเงินค่าบิน บางคนหลังไมค์มาก็มี ผมก็ตอบทีเล่นทีจริงว่าให้ลงชื่อไว้ เราทำจริงๆ ผมจะได้ไม่ต้องหาให้ยาก ปรากฏว่ามีคนสมัครทั้งหน้าไมค์และหลังไมล์ แป๊บเดียวเกือบ 20 คู่ ผมเลยต้องบอกว่า ผมพูดเล่น ยังไม่มีความคืบหน้าว่าเราจะทำมั้ย

วันอาทิตย์ที่ 2 เราโดนเรียกเข้าประชุมวางแผนละเอียดอีกครั้ง หลังได้รับไฟเขียวจากจีน ว่าคือวันที่ 4 การนัดหมายโหลดของ การเดินทาง สถานที่รับตัวคนไทย ถูกสรุปในวันนั้น และทุกอย่างถูกกำชับให้เป็นความลับ แต่มีคนเงยหน้ามาบอกว่า “ทุกคนรู้แล้ว ว่าเราจะไปลงอู่ตะเภา ข่าวลงแล้ว”

Run True!

วันจันทร์ที่ 3 ทางทีมแอร์เอเชียถูกนัดหมายให้ไปซ้อมการใส่ขุดป้องกัน (PPE) เพราะหมอบอกว่า การใส่น่ะง่าย แต่การถอดอาจทำให้ติดเชื้อได้

ภาพจากอีจัน
การซ้อมรอบเช้ายังไม่สมบูรณ์ เพราะขั้นตอนการคัดกรองผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ต้องให้ลูกเรือช่วย เราจึงต้องบรีฟกันอย่างละเอียด และเราต้องเข้าพบนายกฯในตอนบ่าย ก่อนที่น้องๆจะกลับไปซ้อมอีกรอบ ส่วนผมกับอั๋นแยกตัวกลับ เมื่อเรากลับมาถึงสถาบันบำราศนราดูรD-Day วันเริ่มภารกิจ รับคนไทยจากฮู่ฮั่น เช้าวันที่ 4 วันออกเดินทาง ซึ่งคือเวลา 07.10 น. ผมนัดลูกเรือ ทีมแพทย์ 7 คน และเจ้าหน้าที่ กระทรวงการต่างประเทศ 2 คน บรีฟขั้นตอนสุดท้าย ตอน 05.10 น. ใครจะรับผิดชอบอะไรตอนไหน และ chain of command (ผู้บังคับบัญชา) ใน cabin (การเชื่อมต่อ) เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปในขากลับ เมื่อประตูเปิดที่หวู่ฮั่น (WUH) ขอให้ลูกเรือเชื่อฟังคุณหมอ ซึ่งนำโดย ผอ.ของสถาบันบำราศนราดูร เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโดยไม่ตั้งใจ แต่เมื่อประตูปิดแล้ว การสั่งการเป็นหน้าที่ของหัวหน้าลูกเรือนะครับ จนกว่า sign off คุณหมอถึงกลับมานำอีกครั้ง เกิดมีผู้ป่วยฉุกเฉินบนเครื่อง หมอจะเป็นคนสั่งการ แต่ถ้าเกิด Emergency ให้ลูกเรือเป็นคนสั่งการทั้งหมด ผมบรีฟคร่าวๆ
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ก่อนขึ้นเครื่อง รมว.กระทรวงสาธารณสุข มาส่งที่เครื่อง มีการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

เรา Landing ที่หวู่ฮั่น(WUH) ตอน 11.15 น. เวลาหวู่ฮั่น เรารีบกินข้าวและทำธุระส่วนตัว ก่อนที่จะบอร์ดผู้โดยสาร เพราะหมอบอกหลังจากนั้น เราจะไม่สะดวกอีก เราใช้เวลาคัดกรองและบอร์ด เกือบ 6 ชม. ซึ่งยาวนานมาก ผมกับอั๋นและ Engineer เก็บตัวในห้องนักบิน น้องๆลูกเรือ ช่วยหมอในการจัดที่นั่งผู้โดยสาร และออกที่นั่งให้

ทำไมต้องทำขนาดนั้น?
1.เราต้องมั่นใจว่า คนที่อาจมีอาการหรือติดเชื้อ ต้องถูกแยกไปนั่งต่างหาก และใช้ห้องน้ำที่แยกไว้ให้
2.คนที่มีร่างกายแข็งแรง แต่อยู่พื้นที่เสี่ยง ต้องนั่งอีกโซน
3.กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มเสี่ยงน้อย จะจัดให้นั่งข้างหน้า

ผมงีบรอในห้องนักบินครับ แต่ตื่นขึ้นมาทีไร ผมก็ยังเห็นน้องๆ ทั้งหมอ และลูกเรือ ทำงานด้วยความร่าเริงตลอดเวลา มีการเอนเตอร์เทนผู้โดยสารตลอดเวลา คุณคิดดูว่า ในมุมของผู้โดยสาร คนแรก ต้องรอคนสุดท้ายเกือบ 6 ชั่วโมง มันน่าเบื่อขนาดไหน

พาคนไทยจากอู่ฮั่น กลับประเทศไทย
การบอร์ดอันยาวนานสิ้นสุดลง เราเริ่มขออนุญาตถอย และทำการวิ่งขึ้น สนามบินที่เคยคับคั่งไปด้วยเครื่องบินจากนานาประเทศ ตอนนี้เป็นของเราคนเดียว

ขอพูดถึงทีมแพทย์ชุดนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงน้องๆลูกเรือของเรา ต้องขอบอก พวกเขาสุดยอด ทั้งความรู้ การเตรียมการ การทำตามแผนและนอกแผน

หลังจากการตรวจอันยาวนาน ตอนแรกเราจะให้ผู้โดยสารแค่น้ำ 2 ขวด แซนวิช และเจลล้างมือ ซึ่งจะวางไว้ที่ที่นั่ง ก่อนจะบอร์ดผู้โดยสาร เพื่อลดขั้นตอนการบริการ ในแผนจะไม่มีการบริการอาหารร้อน แต่ด้วยเวลาที่ทอดยาวออกไปผู้โดยสารมารอแต่เช้า และไม่มีอะไรขายที่สนามบิน อาหารที่เราโหลดมาเพื่อใช้ในกรณีไดเวิร์ดถูกนำมาใช้จนเกลี้ยง โชคดีจริงๆ ที่เราคิดถึงกรณีนี้ไว้ ตามข้อเสนอของ ปุ้ม หัวหน้าลูกเรือ เพราะถ้าเราไปลงสนามบินกลางทาง ในกรณีฉุกเฉิน ไม่มีใครให้เราลงจากเครื่องแน่ เราควรมีน้ำ และอาหารสำรอง ก่อนเครื่อง Rescue จะมารับ

จากแผนไม่เสิร์ฟระหว่างเที่ยวบิน ต้องมาทำ Fulservice น้องๆลูกเรือ ต้องอุ่นอาหารแบบด่วน ทายสิครับ ใครจะเป็นคนเสิร์ฟ… ทีมหมอและพยาบาลสิครับ แม้แต่ ผอ.สถาบันบำราศนราดูร ก็ได้ทดลองอาชีพสจ๊วตครั้งแรก คุณหมอ พยาบาล ที่ข้างล่างคนเรียกอาจารย์ วันนี้ต่างทำหน้าที่บริการอาหารอย่างแข็งขัน เรามีหมอจิตเวช และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศไปด้วย ทุกคนช่วยกันเอนเตอร์เทนผู้โดยสารตลอดเวลา เพื่อลดความเครียดที่รอกลับบ้านเป็นเวลานาน ทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างสุดยอดจริงๆ

Finish! คนไทยจากอู่ฮั่นถึงบ้านเกิด  

เราลงที่อู่ตะเภาและตามคาด มีคนมากมายมารอทำข่าว และคุณหมอก็ได้ทำหน้าที่สุดท้ายของตนเองบนเครื่องบิน คือ ทำความสะอาดเครื่องบิน เก็บขยะลงถุงปลอดเชื้อ พ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อ ก่อนทีมฆ่าเชื้อของฝ่ายช่างแอร์เอเชียจะมาทำซ้ำอีกรอบ ผมไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้ผู้โดยสารผมได้นอนเมื่อไหร่ ทีมหมอและกระทรวงการต่างประเทศ ได้กินข้าวมั้ย เพราะผมแอบนำทีมลูกเรือหลบมาก่อน

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ผมยอมรับในหัวใจ ของคุณหมอ และกระทรวงการต่างประเทศชุดนี้จริงๆ ทำงานหนักตลอดวัน อย่างมีพลังและร่าเริงตลอดเวลา ลูกเรือผมก็เช่นกัน ถ้าจะมีใครถูกเรียกว่าฮีโร่ นั่นคือพวกเขาครับ

ภาพจากอีจัน

ขอซูฮก ทีมคุณหมอและเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งสองคนด้วยใจจริง

จบการทำงาน…18 ชั่วโมงอันยาวนานครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม